Quantcast
Channel: ประชาไท
Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

TCIJ: บันทึกการต่อสู้ด้วยแรงกายและแรงใจ เป้าหมายคือที่ดินทำกิน

$
0
0

คำบอกเล่าจากพื้นที่สวนปาล์ม 7,500 ไร่ ท่ามกลางความขัดแย้งกรณีที่ดินของผู้ทำกินกับผลอาสินของกลุ่มทุนใหญ่ คืนวันที่ผ่านไปด้วยดวงใจระทึก พวกเขาคือผู้บุกรุกหรือเจ้าของที่ดินที่แท้จริง

 

5 มกราคม 2555

แม้ปีเก่าจะผ่านพ้นไปปีใหม่ย่างเข้ามา ฝนจะตกฟ้าจะร้องแม้อากาศจะหนาวเหน็บเพียงใด ความเป็นอยู่จะยากลำบากแค่ไหน เรื่องน้ำ-ไฟไม่ต้องพูดถึง แต่การต่อสู้เรื่องที่ดินทำกินของเราสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ก็ยังดำเนินต่อไป
 
ในพื้นที่สวนปาล์มแปลงใหญ่ เนื้อที่กว่า 7,500 ไร่ ชาวบ้านฉลองปีใหม่ 2555 กันอย่างเงียบสงบ โดยการนอนฟังเสียงพลุ และเสียงปืนสลับกันไปเป็นที่สนุกสนาน (?) ปนน่าตื่นตระหนก
 
ช่วงค่ำคืนวันที่ 31 ธ.ค.54 ถึงเริ่มต้นวันใหม่ 1 ม.ค.55 มีการยิงปืนจากบริเวณใกล้ที่พักของชาวบ้าน ในตำแหน่งที่ไม่ไกลนัก และลูกปืน 2 นัด วิ่งเข้ามาเที่ยวเล่นในแคมป์ที่พักยามเที่ยงคืนพอดี เกือบโดนศีรษะชาวบ้านที่ไม่ยอมหลับยอมนอนเพราะรอเวลานับถอยหลังวันสิ้นปี กลายเป็นเรื่องเล่าแบบขำๆ (?) ในวันต่อมา เพราะโชคดีที่ไม่มีใครได้รับของขวัญที่ไม่พึงประสงค์
 
ว่ากันถึงปฏิบัติการ “ทำลายสัญลักษณ์” ของกลุ่มทุนในพื้นที่ที่ดำเนินมาถึงวันที่ 5 แล้ว แม้ระยะนี้ฝนจะตกทุกวันชาวบ้านก็ทำงานกันท่ามกลางสายฝนและต้องทำงานกันอย่างรวดเร็วระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะช่วงวันที่ 30 - 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนงานของกลุ่มบริษัทขับรถเวียนบนถนน ในสวนปาล์มคอยตรวจตราดูความเคลื่อนไหวของชาวบ้านอยู่เหมือนกัน คาดว่าอีกไม่เกิน 10 วันอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติบางอย่างเกิดขึ้นได้
 
ทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานี ได้นัดตัวแทนจากสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้เข้าเจรจาแล้ว เรื่องการขยายพื้นที่ให้กับสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ซึ่งมีกว่า 600 คน ไม่ว่าผลการเจรจาจะออกมาอย่างไร แต่ที่แน่ๆ การเข้ายึดพื้นที่เพื่อขยายพื้นที่ทำกินของสมาชิก สกต.ในครั้งนี้นับว่ามีความพร้อม และเข้มแข็งทั้งกำลังกายและกำลังใจ เชื่อว่าไม่มีการถอยหลังกลับอย่างแน่นอนไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
 
จากการพูดคุยกับสมาชิกหลายๆ คนต่างบอกว่า ครั้งนี้พวกเขาจะเอาผืนดินคืน และตั้งใจจะใช้ที่ดินผืนนี้มาแบ่งปันกันอย่างเป็นธรรมเพื่อทำมาหากิน
 
“ในเมื่อสังคมไม่ให้โอกาสพวกเรา พวกเราก็จำเป็นต้องสร้างโอกาสของเราเอง” สมาชิกคนหนึ่งกล่าว
 
คงต้องคอยติดตามสถานการณ์ความคืบหน้ากันต่อไป
 
ป้อมยามรักษาความปลอดภัยในยามค่ำคืน
 
29 ธันวาคม 2554
 
ผ่านมา 6 คืน ที่สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) เข้าจัดการพื้นที่สวนปาล์ม ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานี ด้วยการสร้างที่พักชั่วคราวและรวมตัวเข้ามาอยู่อาศัยร่วมกันในพื้นที่น้อยนิดบนของที่ดิน 7,500 ไร่ และมีเวรยามคอยดูแลผลัดเปลี่ยนตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยงานใดเข้ามาดูแลสอบถามเลย
 
