เหตุล้มเหลวในการเรียนรู้ทฤษฎีการเมืองของสมาชิก และปัจจุบันมีคนทำงานวัฒนธรรมเพื่อการต่อสู้ของประชาชนเกิดขึ้นมากมาย
เมื่อวันที่ 8 ก.ค.55 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน กลุ่ม ‘ประกายไฟการละคร’ ได้จัดกิจกรรมแถลงชี้แจงเหตุยุติการทำกิจกรรมของกลุ่ม และเสวนา ‘คำถามถึงการเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านงานวัฒนธรรม’ โดยมีวิทยากรประกอบด้วย เพียงคำ ประดับความ กวีเสื้อแดง, ประกิต กอบกิจวัฒนา แอดมินเพจ ‘อยู่เมืองดัดจริตชีวิตต้องป๊อป’ และนิธิวัต วรรณศิริ นักร้องวงไฟเย็น และปิดท้ายด้วยการแสดงดนตรีของวงไฟเย็นจนถึง 22.00 น. โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 60 คน
สำหรับการชี้แจงการยุติการทำกิจกรรมของกลุ่มประกายไฟการละครนั้น น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง แกนนำกลุ่มฯ ได้เล่าถึงที่มาของทางกลุ่มว่าได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 จากมติของกลุ่มประกายไฟ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์งานวัฒนธรรมการต่อสู้ทางชนชั้นให้แก่มวลชน โดยใช้งานละครเป็นงานที่สื่อถึงชีวิตและการต่อสู้ให้ตรงประเด็นและรวดเร็ว น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง มองว่า ละครเวทีโดยส่วนใหญ่ มักถูกสงวนให้เป็นเพียงศิลปะเพื่อชนชั้นนายทุน หรือศักดินาเสพเท่านั้น ประชาชนคนรากหญ้าไม่มีโอกาสได้เสพศิลปะเหล่านั้น เพราะราคาค่าเข้าชมที่สูง สามารถซื้อข้าวกินไปได้หลายวัน อีกทั้งการแสดงละครเวทียังกลายเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเองของนักแสดงซึ่งทำให้ต้นทุนต่างๆ สูงขึ้นจนคนจนแตะไม่ถึงความงาม เสพได้แต่เพียงศิลปะจากละครน้ำเน่าผ่านช่องฟรีทีวีเท่านั้น
น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง ยังอธิบายถึงความเชื่อพื้นฐานของกลุ่มว่า ศิลปะที่ดีนั้นควรจะเป็นศิลปะที่คนส่วนใหญ่สัมผัสได้ เราจึงตั้งกลุ่มละครที่ใช้อาสาสมัคร ไม่ได้หากินกับการเล่นละครเข้ามาร่วมแสดงกับเรา โดยแสดงในที่ม็อบ ทั้งบนเวทีและบนท้องถนน หมู่บ้านที่เราไปร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้เพื่อน้อมเอาศิลปะบางอย่างที่คนบางคนได้เสพแต่คนอีกหลายล้านคนไม่มีโอกาสได้เสพ มาทำให้มันต่ำลง ติดดิน และ ได้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปของสังคมการเมือง ทัศนคติ ของผู้คน ผ่านการแสดง ที่ง่าย สั้น และ ใช้คนแสดงไม่เยอะ พร็อพไม่มาก ไม่เสียซื้อบัตรแค่หยอดกล่องรับบริจาค
