นักกิจกรรมยุติการอดอาหารหน้าศาลอาญาหลังจากดำเนินกิจกรรมมาได้ 23 วัน ระบุไม่เชื่อมั่นในมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม พร้อมยกระดับเป็นกลุ่ม "ปฏิญญาหน้าศาล" เตรียมดำเนินกิจกรรมหน้าศาลทุกวันอาทิตย์
5 มี.ค. 55 - เวลา 9.30 น. บริเวณหน้าศาลอาญา รัชดา กลุ่มประชาชนและนักกิจกรรมราว 10 คน ซึ่งผลัดกันดำเนินกิจกรรมอดอาหารมาตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. ได้ประกาศยุติการอดอาหารแล้ววันนี้ หลังจากดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องมาเป็นเวลา 23 วัน ต่อจากการอดอาหารของนายปณิธาน พฤกษาเกษมสุข และนางผุสดี งามขำ เพื่อรณรงค์เรื่องสิทธิการประกันตัวของนักโทษการเมือง
ตัวแทนกลุ่มกิจกรรม ระบุว่า สาเหตุที่ต้องการยุติกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากไม่เชื่อมั่นเเละมองเห็นความไร้มาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม แม้พยายามเรียกร้องด้วยสันติวิธี เเต่กลับเห็นปัญหาในระบบยุติธรรมมากขึ้น จึงยกระดับข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปศาล-กระบวนการยุติธรรมให้มีความยุติธรรม และปล่อยนักโทษการเมืองอย่างไม่มีเงื่อนไข
นางสาวจิตรา คชเดช อดีตประธานสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ และนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย หนึ่งในเครือข่ายของกลุ่มกิจกรรมที่มาร่วมการอดอาหาร ได้อ่าน "ปฏิญญาหน้าศาล" หน้าป้ายศาลอาญา ถ. รัชดาภิเษก ที่ชี้ให้เห็นปัญหาของกระบวนการยุติธรรมของไทยโดยเฉพาะกรณีการตัดสินของนายสนธิ ลิ้มทองกุล จากนั้นประชาชนเเละนักกิจกรรมได้ร่วมจุดเทียนสีเเดงเพื่อเป็นการยุติการอดอาหาร
จิตรา คชเดช นักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย อ่านแถลงการณ์ของกลุ่ม "ปฏิญญาหน้าศาล"
นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย นักกิจกรรมกลุ่มประกายไฟ กล่าวว่า "ได้ตัดสินร่วมกับกลุ่มนักกิจกรรมจะจัดการเสวนาทุกวันอาทิตย์ที่หน้าศาลอาญา รัชดา เพื่อจัดทำข้อเสนอการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย เเละผลักดันให้มีการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของปฏิญญาหน้าศาลต่อไป” ทั้งนี้ นายเทวฤทธิ์ระบุว่าจะแจ้งกำหนดการที่ชัดเจนแก่สาธารณะและผู้ที่สนใจโดยเร็วที่สุด
0000
แถลงการณ์
ยุติการชุมนุมอดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัว เดินหน้ารณรงค์ปล่อยนักโทษการเมือง
ปฏิรูปศาลและกระบวนการยุติธรรมให้ยุติธรรมและสอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย
จากการชุมนุมอดอาหารเรียกร้องสิทธิการประกันตัวผู้ต้องหาทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.55 ที่เริ่มต้นโดย คุณไท ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข และ คุณผุสดี งามขำ จำนวน 112 ชม.และทางเครือข่ายได้รับไม้ต่อเรื่อยมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 23 วัน แล้วนั้น เราได้ดำเนินการอย่างสงบสันติวิธี เพื่อเรียกร้องเพียงแค่สิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงมีพึงได้แก่ผู้ต้องหา เราเรียกร้องหลักประกันความยุติธรรมขั้นต่ำสุดที่ควรจะบังเกิดขึ้นในสังคมนี้ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมีความน่าเชื่อถือ เพื่อที่จะได้สู้คดีอย่างแฟร์ๆ อันจะไม่ก่อให้เกิดการลงโทษคนเหล่านั้นก่อนมีคำตัดสิน เพื่อไม่ให้เกิดการกักขังบีบบังคับให้ผู้บริสุทธิ์ต้องยอมรับสารภาพแม้เขาเหล่านั้นอาจจะไม่ได้กระทำผิด และเพื่อให้ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดที่ให้สิทธิการประกันตัว
