ประธานกรรมการอิสลามปัตตานียันระเบิดคาร์บอมบ์ที่ รร.ซีเอสปัตตานี ผิดหลักศาสนาอิสลาม แม่ทัพย้ำผู้ก่อเหตุเป็นพวก “สุดโต่ง” วอนพี่น้องมุสลิมปฏิเสธ เลขาฯ ศอ.บต. แจงเร่งฟื้นฟูซีเอส สร้างความเชื่อมั่น
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2555 พล.ท. อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 และผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาคสี่ส่วนหน้า พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานีได้เข้าเยี่ยมดูสถานที่เกิดเหตุระเบิดด้านหลังโรงแรมซีเอส ปัตตานี โดยมีนายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล เจ้าของโรงแรมซีเอส.ปัตตานีและสมาชิกวุฒิสภาให้การต้อนรับ
นายแวดือราแมกล่าวว่า “ผมในฐานะเป็นตัวแทนของผู้นำศาสนาและบ้านเกิดอยู่ที่นี่ อันดับแรกก็ต้องแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความคิดของผมเองก็ไม่อยากให้เกิด เพราะว่าเรื่องนี้ผิดกับหลักศาสนาเป็นความคิดนอกกรอบนอกระบบ โดยเฉพาะในเดือนรอมฎอนเป็นเดือนมหาประเสริฐยิ่ง ให้ทุกคนเป็นบ่าวอัลลอฮ์ ทุกคนอยู่ในเดือนนี้ก็ต้องสนับสนุนส่งเสริมให้ทำความดี”
“ต้องอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนในเดือนรอมฎอน ต้องทำบุญและศาสนกิจที่อัลลอฮ์ได้กำหนดไว้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทุกคนก็เดือดร้อน มันก็กระทบกับหลายๆ เรื่อง หลายๆ ด้าน ซึ่งก็ผิดกับหลักศาสนาตามที่ท่านศาสดาได้กำหนด” นายแวดือราแมกล่าว
นายแวดือราแมระบุว่าในการแก้ไขปัญหาเรื่องความรุนแรงนั้นจะต้องส่งเสริมให้ชาวมุสลิมและชาวพุทธอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความรักและสามัคคี
เหตุคาร์บอมบ์เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ที่ถนนเทศบาล 5 บริเวณด้านหลังโรงแรมซีเอสปัตตานี แรงระเบิดทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าของโรงแรมเสียหาย ผนังอาคารที่อยู่ใกล้ๆ มีรอยร้าว ไฟไหม้ในบริเวณโรงครัวด้านข้างและในห้องพักชั้น 7 ของโรงแรม กระจกห้องพักด้านหลังแตกเกือบทั้งหมด โดยมีผู้บาดเจ็บจากการถูกกระจกบาด 5 คน
แม่ทัพภาคสี่ยันใช้กม. จัดการ “ผู้สุดโต่งทางความคิด”
“ถ้าพี่น้องไม่เห็นด้วย ครั้งนี้ครับ เราต้องออกมาปฏิเสธการก่อเหตุของพวกเขา ถ้าเราอยู่เฉยอยู่ เขาก็จะได้ใจและทำให้พี่น้องมุสลิมเสียหาย” พล.ท. อุดมชัยกล่าว “เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการทำความดี คนที่ฆ่ามนุษย์ คนที่ทำลายหรือทำให้คนอื่นไม่มีความสุขไม่ใช่มุสลิม”
แม่ทัพภาค 4 ได้เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีอยู่ไม่มากแล้ว แต่ว่าในสงครามลักษณะนี้ “กำลังน้อยก็จะต้องทำให้เป็นกำลังมาก” เป็นยุทธศาสตร์ป้องกันมวลชนของเขา เพราะเขาไม่ต้องการให้พี่น้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
“ภายในเขาก็รู้ดีว่า สิ่งที่เขาทำนั้นไม่ถูกต้องคือความรุนแรง ผมยืนยันว่าผมสนับสนุนการต่อสู้ของพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกเรื่อง ยกเว้นการต่อสู้ด้วยอาวุธ” พล.ท. อุดมชัยกล่าว
พล.ท.อุดมชัยชี้แจงว่าพลเรือน ตำรวจ ทหารพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ว่าต้องขอร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการช่วยกันให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ หากมีอะไรผิดสังเกตขอให้แจ้งที่เบอร์ 1341 เจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะเข้าไปตรวจสอบ
