(26 พ.ย. 54) หลังแถลงข่าวเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา กรณีเตรียมทำหนังสือถึงนายกฯ และ รมว.ไอซีที เพื่อขอให้ปราบปรามเว็บไซต์ที่มีเนื้อหากระทบกระเทือนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเสนอมาตรการจากเบาที่สุด คือให้ประสานงานไปยังรัฐบาลที่เว็บไซต์นั้นตั้งอยู่เพื่อขอให้ปิดเว็บไซต์ดังกล่าว และแรงที่สุด คือให้ปิดเว็บไซต์ยูทูปหรือเฟซบุ๊กไปเลย
มัลลิกา บุญมีตระกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทวีต ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ชี้แจงแนวคิดดังกล่าว โดยระบุขอให้อ่านให้ครบและอ่านให้แตก
"1.การใช้มาตรการแต่ละระดับ คือกลยุทธ์ผู้นำในการจริงจังต่อการแก้ไขปัญหา การแก้ไขปัญหาเว็บหมิ่นต้องรู้ต้นตอแห่งปัญหาต้นตอมีแค่ 2 อย่าง
2.ต้นตอ 2 อย่างคือ คนตั้งใจทำลายกับช่องทางการใช้ทำลาย เมื่อเจอตอเจอเชื้อโรคแล้วก็ต้องหายามารักษาหรือหามาตรการมาแต่ละระดับ
3.การเป็นผู้นำคนผู้นำประเทศต้องใช้ทักษะเป็นกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย ขอแค่คุณตั้งเป้าหมายไว้หรือยัง? มีเป้าหมายหรือไม่ว่าจะขจัดปัญหา
4.ถ้าเป้ามายคือการขจัดออกให้สำเร็จ คุณต้องกำหนดกรอบและระยะเวลาเพื่อคนทำงานซึ่งคือราชการจะได้เดินหน้าตามเป้าหมายในคำสั่งนั้น!
5.ไล่ตั้งแต่สืบค้น ตรวจจับ ส่งสำนวนสู่ศาล นี่สำหรับบุคคลกระทำผิด!ส่วนผู้ให้บริการ(บริษัท)เว็บนั้นๆต้องเชิญมาประชุมขอความร่วมมือและเซนเซอร์
6.หากผู้ให้บริการขาดจริยธรรมปล่อยให้เพจหรือURLของคุณละเมิดและผิดกติกากับกฎหมายก็ส่งหลักฐานเสนอชั้นศาลปิดไป อยู่ในสังคมก็ต้องเคารพกติกา
7.ทีนี้สำหรับกรณีที่ผู้นำหมดปัญญา นั่นคืออ้างว่ามันยากเพราะเจ้าของเว็บอยู่ต่างประเทศซึ่งหมายถึงยูทรูปกับเฟสบุคที่ระบาดหนักช่วง3เดือนนี้
8.เช่นนั้นแล้วมาตรการคือ ผู้นำต้องประสานผู้นำประเทศเขาแล้วเอาผู้ให้บริการประเทศนั้นเข้ามาร่วมองค์เจรจา ขอความร่วมมือระหว่างกันให้เหตุผลไป
9.มันยากและไม่สำเร็จใช่ไหม? ก็มาตรการสุดท้ายให้ยาแรงคือมาตรการต่อรองแลกเปลี่ยนก่อนการยื่นจาก force แล้วไม่จบจึง ban ผู้นำต้องคิด
10.อย่าดัดจริต ถ้าคิดจะเด็ดขาด!! ขบวนการทำลายไปไกลขนาดใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีจนฝรั่งงง! อย่าเอ่ยคำว่า"รักท่าน"แล้วใช้คำว่า"ยาก" !!"
'ประชาธิปัตย์' แนะปิดประเทศบนโลกไซเบอร์แบบ 'จีน' ทั้ง 'ยูทูบ-เฟซบุ๊ก' สกัดเว็บหมิ่นฯ
หมายเหตุ: เพิ่มเติมเนื้อหาข่าวเมื่อ 9.25น. 26 พ.ย.54