แต่ 23 วันที่ผ่านมาเรากลับไม่ได้รับการตอบรับในการยืนยันหลักการขั้นพื้นฐานที่สุดนี้ ในทางตรงกันข้ามเรากลับพบสิ่งที่ตอกย้ำความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมยิ่งขึ้นอีกจากการไม่มีมาตรฐานในการให้สิทธิในการได้รับการประกันตัว อย่างกรณีที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกตัดสินว่ามีโทษถึง 85 ปี (เหลือจำคุกจริง 20 ปี) ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ กรณีรับรองเอกสารในฐานะกรรมการบริษัทอันเป็นเท็จฯ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.55 ซึ่งเป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจปากท้องของคนจำนวนมาก อีกทั้งคุณสนธิก็มีศักยภาพในการหลบหนีมากกว่าผู้ต้องหาทางการเมืองหลายๆคน กลับได้รับสิทธิการปล่อยตัวชั่วคราวหรือประกันตัวในทันที ทั้งๆที่มีการตัดสินโทษแล้ว แน่นอนที่เราเห็นด้วยอย่างยิ่งที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ควรได้รับสิทธิดังกล่าว แต่นักโทษการเมืองทั้งผู้ต้องหาที่เป็นผลสืบเนื่องจากการสลายการชุมนุมเมษา-พ.ค.53 และผู้ต้องหาความผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็ควรจะได้รับสิทธิดังกล่าวด้วยเช่นกัน และหลายคนเป็นเพียงผู้ต้องหายังไม่ได้มีคำตัดสินด้วยซ้ำ เพื่อที่เราจะได้มีมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมและเพื่อหลักประกันความยุติธรรม
อย่างไรก็ตามด้วยบทพิสูจน์ทั้งที่ผ่านมาและตลอดเวลาที่เราได้ชุมนุมอดอาหารนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำปัญหาความไร้มาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมเพิ่มขึ้น พวกเราจึงเห็นควรที่จะยุติการชุมนุมอดอาหารเนื่องจากยิ่งอดยิ่งร้องขอยิ่งเห็นภาพที่ไร้มาตรฐานตอกย้ำซ้ำๆ และเราเห็นว่าปัญหานี้สะท้อนปัญหากระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ดังนั้นเราจึงเคลื่อนไหวรณรงค์ต่อสังคมต่อไปในนาม “ปฏิญญาหน้าศาล” เพื่อเรียกร้อง
1.ให้มีการปฏิรูปศาลและกระบวนการยุติธรรมให้มีความยุติธรรม ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย และผลักดันข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น โดยจะมีกระบวนการจัดทำข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมต่อไป
2.รณรงค์เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งกรณีผลจากการสลายการชุมนุมเมษา-พ.ค.53 และกรณี ม.112 รวมทั้งกรณีอื่นๆ ซึ่งถือเป็นปฏิกิริยาจากการรัฐประหาร และการปล่อยหรือการให้เป็นโมฆะถือเป็นการลบล้างผลพวงจากการทำรัฐประหาร19 ก.ย.49 อีกทางเช่นกัน
ทั้งนี้ทางเครือข่ายจะดำเนินการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นจะมีการนัดทำกิจกรรมประจำหน้าศาลอาญา รัชดา ทุกวันอาทิตย์ และการจัดสัมมนาเพื่อแสวงหาข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปศาลและกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ปฏิญญาหน้าศาล
5 ก.พ.2555
กลุ่มเพื่อนนักโทษการเมือง, องค์กรสร้างสรรค์ประชาธิปไตย, สมัชชาสังคมก้าวหน้า, กลุ่มประกายไฟ, เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย และสำนักงานกฎหมายราษฎรประสงค์ ฯลฯ
"สหายร็อค" หนึ่งในนักกิจกรรมคนสุดท้ายที่มาร่วมอดอาหาร