Quantcast
Channel: ประชาไท
Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

ความมั่นคง(?)ที่แลกด้วย 'ความเป็นมนุษย์'

$
0
0

 

(ก) เรื่องสั้น เมืองแห่งความสุข

ในชั้นใต้ดินของอาคารสาธารณะอันสวยงามแห่งหนึ่ง มีห้องห้องหนึ่งบานประตูปิดล็อก ไม่มีหน้าต่าง ในห้องมีเด็กคนหนึ่ง เป็นเด็กปัญญาอ่อน ขาดสารอาหาร ไม่มีใครเหลียวแล ใช้ชีวิตไปวันๆ ด้วยความทุกข์ทรมานแสนสาหัส

ทุกคนในเมืองโอเมลาสรู้ว่ามีเด็กคนนี้อยู่...พวกเขารู้ว่ามันต้องอยู่ตรงนั้น... พวกเขาเข้าใจดีว่าความสุข ความงดงามของเมือง ความนุ่มนวลของมิตรภาพ สุขภาพของลูกหลานของพวกเขา...กระทั่งความอุดมสมบูรณ์ของเรือกสวนไร่นา และอากาศอันอ่อนโยนของท้องฟ้า ทั้งหมดนั้นตั้งอยู่บนความทุกข์ทรมานของเด็กน้อยคนนี้...ถ้าหากเด็กคนนี้ถูกนำออกมาจากห้องอันน่าชิงชัง สู่แสงตะวัน ไปอาบน้ำและป้อนข้าวป้อนน้ำและปลอบโยน มันก็จะเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน แต่ถ้าหากทำลงไปในวันนั้นและเวลานั้น ความรุ่งโรจน์งดงามและผ่องอำไพทั้งหมดของโอเมลาสจะเหี่ยวเฉาและถูกทำลาย นั่นคือ “เงื่อนไข”

จากหนังสือ “ความยุติธรรม” โดย Michael J.Sandel สฤณี อาชวานันทกุล แปล หน้า 60)

 

เรายอมรับเงื่อนไขเช่นนี้ได้หรือไม่? เงื่อนไขที่ว่าอิสรภาพ และ “ความเป็นมนุษย์” ของเด็กคนหนึ่งถูกทำลายไปเพื่อให้คนทั้งมวลมีความสุขสมบูรณ์พร้อม

(ผมค่อนข้างแน่ใจว่า เราส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเสื้อเหลือง แดง หลากสี ฯลฯ จะตอบว่า ยอมรับเงื่อนไขเช่นนี้ไม่ได้ เพราะมันฝืนต่อมโนธรรมของเรา มันไร้มนุษยธรรม ผิดศีลธรรม)

..........................................................................

(ข) เรื่องจริง “เมืองแห่งความขัดแย้ง”

เมืองที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง นับเฉพาะปี 2475 เป็นต้นมา มีการทำรัฐประหาร และมีการ “อ้างอิง” สถาบันกษัตริย์ทำรัฐประหาร ปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยครั้งแล้วครั้งเล่า จนผู้คนเสียชีวิตและสูญหายนับไม่ถ้วน

แต่เมืองแห่งนี้ยังคงรักษา “กฎหมายพิเศษ” (เช่น ม.8 ม.112) เพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์ เพราะถูกปลูกฝังกันมาว่า สถาบันมีบุญคุณแก่ประเทศชาติ และประชาชนมายาวนาน เป็นศูนย์รวมจิตใจ ความสามัคคี ความมั่นคงของชาติ จำเป็นต้องปกป้องให้มั่นคงอยู่ตราบนิรันดร์

ภายใต้กฎหมายพิเศษนั้น จำเป็น “ต้องแลก” ด้วยการยอมให้มี “นักโทษทางความคิด” และ/หรือแลกด้วยสิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน เช่น สิทธิเสรีภาพที่จะพูดความจริงเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ

เมื่อใครถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายพิเศษนี้ก็มีแนวโน้นที่จะไม่ให้ประกันตัว  และแน่นนอนว่า พวกเขาย่อมไม่มีเสรีภาพที่จะพูดความจริงเพื่อปกป้อง “ความบริสุทธิ์” และ “อิสรภาพ” ของตนเอง

ในเมืองแห่งความขัดแย้งนี้ ประชาชนที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งเพราะการอ้างอิงสถาบันกษัตริย์ ต่างทราบดีว่า มีคนอย่างอากง สมยศ สุรชัย ดา ตอร์ปิโด เป็นต้น ที่ถูกละเมิดสิทธิการประกันตัวบ้าง สิ้นไร้เสรีภาพที่จะพูดความจริงเพื่อปกป้อง “ความบริสุทธิ์” และ “อิสรภาพ” ของตนเองบ้างอยู่จริง ซึ่งหมายถึง “ศักดิ์ศรีความเป็นคน” ของพวกเขาเหล่านี้ถูกทำลายลง โดยที่คนทั้งเมืองต่างรับรู้โศกนาฏกรรมนี้

