Quantcast
Channel: ประชาไท
Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 26 ก.พ. - 3 มี.ค. 2555

$
0
0

กลุ่มผู้ใช้แรงงานบริษัทผลิตรถยนต์ เรียกร้องให้รัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ให้กับแรงงานที่มีฝีมือด้วย 

27 ก.พ. 55 - ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้แรงงาน บริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ และบริษัทซิวเวอร์ไอซ์ จำนวนกว่า 200 คน ซึ่งมีนายมนัส โกศล ประธานองค์กรแรงงาน 7 องค์กร เป็นแกนนำ ได้ชุมนุมที่หน้ากระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลผ่าน นายเผดิมศักดิ์ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ไปรับหนังสือข้อเรียกร้องด้วยตนเอง

โดยแรงงานส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมในวันนี้ มีอายุงานมากกว่า 5 ปี ต้องการให้รัฐบาลทบทวนการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ที่จะเริ่มในวันที่ 1 เมษายนที่จะถึงนี้ ไม่เจาะจงเฉพาะค่าแรงขั้นต่ำรายใหม่ แต่ควรรวมแรงงานเก่าที่มีฝีมือ และมีอายุงานมากกว่าด้วย เพราะการปรับขึ้นค่าแรงจะทำให้แรงงานใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานมีอัตราเงินเดือน มากกว่า หรือ ใกล้เคียงกับแรงงานเก่า

นอกจากนี้ยังขอความเป็นธรรม กรณีที่บริษัทบางแห่งจะใช้วิธีการปรับขึ้นค่าจ้างด้วยการรวมค่าครองชีพไว้ใน ฐานเงินเดือน เพื่อให้ค่าจ้างเพิ่มเป็นวันละ 300 บาทด้วย ซึ่งรัฐมนตรีรับปากจะดูแลให้

และในระหว่างการยื่นข้อเรียกร้องได้เกิดข้อถกเถียงเรื่องความเหมาะสมใน การชุมนุมระหว่างรัฐมนตรีกับนายมนัส โกศล เพราะกระทรวงแรงงานเกรงว่าอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานไม่พอใจ และระบุว่า การยื่นข้อเรียกร้องครั้งต่อไปจะไม่ยื่นผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

(ครอบครัวข่าว, 27-2-2555)

"สภาพัฒน์" สรุปภาพรวมการจ้างงานปี 54 อัตราว่างงานต่ำ ชี้แรงงาน "ภาคเกษตร-นอกระบบ" ขาดประสิทธิภาพ

27 ก.พ. 55 - นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (สศช.) แถลงภาวะสังคมไทยในไตรมาสที่ 4 และภาพรวมปี 2554 ว่า ในไตรมาส 4 อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.6% หรือมีผู้ว่างงาน 245,890 คน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบและลดลงมากในเกือบทุกสาขาทั้ง อุตสาหกรรมและภาคบริการ ภาพรวมเศรษฐกิจหดตัวถึง 9% สถานการณ์การจ้างงานและการว่างงานไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจและยังไม่สะท้อนผล กระทบที่ชัดเจนทันทีจากภาวะน้ำท่วม ส่วนการจ้างงานยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนถึง 0.9% แต่ไม่ได้ทำให้เกิดผลพวงทางเศรษฐกิจ

ส่วนรายได้ที่แท้จริงของแรงงานชะลอลง โดยค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนเอกชนที่ยังไม่รวมค่าล่วงเวลาและผลประโยชน์ตอบ แทนอื่นเพิ่มขึ้น 7.4% แต่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 4% ส่งผลให้ค่าจ้างที่แท้จริงเพิ่มขึ้นเพียง 3.2% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ที่ 3% โดยค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินโครงการป้องกันและ บรรเทาการเลิกจ้างที่ช่วยให้แรงงานบางส่วนที่ไม่ได้ทำงานในช่วงน้ำท่วมยังมี รายได้แม่จะต่ำกว่าปกติ