“แน่นอนที่สุด เราคือกลุ่มละครการเมือง ทุกอย่างที่เราเล่น เราเล่นเกี่ยวกับการเมือง หากจะนับกันแล้วเราเล่นละครกันมาไม่ต่ำกว่า สี่สิบเรื่อง เพราะทุกๆครั้งที่เล่นประเด็นในสังคมเปลี่ยนไป เราจึงต้องไล่ตามให้ทันแก่สถานการณ์ ถ้าหากจะเรียกกันแบบที่รุ่นพี่หลายๆคนเรียก เราคงจะเป็น ละครมาร์กซิส กากๆ ที่เล่นทุกอย่างเพื่อเสียดสี ชี้นำ ไร้ศิลปะ แน่นอนที่สุด เรายอมรับทุกอย่างที่เป็นเรา ที่สำคัญคือละครของเรา ชี้นำ เราชี้นำให้คนทั่วไปลุกขึ้นต่อสู้ ชี้นำให้เค้าเห็นจุดสิ้นสุดและแนวทางที่เราเชื่อ เราไม่จำเป็นต้องปล่อยให้คนดูกลับไปคิด หรือทิ้งอะไรไว้ เพราะเราเชื่อว่าสังคมต้องการการเปลี่ยนแปลง และเราจะเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนั้น เราเล่าความจริง” น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง แกนนำกลุ่มประกายไฟการละคร กล่าว
เหตุผลที่ยุติบทบาททางการแสดงของประกายไฟการละคร น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง ชี้แจงว่า เพราะความล้มเหลวในการสร้างสรรค์กระบวนการในการเรียนรู้ทฤษฎีการเมืองแก่สมาชิกในกลุ่มที่กำลังเติบโตจากการชื่นชมของมวลชน เพราะเหตุผลที่ว่ากลุ่มฯเป็นละครการเมือง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของกลุ่มฯ จึงจำเป็นที่จะต้องมีทฤษฎีการเมืองรองรับ หากสมาชิกไม่มีหลักในการเคลื่อนไหวแล้วจะไม่มีทิศทาง และสุดท้ายอาจจะกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ กลุ่มฯ ไม่อยากเป็นเพียงกลุ่มละครรับจ้าง หรือย้ายข้าง เปลี่ยนขั้ว ไร้ซึ่งจุดยืนทางอุดมการณ์ที่ชัดเจน
น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง ย้ำอีกว่า “การศึกษาทฤษฎีในการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดมากกว่าศิลปะที่งดงาม มากกว่าถ้อยคำที่สวยหรู เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนถูกปั้นแต่งขึ้นมาทั้งสิ้น ทุกอย่างสามารถฝึกฝนกันได้ แต่หากเราไร้ซึ่งอุดมการณ์แล้ว เราจะไม่รู้ว่าเราควรจะเล่าอะไร ไม่รู้ว่าเราควรจะสื่ออะไร” แกนนำกลุ่มประกายไฟการละคร กล่าวถึงบทเรียนในอดีตว่ากลุ่มละครการเมืองหลายๆกลุ่มที่เกิดขึ้นในยุคเดือนตุลา ปัจจุบันได้กลับลำ ย้ายข้างไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับประชาชน หากกลุ่มยังเล่นละครไปวันๆและไม่มีจุดยืนทางอุดมการณ์ที่ชัดเจน สุดท้าย เราอาจจะกลายเป็นเช่นกลุ่มละครเหล่านั้น ไม่ได้มีอะไรมารับประกันว่าวันหนึ่งสมาชิกจะไม่เปลี่ยน เพราะขนาดคนที่จับปืนเข้าป่าต่อสู้กับรัฐบางคนยังย้ายข้างอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
นอกจากนี้ น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง ยังให้เหตุผลการยุติกิจกรรมอีกว่า ปัจจุบันได้มีเครือข่ายงานวัฒนธรรมเพื่อการต่อสู้ของประชาชนเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งล้วนแต่มีประสิทธิภาพ เป็นมืออาชีพ และ เต็มไปด้วยศิลปะ จึงมองว่าหมดเวลาของพวกตนแล้ว แต่ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มศักยภาพและอบรมให้แก่กลุ่มต่างๆ ที่สนใจจะทำกิจกรรมในลักษณะนี้โดยเฉพาะละครการเมืองต่อไป