ศักดิ์ศรีความเป็นคนของพวกเขาถูกทำลายลงตามกฎหมายพิเศษ ที่ “เป็นเงื่อนไข” ของการปกป้องสถาบันกษัตริย์ ซึ่งภายใต้เงื่อนไขนี้ (1) ไม่ใช่เด็กน้อยปัญญาอ่อนคนเดียวเท่านั้น (ดังในเรื่องสั้น) ที่ต้องถูกทำลายศักดิ์ศรีความเป็นคน แต่ประชาชนทุกคนถูกทำลายศักดิ์ศรีความเป็นคน สิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐานในการพูดความจริงเกี่ยวกับสถาบันที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ (2) ไม่ใช่การถูกทำลายความเป็นคนเพื่อความสุขสมบูรณ์ของทุกคน แต่เพื่อปกป้องสถาบันให้คง “สภาพ” ที่มีสถานะ อำนาจ บทบาทอันอาจถูกอ้างอิงเพื่อสร้างความขัดแย้ง และทำรัฐประหารได้ต่อไป

เรายอมรับเงื่อนไขเช่นนี้ได้หรือไม่? เงื่อนไขที่ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพที่จะพูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนถูกจำกัด และ/หรือถูกทำลายลงเพื่อปกป้องสถาบันหลักใดๆ ให้คง “สภาพ” ที่มีสถานะ อำนาจ บทบาทอันอาจถูกอ้างอิงเพื่อสร้างความขัดแย้ง และทำรัฐประหารได้ต่อไป

โดยที่การปกป้องนั้นก็ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า สมาชิกของสังคมทุกคนจะมีแต่ความสุขเต็มที่(เหมือนในเรื่องสั้น) มิหนำซ้ำยัง (1) อาจเกิดความขัดแย้งเช่นที่เคยเกิดมาแล้วหลายครั้งดังประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เพราะการคงไว้ซึ่งกฎหมายพิเศษนี้ และ (2) การยกเลิกกฎหมายพิเศษนี้อาจเป็น “ทางเลือกที่ดีกว่า” ที่จะทำให้สังคมเราสามารถปกป้องสถาบันกษัตริย์ ควบคู่กับการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพที่จะพูดความจริงของประชาชนให้มั่นคงไปด้วยกันได้ หรือให้สังคมเราเป็นสังคมที่หยุดการอ้างอิงสถาบันสร้างความขัดแย้ง และการเข่นฆ่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างถาวร

แต่เป็นเรื่องแปลกประหลาดไหม ที่เราไม่อาจยอมรับเงื่อนไขในกรณีตัวอย่างในเรื่องสั้นได้เลย ทว่ากลับยอมรับเงื่อนไขในเรื่องจริงที่เป็นอยู่นี้ได้!

หมายความว่า พวกเรายอมรับให้มี “กฎ” ที่นอกจากจะไม่ใช่หลักประกันความสุขสมบูรณ์พร้อมของทุกๆ คน (ดังในเรื่องสั้น) แล้ว ยังเป็นกฎที่ทำลาย “ความเป็นมนุษย์” ของเรา และเป็นกฎที่ดำรงการอ้างอิงสถาบันเพื่อสร้างความขัดแย้งในสังคมให้คงอยู่ตลอดไปอีกด้วย

ตกลงว่า พวกชาวเมืองที่เสพสุขสำราญบนเงื่อนไขของการทำลายความเป็นมนุษย์ของเด็กปัญญาอ่อนคนหนึ่งในเรื่องสั้น กับพวกเราที่มีชีวิตอยู่ในความขัดแย้งบนเงื่อนไขของการยอมให้มีการทำลายความเป็นคนของประชาชน เพื่อปกป้องสถานะ อำนาจ บทบาทของสถาบันอันอาจถูกอ้างอิงเพื่อสร้างความขัดแย้งได้อีกต่อไปนั้น

ระหว่างพวกเรากับ “ชาวเมืองแห่งความสุข” ในเรื่องสั้น ใครมีเหตุผล มีมโนธรรม มีสำนึกปกป้อง “ความเป็นมนุษย์” มากกว่ากัน?

หรือมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไปไหมที่ “มโนธรรม” ของเรารับไม่ได้เลยกับ “ความอยุติธรรม” ในเรื่องสั้น แต่กลับรับได้อย่างปราศจากการตั้งคำถามต่อ “ความอยุติธรรม” ในเรื่องจริง!

ตกลงว่า ระหว่างเรื่องราว (ก) กับ (ข) อันไหนสะท้อนสภาพสังคมที่ “อยุติธรรม” มากกว่ากัน?

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

Trending Articles



<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>