เพียงความ (ไม่) เคลื่อนไหว
“และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ
เป็นความงดความงามใช่ความชั่ว
อันอาจขุ่นอาจข้นหม่นมัว
แต่ก็เริ่มจะเป็นตัวจะเป็นตน
พอเสียงร่ำรัวกลองประกาศกล้า
ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน
พอปืนเปรี้ยงแปลบไปในมณฑล
ก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย”
(เนาวรัตน์ พงษ์ไพพูลย์ : ๕ ตุลาคม ๒๕๑๗)
...
เสี่ยงสารมาคารวะมิตรสหาย
ในคืนร้าวดาวหม่นหล่นละลาย
และใบไม้ยังหายไปไม่หวนคืน
เรียงวลีวจีร้อยรอยความคิด
ถึงมิ่งมิตรจิตกวีที่สุดฝืน
เคยสร้างสรรค์อุดมการณ์หยัดยืน
หวังพลิกฟื้นสร้างสังคมอุดมธรรม
เคยบอกกล่าวย้ำใจให้สืบสาน
หรือพ้นวารผ่านวัยใจตกต่ำ
เคยขับขานกานท์กลอนสอนจดจำ
หรือเพียงพร่ำเพ้อพกแล้วผ่านพ้น
กวีกลอนบทเก่าเร้าสำนึก
แต่บทใหม่กลับรู้สึกแปลกสับสน
กระชับพื้นที่...หรือเข่นฆ่าประชาชน
ผู้ทุกข์ทน..หรือโจรปล้นก่อการร้าย..
เลือดที่นองท้องถนนบนผ่านฟ้า
ไหลลงมาราชประสงค์ไม่ขาดสาย
หรือเก้าสิบกว่าชีวิตสมควรตาย
จึงดูดาย..วายเว้นคารวะ
หรือสายตาเปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน
มองมวลชนก่อเดือดร้อนกักขฬะ
หรือเสรีภาพไม่สมควรจะชนะ
จึงเลิกละแล้วเลือกข้างอย่างขลาดกลัว
...
“และแล้วความเคลื่อนไหวไม่ปรากฏ
ใช่ความงดความงามกลับทรามชั่ว
ที่เคยขุ่นเคยข้นยิ่งหม่นมัว
ประชาธิปไตยไม่เป็นตัวไม่เป็นตน
พอเสียงบดล้อรถถังระบาดบ้า
ก็รู้ว่า ”รัฐประหาร” กันอีกหน
พอควันไฟจางหายไปในมณฑล
ก็รู้ว่า “ประชาชน” ไม่พ้นภัย
...
ทางเท้า : กลุ่มกวีตีนแดง
ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนร่วมชมงานนิทรรศการศิลปะ วรรณกรรม บทกวี
“กลับสู่แสงสว่าง”
เพื่อร่วมสนับสนุนข้อเสนอนิติราษฎร์
พบกับนิทรรศการศิลปะ อ่านบทกวี ฉายภาพยนตร์วงเสวนา และกิจกรรมอื่น ๆ มากมาย
ระหว่างวันที่ 15 - 22 มกราคม 2555
ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
จัดโดย