0 0 0
สมาชิกกลุ่มประกายไฟการละครกล่าวขอบคุณผู้ร่วมงาน
คุยกับ 'ภรณ์ทิพย์ มั่นคง' ผู้ประสานงานกลุ่ม นอกจากการแถลงการณ์ยุติการทำกิจกรรมของกลุ่มประกายไฟการละครแล้วผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงบทเรียนของการทำกิจกรรมการแสดงละครในที่ชุมนุมของเสื้อแดงตลอด 2 ปี ของกลุ่มดังกล่าว ประชาไท : จากการที่ทำกิจกรรมแบบนี้มา 2 ปี ได้เรียนรู้อะไร และเห็นว่ามันมีความสำคัญอย่างไรกับการเคลื่อนไหว? อีกเรื่องที่สำคัญมากๆคือการเขียนบทตามสถานการณ์นี่แหละ ด้วยความที่ว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนตลอดเราจึงต้องอ่านข่าว วิเคราะห์ข่าวกันว่าเราจะเล่นอะไร จะสื่ออย่างไร ที่สำคัญคือ ต้องเร็ว ไม่เช่นนั้นไม่ทัน แต่ถ้าเรื่องไหนมีเวลายาวหน่อย เราก็จะคิดได้เยอะหน่อย พยายามจะขมวดเอาหลายๆประเด็นในสังคมมาเล่าให้ได้ในเรื่องเดียว แต่นี่คือเราต้องทำงานเป็นทีม เราต้องคิดไปพร้อมๆกัน คุยบทกัน ใครอยากจะสื่ออะไรใครอยากจะพูดอะไร ใครคิดยังไงกับประเด็นที่เราจะเล่น แล้วค่อยเขียนบทกัน แล้วค่อยเล่นกัน ที่นับว่าเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญมากๆของเราคือ ความเข้าใจของความหมายของประโยคที่ว่า “มวลชนดั่งผนังทองแดงกำแพงเหล็ก” วันที่ 4 ตุลา 54 เราจะเล่นละครแขวนคอกันแล้วมีคนโทรมาข่มขู่ ว่าจะมาทำร้ายพวกเราถ้าเรามาทำการแสดง เราได้อัดเสียงไว้มีคนเอาไปเผยแพร่ให้ แล้วก็ไปออกรายการทีวีช่องเอเชียอัพเดท รายการของคุณอดิศรกับคุณสุธรรม เลยบอกออกอากาศไปว่าใครว่างให้มาดูนะคะจะพวกเรากลัวคนมาทำร้าย พอเล่นจริง คนดูมาเยอะมาก เล่นเสร็จคนที่ทยอยมาแต่ไม่ทันยังมีอีกเยอะเหมือนกัน จนวันที่ 5-6 ก็มีคนดูอยู่เล่นละครเรื่องก่อนอรุณจะร่วงกับเราด้วย ถ้าเราไม่มีมวลชนมาช่วย งานของเราใน 3-4 วันนั้นคงจะไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะมวลชนจริงๆ มีเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สำคัญอะไรบ้าง ? อีกอันหนึ่ง คือเรื่องเก้าอี้ เรื่องนั้นประทับใจตอนคิดบทและตอนที่แอบขโมยเก้าอี้มาเล่นกัน ตอนนั้นแบบ เล่นเป็นคนบ้า แล้วก็สนุกมาก เพราะเวลาเล่นมันสนุกเราสนุกไปกับบท บทไม่ซีเรียสมากแต่เคลื่อนไหวเยอะ กลับมาปวดเมื่อยไปหมด ที่สุดๆ คือรอบสุดท้ายที่หน้าอนุสรณ์สถาน14ตุลา แยกคอกวัว ซึ่งเป็นที่ตั้งของพวกตำรวจ ตอนแรกเราจะเลิกเล่น แต่พอเห็นตำรวจเราเลยชวนกันเล่นต่อ ท้าทาย อยากให้ตำรวจดู แล้วรอบนั้นรอบที่ได้ท้าทายเจ้าหน้าที่รัฐต่อหน้านี่แหละ สนุกที่สุด อีกครั้งหนึ่ง ประทับใจมวลชนมาก คือวันที่ 10 เมษา ปี 54 เราไปเล่นกันรำลึกถึงคนตายตามจุดที่มีคนตายเราเลือกที่จะเล่นก่อนที่จะมีคนมาเยอะ แกนนำยังไม่เปิดเสียงอะไรมากจากที่เวที เรามีแค่ลำโพงเล็กๆไม่กี่อัน เสียงเบามากเมื่อเทียบกับลำโพงของเวทีใหญ่ ทีนี้มีรถแกนนำจะผ่านเข้ามา