ตลอดปี 2554 การว่างงานเฉลี่ยอยู่ในระดับ 0.7% โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.1% มีค่าจ้างที่แท้จริงเพิ่มขึ้น 2.8% โดยตลาดแรงงานยังคงตึงตัว แต่ถ้าจำแนกตามจำนวนชั่วโมงการทำงานรายสาขาการผลิตพบว่า ยังมีการทำงานที่ไม่เต็มศักยภาพหรือนับว่าเป็นแรงงานแฝงอยู่ในรูปของการทำ งานที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มศักยภาพเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการทำงานต่ำระดับเนื่องจากคุณสมบัติของแรงงานไม่ตรงกับความ ต้องการของตลาด รวมทั้งแรงงานไร้ทักษะในภาคเกษตร ซึ่งเป็นผลจากการจัดการศึกษาที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน คุณภาพแรงงานต่ำที่เป็นผลจากการศึกษาและการฝึกอบรมและขาดการศึกษาอย่างทั่ว ถึงของประชาชนในอดีต ดังนั้นเฉลี่ยโดยภาพรวมแล้วผลิตภาพแรงงานของไทยจึงต่ำ โดยเฉพาะในภาคเกษตรและแรงงานนอกระบบซึ่งรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในระดับต่ำ โดยที่ไทยยังมีประชาชนกลุ่มยากจนและกลุ่มเสี่ยงอยู่ถึง 10 ล้านคน

(เดลินิวส์, 27-2-2555)

ห่วงครึ่งปีแรกแรงงาน 1.6 แสนคนถูกลอยแพ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและนางสุวรรณี คำมั่น รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)แถลงภาวะ สังคมไทยไตรมาส4/2554 (จีดีพีสังคม) ระบุว่า อัตราการว่างงานในช่วงไตรมาส 4/2554 อยู่ที่ 0.6% หรือเท่ากับมีผู้ว่างงาน 245,890 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ

ขณะที่การจ้างงานกลับเพิ่มสูงขึ้นเช่นกันถึง 0.9% สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลงถึง 9% เนื่องจากในส่วนของผู้ประกอบการด้านก่อสร้างและค้าปลีกค้าส่ง ยังคงมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และผู้ประกอบการ
บางส่วนยังอยู่ในช่วงที่ขาดแรงงานและภาวะตลาดแรงงานตึงตัว

ทั้งนี้ โดยภาพรวมการจ้างงานทั้งปี 2554 ยังเพิ่มขึ้น 1.1%ขณะที่อัตราการว่างงานเฉลี่ยทั้งปี 0.7%และช่วงไตรมาส 4 รายได้แท้จริงของแรงงานเพิ่มขึ้น 3.2% ทั้งปีเพิ่มขึ้น 2.8% ซึ่งถือว่าชะลอตัว
เนื่องจากตลาดด้านแรงงานยังมีภาวะตึงตัวเช่นกัน

นายอาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ยังต้องติดตามในปี 2555 คือความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างงาน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก ที่จะมีความชัดเจนจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมในการปรับ อัตราการจ้างงานและนโยบายการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยพบว่าขณะนี้ มีแรงงานถึง 45,000 คน ที่ถูกเลิกจ้างงานจากสถานประกอบการ 122 แห่ง และอีก 284 แห่งที่ยังไม่สามารถ
เปิดกิจการได้

ส่งผลให้มีแรงงานที่เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง เนื่องจากยังรอการกลับเข้าทำงานของโรงงานที่ถูกน้ำท่วม อีกจำนวนถึง 164,552 คน และเมื่อรวมกับอัตราการจ้างงานที่จะมีการปรับขึ้น
อีก 40% ทั่วประเทศและ 40% ใน 7 จังหวัดนำร่อง ก็จะเป็นเหตุผลทำให้ผู้ประกอบการทบทวนนโยบายการจ้างงาน และอาศัยเหตุการณ์น้ำท่วมประกาศปิดบริษัท หรือ เลิกจ้างงาน

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงในการเลิกจ้างแรงงาน ประกอบด้วย การผลิตยานยนต์ เครื่องจักรสำนักงาน อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอเครื่องแต่งกาย เครื่องจักรที่ใช้ในงานทั่วไป โทรทัศน์ วิทยุ
เครื่องใช้ไฟฟ้า ยาง เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เป็นต้น