เวลากลางวัน สมาชิกร่วมกลุ่มกันออกทำงาน แผ้วถางหญ้า และต้องทำลายสัญลักษณ์บางอย่างของกลุ่มทุน เพื่อรอการเพาะปลูกพืชผลในฤดูกาลต่อไป โดยไม่ต้องการผลอาสินใดๆ ของบริษัท เพราะถือว่านี่คือผลประโยชน์ที่สร้างความขัดแย้งระหว่างกลุ่มทุนอิทธิพลกับชาวบ้าน และโดยนโยบายแล้ว การดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและเป็นธรรมในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของภาคเกษตรกรรม รวมทั้งเพื่อการรักษาปัจจัยการผลิตหรือที่ดินไว้สู่รุ่นลูกหลานไม่ให้เป็นสินค้า ตามแนวทางโฉนดชุมชนที่สมาชิกทุกคนตั้งความหวังไว้
 
การปฏิบัติการในครั้งนี้ยังไม่สามารถกำหนดวันแล้วเสร็จได้ แม้ว่าจะมีความสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายอาจถึงแก่ชีวิต จากการเสียผลประโยชน์ของกลุ่มทุน แต่ทุกคนยังมีขวัญและกำลังใจดีพร้อมยืนหยัดกับความตั้งใจเดิมแม้ว่าในทุกค่ำคืนจะมีเสียงปืนดังเป็นระยะบริเวณรอบนอกที่พัก
 
แม้จะมีความหวาดกลัวบ้าง สมาชิกทุกคนก็อยู่กันอย่างสงบ ส่วนเหตุการณ์รุนแรงอื่นๆ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นคาดว่าทางกลุ่มอิทธิพลก็น่าจะรอดูท่าทีของชาวบ้านเช่นกัน
 
ที่พักพิงในที่ดินพิพาท
 
26 ธันวาคม 2554
 
สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้  400 กว่าชีวิต ร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจกันเคลื่อนกำลังมุ่งสู่พื้นที่เป้าหมาย สวนปาล์ม 7,500 ใน อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานี และเป็นพื้นที่โฉนดชุมชนนำร่องที่ถูกกลุ่มทุนยึดครองใช้ประโยชน์มานานกว่า 20 ปี โดยภาครัฐไม่คิดจะจัดสรรให้กับชาวบ้านด้วยความเป็นธรรม
 
แม้จะรู้ว่านี่คือความเสี่ยงถึงชีวิตที่กล้าใช้จอบเสียม เข้าต่อสู้กับกระสุนปืนของกลุ่มอิทธิพล แต่ด้วยความจนยากและไม่อาจรอคอยด้วยการร้องขอจึงจำเป็นต้องจับมือกันในหมู่ประชาชน ยอมรับความเสี่ยง และต้องทำงานด้วยความระแวดระวังทุกเวลา
 
3 คืนมาแล้วที่ชาวบ้านขึ้นไปตั้งที่พักชั่วคราวที่นี่ แม้ในยามค่ำคืนที่ฝนตกหนักก็ยังต้องจัดเวรยามเฝ้าระวัง แม้ไม่มีอาวุธและต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ ต้องคอยหลบหลีก ไม่ให้เกิดการปะทะ เพราะนั่นหมายถึงชีวิตของสมาชิกทุกคน
 
การเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่นี้ถือเป็นการทำลายผลประโยชน์ของกลุ่มทุนและกลุ่มอิทธิพลโดยตรง ก็ต้องคอยจับตาว่ารัฐบาลชุดนี้จะแก้ปัญหาเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของชีวิตชาวบ้าน และปัญหาการจัดสรรที่ดินให้กับชาวบ้านอย่างไรต่อไป
ชาวบ้านผู้ต่อสู้เพื่อผืนแผ่นดินทำกิน
 
23 ธันวาคม 2554
 
สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านไร้ที่ดินทำกินจำนวน 465 คน พร้อมของใช้และเสบียงอาหารเดินทางเข้าไปในสวนปาล์ม 7,500 ไร่ ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ในการดูแลของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)
 
เดิมทีพื้นที่แห่งนี้ชื่อ ป่าไสทอน – คลองโซง เมื่อปี พ.ศ.2528 บริษัทรวมชัยบุรีปาล์มทองได้ขอเช่าทำประโยชน์ปลูกปาล์มน้ำมันตั้งแต่เมื่อครั้งที่ที่ดินยังอยู่ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) แต่ด้วยความขัดแย้งภายในของกลุ่มบริษัทเองทำให้ต้องยกเลิกสัญญาเช่าไปในปี พ.ศ.2532 ถือว่าสิทธิตามกฎหมายได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
 