เลขาฯ ศอ.บต. ยันเร่งฟื้นฟูซีเอส เรียกคืนความเชื่อมั่น
“นี่เป็นวิธีการทำลายความเชื่อมั่น โรงแรมแห่งนี้เป็นเหมือนสถาบัน เราเองก็ต้องเร่งฟื้นฟู เยียวยา ...อันนี้เป็นการทำลายอนาคตของพี่น้องประชาชน” พ.ต.อ. ทวีกล่าว
เลขาฯ ศอ.บต. ได้ชี้แจงว่าจะต้องส่งเสริมให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนในการร่วมเป็นอาสาสมัครพิทักษ์เมืองมากขึ้น เพราะว่าบางครั้งเจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนนอกพื้นที่ ความสามารถในการสังเกตอาจจะสู้คนในพื้นที่ไม่ได้
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของหน่วยใดหน่วยหนึ่ง ผมคิดว่าชัยชนะหรือสันติสุขต้องให้ประชาชนมาช่วย” พ.ต.อ. ทวีกล่าว
รองโฆษก กอ.รมน. แจงเพิ่มการรักษาความปลอดภัย 7 อำเภอเศรษฐกิจ
โดยในระยะเร่งด่วน จะให้มีการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่ 7 หัวเมืองเศรษฐกิจซึ่งประกอบด้วยอำเภอเมืองในจ. ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมทั้งเขตเศรษฐกิจอีกสี่อำเภอได้แก่ อ.เบตง จ.ยะลา, อ.ตากใบ, อ.สุไหงโก-ลก ใน จ.นราธิวาส และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจะมีการรักษาความปลอดภัยสูงสุดด้วยวิธีการเสริมยุทโธปกรณ์พิเศษ เช่น CCTV, เสริมกำลังทหารดูแลในเขตเมืองให้มากขึ้น รวมทั้งการทบทวนการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย (safety zone ) ให้มีความเหมาะสม
พ.อ. ปราโมทย์ชี้แจงว่าจากการตรวจสอบของหน่วยในพื้นที่และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สน้ำหนักประมาณ 50 กก. บรรทุกในรถยนต์ปิ๊กอัพอีซูซุแบบตอนเดียวสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 8515 ปัตตานซึ่งตรวจสอบแล้วเป็นรถยนต์ซึ่งถูกปล้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2555 ในพื้นที่ ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี โดยในเหตุการณ์ดังกล่าวคนร้ายซึ่งแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ได้ปล้นชิงทรัพย์และฆ่าราษฎรชาวมุสลิมเสียชีวิต 3 คน สำหรับทะเบียนรถดังกล่าวพบว่าเป็นทะเบียนป้ายปลอม โดยป้ายทะเบียนจริงคือ ถล 8099 กทม.
เจ้าของ รร. ซีเอสปัตตานีครวญเสียหายหนัก
โรงแรมซีเอส ปัตตานีเคยถูกลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ในวันที่ 13 มีนาคม 2551 ที่บริเวณด้านหน้าโรงแรม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนและบาดเจ็บ 13 คน
“ห้องพักน่าจะปรับปรุงได้เร็ว เพื่อให้สามารถรับแขกที่มาพักได้ แต่การกู้ภาพลักษณ์เรื่องความปลอดภัย รวมทั้งขวัญกำลังใจของพนักงาน คงเป็นเรื่องยาก” นายอนุศาสน์กล่าว
นายอนุศาสน์ชี้แจงว่าก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์แล้วว่าอาจมีการลอบวางระเบิดในจ.ปัตตานีในช่วงเดือนรอมฎอนนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุคาร์บอมบ์ขึ้นแล้วที่จ. ยะลาและนราธิวาส แต่ตนคาดว่าการวางระเบิดในจ.ปัตตานีน่าจะเกิดในเขตเทศบาลหรือย่านเศรษฐกิจมากกว่า
นายอนุศาสน์เปิดเผยด้วยว่าทางโรงแรมไม่ได้ทำประกันที่คุ้มครองการก่อวินาศกรรมไว้ เพราะว่าหาบริษัทที่รับประกันยากหรือไม่ก็ต้องวางเงินประกันสูงมาก ซึ่งเรื่องนี้ตนเคยนำไปคุยในวุฒิสภาแล้ว แต่เมื่อผ่านไป เรื่องก็เงียบ ที่เคยเสนอไว้ก็คือจะขอให้รัฐบาลเข้ามาดูแลส่วนหนึ่งและบริษัทประกันเข้ามาดูแลด้วยส่วนหนึ่ง