“ เชื่อว่าการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำจะเป็นแรงกดดันให้แรงงานและผู้ประกอบการ ต่างเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพราะผู้ประกอบการต้องปรับตัวจากอัตราโครงสร้างการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นทั้ง ระบบ
รวมถึงการพิจารณาการย้ายแหล่งผลิตเพื่อแก้ปัญหาด้านต้นทุนที่เพิ่มและ ปัญหาขาดแคลนแรงงาน แต่หากประสิทธิภาพานทำงานดีขึ้น และผลิตผลดีก็จะส่งต่อ GDP เช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีแรงงานที่ได้รับค่าจ่างขั้นต่ำต่ำกว่า 300 บาท ประมาณ 5.1-6.9 ล้านคน และต้องใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้นในส่วนนี้ประมาณ 6.7-11.1 พันล้านบาทต่อเดือนหรือ 6.2-10.2% ของอัตราค่าจ้างเดิม

(กรุงเทพธุรกิจ, 27-2-2555)

เครือข่ายแรงงานฯ เรียกร้องค่าจ้าง 300 บาท ต้องเท่ากันทั่วประเทศทันที

ลานพระบรมรูปฯ 28 ก.พ.- เครือข่ายแรงงานฯ เรียกร้องค่าจ้าง 300 บาท ต้องเท่ากันทั่วประเทศทันที ชี้ค่าครองชีพต่างจังหวัดไม่ได้ถูกกว่า พร้อมแนะนายจ้าง ขยับขึ้นค่าจ้างตามฝีมือ-อายุงาน

เครือข่ายแรงงานเพื่อการปฏิรูปค่าจ้างที่เป็นธรรม ประกอบด้วย สภาองค์กรลูกจ้าง สหพันธ์แรงงาน สหภาพแรงงานในย่านอุตสาหกรรมต่าง ๆ และคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย จำนวนกว่า 1,000 คน ชุมนุมเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ขึ้นค่าจ้าง  300 บาทนำร่องใน 7 จังหวัด ตั้งแต่ 1 เมษายนนี้ ขณะที่จังหวัดอื่นปรับขึ้นอีกประมาณร้อยละ 40 โดยรวมตัวที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนเดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงน.ส.ลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวยืนยันว่า ค่าจ้างขั้นต่ำต้องปรับเป็น 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศทันที เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพราะปัจจุบันค่าครองชีพในต่างจังหวัด ไม่ได้ต่ำกว่ามากนัก การเลื่อนการขึ้นค่าจ้างเป็น 300 บาท ในอีก 70 จังหวัดออกไปเป็นวันที่ 1 มกราคม 2556 ก็จะเจอปัญหาแบบเดิมอีก นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยที่คณะกรรมการค่าจ้างกลางออกมาระบุว่าหลังการปรับขึ้นค่าจ้าง ครั้งนี้ จะไม่มีการขึ้นค่าจ้างอีก 2-3 ปี เพราะจะไม่สะท้อนค่าครองชีพที่แท้จริง จึงขอให้นายกรัฐมนตรีทบทวนนโยบายดังกล่าว

นายชาลี กล่าวอีกว่า หลังการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทแล้ว นายจ้างควรจะมีการปรับโครงสร้างค่าจ้างให้เป็นธรรม โดยการปรับขึ้นค่าจ้างตามฝีมือและอายุงานให้คนงานเก่าด้วย ไม่เช่นนั้นอาจเกิดคลื่นใต้น้ำหรือปัญหาภายในองค์กรขึ้น ส่วนท่าทีของนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ออกมาตำหนิการชุมนุมของผู้ใช้แรงงานด้วยความรุนแรง และระบุว่าสร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้น ขอให้นายเผดิมชัย เปิดใจให้กว้าง เพราะกระทรวงแรงงานถือเป็นที่พึ่งของคนงาน ไม่ต้องการให้มาตำหนิกัน

(สำนักข่าวไทย, 28-2-2555)

โครงการป้องกันบรรเทาเลิกจ้างเฟส 2 สะดุด หลายโรงงานไม่คอนเฟิร์มจ้างคนงานต่อหรือไม่

นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีสถานประกอบการจำนวนมาก โดยเฉพาะใน จ.พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ที่ยังไม่ยืนยันว่าจะร่วมโครงการป้องกันและบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างต่อหรือ ไม่ เนื่องจากยังไม่ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าธุรกิจในอนาคตต่อไปอย่างไร