แต่เนื่องจากผลประโยชน์ก้อนใหญ่ในแต่ละเดือนที่ได้จากผลอาสิน ทำให้กลุ่มอิทธิพลที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของบริษัทใช้สิทธิครอบครองและร่วมกับนักการเมืองท้องถิ่นบางกลุ่มเข้ามาบริหารจัดการร่วมแบ่งปันผลประโยชน์กันมาเป็นเวลากว่า 24 ปี พร้อมทั้งกีดกันข่มขู่ไม่ให้ชาวบ้านกลุ่มใดเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่นี้
 
“ที่ดินของรัฐที่สมควรกระจายให้กับภาคเกษตรกรผู้ทำการผลิตแต่กลับตกอยู่ในมือคนกลุ่มน้อยแค่กลุ่มเดียว” สมาชิกคนหนึ่งกล่าว  
 
แม้แต่วันที่มีกลุ่มสมาชิก สกต.เข้าไปเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อทำการเกษตรก็ยังถูกกลุ่มอิทธิพลขับรถ 6 ล้อมีคนงานเต็มคันรถขับเข้ามาในเขตที่พักของชาวบ้านสร้างความหวาดผวากับกลุ่มชาวบ้านเพราะชาวบ้านไม่มีอาวุธใดๆ นอกจากเครื่องมือการเกษตร จอบ เสียม พร้า
 
สิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือที่ดินเพื่อการทำอยู่ทำกิน แต่หลังจากฝากความหวังไว้ที่กระบวนการยุติธรรมเพื่อนำที่ดินคืนมาจัดสรรใหม่ กลับพบว่า คดีความอาญาต่อกลุ่มทุนฐานบุกรุกถูกอัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีแพ่งอยู่ระหว่างพิจารณา ขณะที่บริษัททุนยื่นขอทุเลาคดี ส.ป.ก.ฟ้องขับไล่ การรอแล้วรอเล่าก็ยังคงได้แต่รอ
 
ปฏิบัติการครั้งนี้จึงมีขึ้น เพื่อให้เกิดรูปธรรมของการเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริง เพื่อกรรมสิทธิ์ถือครองของผู้ทำกิน เพื่อที่ดินในการเพาะปลูกเพื่อลูกหลาน ไม่ได้หวังเก็บเกี่ยวมรดกพืชผลของกลุ่มทุน 
 
อย่างไรก็ตาม การที่ชาวบ้านเข้าไปอยู่ในพื้นที่สวนปาล์มในขณะนี้นับว่ามีความสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายมากพอสมควรและต้องอยู่กันอย่างระมัดระวังต่อไป
 
สภาพสวนปาล์มในพื้นที่
 
สวนปาล์มที่รกร้างไม่ได้รับการตัดแต่ง แต่ยังมีผลปาล์มให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่นี่คือผลประโยชน์ของกลุ่มทุนและนักการเมืองบางคนที่มีเอี่ยวอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี แม้สัญญาเช่าถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ชาวบ้านก็ไม่สามารถเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ 
 
กลุ่มชาวบ้านเคยเข้าไปต่อสู้ในปี 2546 และถูกยิงตายไป 7 ศพ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใข้ประโยชน์ในพื้นที่อีกจนกระทั่งเมื่อปี 2552 เป็นต้นมา สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้เข้าตรวจสอบพื้นทีนี้ และพยายามผลักดันด้านนโยบายกับภาครัฐมาตั้งแต่รัฐบาลนายกอภิสิทธิ จนเข้าสู่นโยบายโฉนดชุมชนนำร่องซึ่งเป็น 1 ใน 35 พื้นที่ทั่วประเทศ แต่ความคืบหน้าในการจัดสรรที่ดินอย่างเป็นรูปธรรมก็ไม่เกิดขึ้น ล่วงเลยเข้าสู่รัฐบาลปัจจุบันก็ยังคงล่าช้าอยู่ในการดำเนินการ 
 
ถึงวันนี้ อย่าปล่อยให้นโยบาย "ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม และกระจายการถือครอง" ต้องอยู่แต่ในกระดาษเหมือนเช่นรัฐบาลที่ผ่านมาเลยเพราะนั่นหมายถึงความเดือดร้อนของประชาชนคนจนที่ไร้หนทางต่อสู้ และทำให้พวกเขาต้องต่อสู้ด้วยตัวเองอย่างจนตรอก
 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

Trending Articles