จำได้ว่าเป็นคุณวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ แล้วก็มีการ์ดมาไล่เราขณะที่เรากำลังตั้งแถวแสดงกันอยู่เลยเค้าก็มาไล่ เราเลยตัดสินใจจับมือกันแล้วไม่ยอมออกไปไหน แล้วก็เลยตะโกนด้วยความ จำได้ว่าน่าจะตะโกนว่า เรามาเพื่อรำลึกถึงคนตายไม่ได้มาเพราะแกนนำ คนตายสำคัญกว่าแกนนำ ประมาณนี้ ทีนี้คนที่กำลังจะดูเราเขาก็มาจับมือต่อ เข้าไปคุยกับแกนนำ ไปคุยกับการ์ด ขอให้เราแสดงก่อน มีคนเข้ามากอดปลอบใจ ดีมาก ทั้งๆที่ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักพวกเราเท่าไร วันนั้นถึงจะได้เงินในกล่องน้อย ไม่พอจ่ายค่ารถให้สมาชิกครบทุกคนเราก็ถือว่าเราได้สัมผัสน้ำใจของมวลชนจริงๆ อีกครั้งคงจะเป็นงานหกตุลา ที่คนที่มาร่วมแสดง ยอมเหนื่อย ยอมอดนอนอยู่กับเรา ยุงกัด ฝนตก สภาพแย่ทุกอย่างเลย แต่เค้าก็ยังอยู่กันจนงานเสร็จ ซึ่งใจจริงๆ ถ้าจะมีการทำกิจกรรมแบบนี้ต่อไปคิดว่ากลุ่มควรมีการปรับปรุงอะไรบ้าง? กิจกรรมที่ผ่านมาเคยโดนคุกคามหรือไม่อย่างไร? อีกอย่างคงจะเป็นการคุกคามจากมวลชนเสื้อแดงด้วยกัน จริงๆมันอาจจะไม่เรียกว่าเป็นการคุกคาม อาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิด คือ เราเคยเดินแจกเอกสารข้อมูล ในม๊อบก่อนที่เราจะเล่นละครในเวทีย่อย เราก็แจกเอกสารว่าเราจะเล่นที่ไหนกี่โมง ก็เจอมวลชนบางคนถามแบบแรงๆว่า “จะเอาเงินเท่าไร” “มาอีกแล้วพวกนี้ มาขอเงินอีกแล้ว” “กระดาษไม่กี่แผ่นตั้งยี่สิบบาท” พวกเราก็หน้าเสียเลย เราไม่ได้มาแจกเอกสารเพื่อขอเงิน คือ เค้าคงติดภาพว่านักศึกษามาแจกอะไรต้องให้เงินตลอด เราเลยหน้าชามาก คือ คนที่แจกเอกสรแล้วเดินกล่องทำไมไม่เจอกับคำถามแบบนี้ เราไปเล่นละครแค่แจกใบปลิวว่าเราจะเล่นละคร เราเจอแบบนี้ เหมือนว่าเราเป็นขอทาน แต่เราก็โทษมวลชนไม่ได้เพราะเขาเห็นแบบนั้นบ่อย แต่แค่น้อยใจว่าทำไมเราต้องมาเจอแบบนี้ จริงๆการเจอแบบนี้มันบั่นทอนกำลังใจของเรามากกว่าการถูกคุกคามจากฝ่ายตรงข้ามอีก ต่อจากนี้จะทำอะไรกันต่อไปของสมาชิกในกลุ่ม? มีเรื่องอะไรที่อยากเล่นหรือประเด็นอะไรที่อยากเล่น แต่ไม่ได้เล่น บ้างเพราะอะไร? |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
‘หนูน้อยหมวกแดง’ พรุ่งนี้... จะทำอย่างไรต่อไป? http://prachatai.com/journal/2010/07/30202
เยาวชนอีสาน-3 จว.ชายแดนใต้ ร่วมรำลึกเหตุความรุนแรง 19 พ.ค. หน้าบ้าน ‘ส.ส.ภูมิใจไทย ขอนแก่น’ http://prachatai.com/journal/2010/11/31718
ประกายไฟการละครตอน ‘แม่-พิมพ์’ การตั้งคำถามต่อความรักของ ‘แม่ตัวเอง’ http://prachatai.com/journal/2011/08/36708
โทรข่มขู่กลุ่มประกายไฟ เลิก ‘ละครแขวนคอ’ อ้างนักศึกษาไม่พอใจ http://prachatai.com/journal/2011/10/37229
เวทีเล็ก ทวงสิทธิ 'นักโทษการเมือง'- ประกายไฟการละครสะท้อนปัญหาภายในเสื้อแดง http://prachatai.com/journal/2012/05/40598