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วม ปลายปี 2554 โดยมีหลักการว่านายจ้างต้องไม่เลิกจ้างและจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 75% ของค่าจ้างเดิม ขณะที่ภาครัฐจะช่วยจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างรายละ 2,000 บาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน ใช้งบประมาณ 1,800 ล้านบาท ปัจจุบันมีสถานประกอบการขอเข้าร่วมโครงการ 1,787 แห่ง ครอบคลุมลูกจ้าง 3.2 แสนคน

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้สิ้นสุดลงวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา และเหลืองบที่ใช้ไม่หมดอีก 158 ล้านบาท กสร.จึงมีแนวคิดนำเงินดังกล่าวมาช่วยเหลือสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ แล้วแต่ยังฟื้นฟูโรงงานไม่เสร็จ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสรุปหลักเกณฑ์ว่าสถานประกอบการประเภทใดที่เข้าข่ายได้ รับการช่วยเหลือและจะช่วยเหลือต่ออีกกี่เดือนภายในวันที่ 15 ก.พ. แต่เนื่องจากสถานประกอบการหลายแห่งที่มีบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศ ตลอดจนบริษัทญี่ปุ่นซึ่งจะปิดปีงบประมาณในเดือน มี.ค.จึงยังไม่สามารถยืนยันการเข้าร่วมโครงการได้จนกว่าผู้บริหารในต่าง ประเทศจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับโรงงานที่อยู่ในเมืองไทย

“ผมสั่งให้สวัสดิการจังหวัดเร่งติดตามสถานประกอบการเพื่อยืนยันว่าจะ เลิกจ้างคนงานหรือเข้าโครงการต่อ ซึ่งหลายแห่งยังไม่คอนเฟิร์มเพราะรอตัดสินใจอนาคตทางธุรกิจเสียก่อน อย่างไรก็ตามคาดว่าตัวเลขต่างๆจะมีความชัดเจนภายในเดือน มี.ค.นี้ ”นายอาทิตย์ กล่าว

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 และภาพรวมปี 2554 โดยระบุว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2555 มีแรงงาน 1.64 แสนคน ที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่ยังไม่สามารถเปิดกิจการได้ เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วมมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้างหรือตกงาน

ขณะที่การปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทใน7 จังหวัด และจังหวัดอื่นๆ70 จังหวัด ที่มีการเพิ่มค่าจ่างขั้นต่ำ ในอัตรา 39.5% ในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ เป็นปัจจัยที่ทำให้สถานประกอบการบางส่วนทบทวนนโยบายจ้างงานและอาจอาศัย เหตุการณ์น้ำท่วมเป็นสาเหตุในการปิดบริษัท เลิกจ้าง หรือไม่จ่ายค่าจ้างอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อการเลิกจ้างประกอบด้วย การผลิตยานยนต์ เครื่องจักรสำนักงานอิเล็ก ทรอนิกส์ สิ่งทอ เครื่องแต่งกายเครื่องจักรใช้งานทั่วไปโทรทัศน์และวิทยุ เครื่องใช้ไฟฟ้ายาง เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เครื่องใช้ในบ้านเรือนและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม

ขณะเดียวกัน สำนักเศรษฐกิจการแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยรายงานการเตือนภัยด้านแรงงานฉบับล่าสุด ระบุว่าการวิเคราะห์โอกาสของการเกิดวิกฤตการจ้างงานด้วยแบบจำลองโพรบิต (Probit Model) พบว่า โอกาสที่จะเกิดวิกฤตในตลาดแรงงาน ในไตรมาส 2 สิ้นเดือน มิ.ย.สูงถึง 86.94% ซึ่งอยู่ในระดับอันตราย

(โพสต์ทูเดย์, 28-2-2555)

บอร์ดค่าจ้างมีมติขึ้นค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือทั้ง 22 สาขา ให้สอดคล้องกับค่าจ้าง 300 บาท

