เว็บไซต์มติชน นำเสนอรายงานผลการสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดย NORC รีเสิร์ช กรุ๊ปแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1991 ใน 30 ประเทศ ซึ่งเกือบทั้งหมดมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ ที่ใช้ชื่อรายงานว่า "Belief About God Across Time and Countries" พบว่า "ฟิลิปปินส์"กลายเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากร"เชื่อถือในพระเจ้า"มากที่สุดในโลก ขณะที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเลื่อมใสในศาสนามากที่สุด
ผลสำรวจระบุว่า ชาวฟิลิปปินส์ร้อยละ 94 กล่าวว่า เชื่อมั่นอยู่เสมอในพระเจ้า ตามมาด้วยชาวชิลีร้อยละ 88 และชาวอเมริกันร้อยละ 81 ส่วนประเทศที่มีประชาชนเชื่อมั่นในพระเจ้าน้อยที่สุดคืออดีตเยอรมนีตะวันออกร้อยละ 13 และสาธารณรัฐเช็กร้อยละ 20
ผลสำรวจพบด้วยว่า การไม่เชื่อในพระเจ้ามีอยู่อย่างกว้างขวางที่สุดในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และอดีตสหภาพโซเวียต ยกเว้นโปแลนด์ ความเชื่อในพระเจ้ามีแนวโน้มลดลงทั่วโลก แต่ไม่ใช่ที่รัสเซีย สโลเวเนียและอิสราเอล
นอกจากนั้น ประชากรสูงวัยมีแนวโน้มเชื่อมั่นในพระเจ้าอย่างแรงกล้า ซึ่งโดยเฉลี่ยพบว่า ร้อยละ 43 ของผู้ที่มีอายุ 68 ปีขึ้นไป "เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง" ขณะเพียงร้อยละ 23 ของคนวัยหนุ่มสาวที่มีอายุ 27 ปีลงมา ที่เชื่อเช่นนั้น และเมื่อเปรียบเทียบคนทุกกลุ่มอายุ พบว่าคนในวัย 58 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มคนที่มีความเชื่อในพระเจ้าเพิ่มขึ้นมากที่สุด บ่งบอกว่าความเชื่อในพระเจ้าจะเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งบางทีอาจเป็นเพราะความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นในชีวิตหลังความตาย
ในสหรัฐฯ ร้อยละ 54 ของคนที่มีอายุต่ำกว่า 28 ปี กล่าวว่าพวกเขาเชื่อมั่นในการมีอยู่จริงของพระเจ้า เปรียบเทียบกับร้อยละ 66 ของคนที่มีอายุ 68 ปี ขึ้นไป ขณะที่ ร้อยละ 8 ของคนหนุ่มสาวในฝรั่งเศส กล่าวว่าเชื่อในพระเจ้า เปรียบเทียบกับร้อยละ 26 ในกลุ่มผู้ใหญ่
การสำรวจดังกล่าวทำขึ้นในปี 1991 1998 และ 2008 ส่วนใหญ่สำรวจในประเทศยุโรป นอกนั้นคือชิลี ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย