30 มี.ค. 55 - ศาสตราจารย์ ดร. อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนา เรื่อง การประสานการทำงาน ระดมพลังภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างวัฒนธรรมสิทธิมนุษยชน ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
ประธาน กสม. ศาสตราจารย์ ดร. อมราฯ เน้นความสำคัญตอนหนึ่งในคำกล่าวเปิดการสัมมนา ว่า “กสม. เน้นการทำงานร่วมกับเครือข่ายด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะบทบาทของ กสม. ในการติดตามการดำเนินงานของรัฐตามพันธกรณี อนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคีทั้ง ๗ ฉบับ การดำเนินงานของ กสม. เน้นการติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชน รวมทั้ง การเฝ้าระวังและติดตามคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลไทยให้ไว้ในการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะต้องอาศัยความร่วมมืออย่างสำคัญของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการทำงานของ กสม.” และ กสม. จะมีการพบกับภาคีเครือข่ายอีกในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕
ต่อจากนั้น นางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้กล่าวว่า “ขณะนี้ ยังพบปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และยังได้รับข้อร้องเรียนกรณีความเสมอภาคระหว่างเพศ
การเลือกปฏิบัติในการได้รับตำแหน่งให้สูงขึ้น และเห็นว่า “เครือข่าย” จะเป็นพลังสำคัญในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน” และได้กล่าวถึงข้อเสนอแนะที่ประเทศไทยรับว่าจะดำเนินการเพื่อให้เกิดพัฒนาการในด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เช่น อายุขั้นต่ำในการรับผิดทางอาญาของเด็ก เด็กเร่ร่อน การคุ้มครองกลุ่มเปราะบาง
นายวีรวิทย์ วีรวิทย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รักษาราชการแทนเลขาธิการ กสม. ได้เน้นย้ำความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยกำหนดเป็นเป้าประสงค์หลักสำคัญ และได้ให้คำมั่นว่า จะระดมสรรพกำลังในการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายแม้จะมีข้อจำกัดด้านกำลังคนและงบประมาณ โดยเฉพาะใช้การผลักดันให้มีการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ด้วยการสอดส่องดูแลให้มี
การปฏิบัติตามพันธกรณีและสิทธิเสรีภาพที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างครบถ้วนและให้มีการแก้ไขกฎหมายและนโยบายอย่างมีพลัง
ภายหลังเป็นประธานในการเปิดการสัมมนาฯ ศ. อมราฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนซึ่งให้ความสนใจเข้าร่วมการสัมมนาต่อประเด็นคำถามว่า “การดำเนินงานของ กสม. บรรลุผลหรือไม่” ซึ่ง ประธาน กสม. ตอบว่า กสม. จัดตั้งมา ๑๐ ปี ในระยะแรกได้ดำเนินการส่งเสริมการตระหนักรู้ของประชาชนเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ รวมทั้ง การละเมิดสิทธิ ซึ่งเห็นว่าขณะนี้ ประชาชนตระหนักรู้และเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมากขึ้นและหวังว่าการละเมิดสิทธิจะน้อยลง” ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ประธานเห็นว่า “เครือข่ายด้านสิทธิมีความตื่นตัวสูง” และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานสิทธิ นอกจากนี้ ที่ผ่านมา กสม. ยังได้ประสานการคุ้มครอง รวมทั้ง ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและข้อกฎหมายต่อรัฐบาล”