ก.แรงงาน 1 มี.ค.- นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน  กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างกลาง (บอร์ดค่าจ้าง) เพื่อพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติใน 22 สาขาอาชีพ ที่ได้มีการประกาศใช้แล้ว ให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ ว่า คณะกรรมการค่าจ้างกลาง มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือในทุกระดับ โดยระดับ 1  ปรับค่าจ้างขึ้นอีกร้อยละ 11.7-42.9  หรือเพิ่มขึ้นอีก 35-140 บาท สาขาที่ได้ปรับขึ้นต่ำสุด คือ ช่างเครื่องเรือนไม้ จากเดิมมีค่าจ้างระดับ 1 วันละ 300 บาท เพิ่มเป็น 335 บาท สาขาที่ได้ปรับขึ้นสูงสุด  คือ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย จากเดิมค่าจ้างระดับ 1 วันละ 280 บาท ปรับเพิ่มเป็น 400 บาท ส่วนค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่ต่ำสุดใน 22 สาขาอาชีพ คือ ช่างเย็บและช่างบุครุภัณฑ์ มีค่าจ้างระดับ 1 วันละ 320 บาท ค่าจ้างสูงสุด คือ นวด สปาตะวันตก มีค่าจ้างวันละ 490 บาท

ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือครั้งนี้ มีการปรับขึ้นในทุกระดับ โดยค่าจ้างระดับ 2 มีการปรับเพิ่มขึ้นวันละ  35-190 บาท ทำให้ค่าจ้างต่ำสุดอยู่ที่วันละ 370 บาท สูงสุดที่ 650 บาท ส่วนระดับ 3 ปรับเพิ่มขึ้นวันละ 35 ถึง 210 บาท  ทำให้ค่าจ้างต่ำสุดอยู่ที่วันละ 420 บาท สูงสุดที่ 775 บาท โดยค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานอัตราใหม่นี้ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ พร้อมกับค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2555

(สำนักข่าวไทย, 1-3-2555)

เตือนแรงงานไทยทำงานมาเลเซียผิดกม.เจอกวาดล้าง

จัดหางานจังหวัดตรัง เตือนแรงงานไทยที่จะไปทำงานในมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย? เจอมาตรการทางกฎหมาของประเทศเพื่อนบ้านกวาดล้างทั้งปรับเงินและจำคุก

นายอรุณ หมัดเหล็ม จัดหางานจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า สำนักงานแรงงานในประเทศมาเลเซีย แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2555 เป็นต้นไป ทางการมาเลเซียจะดำเนินการกวาดล้าง ตรวจจับ และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ที่ลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย และผู้ที่อยู่อย่างผิดกฎหมายในมาเลเซียที่ไม่ได้ลงทะเบียนในแผนการนิรโทษ กรรมแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย โดยได้จัดเจ้าหน้าที่จากกรมตรวจคนเข้าเมือง กรมตำรวจและกองทัพมาเลเซีย จำนวน 4 ล้านคน เพื่อดำเนินการกวาดล้างและตรวจจับแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด

"ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งผู้ที่เดินทางเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย แต่อยู่เกินกำหนดที่ได้รับอนุญาตจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 ริงกิต หรือจำคุกไม่เกน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่ได้เดินทางเข้าไปโดยวีซ่าท่องเที่ยวหรือใบผ่านแดน (Border Pass) แล้วทำงานโดยผิดกฎหมายจะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 ริงกิต หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ"นายอรุณ กล่าว

จัดหางานจังหวัดตรัง กล่าวต่อว่า ขอเตือนประชาชน คนหางานที่จะเดินทางไปทำงานในมาเลเซีย ให้งดการเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียอย่างไม่ถูกต้องหรือเดินทางเข้าไปแล้ว ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้นจะถูกทางการมาเลเซียจับกุมและถูกดำเนินคดีดังกล่าว ทั้งนี้หากต้องการเดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้ติดต่อลงทะเบียน แจ้งความประสงค์จะเดินทางไปทำงานในประเทศมาเลเซีย ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดตรัง ศาลากลางจังหวัดตรัง หลังใหม่ ชั้น 2 อำเภอเมือง จังหวัดตรัง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หมายเลขโทรศัพท์ 075-214027-8 ในวันและเวลาราชการ

(เนชั่นทันข่าว, 1-3-2555)

ปรับเพดานค่าจ้างตามฝีมือแรงงาน 6 กลุ่ม 1 เม.ย. นี้

นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างกลาง มีมติเห็นชอบ ให้ปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติใน 6 กลุ่ม 22 สาขาอาชีพ ตามที่คณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือนำเสนอตัวเลขผลการศึกษา เนื่องจากอัตราเดิมในบางสาขา มีอัตราค่าจ้างต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่คณะกรรมการค่าจ้างได้มีมติปรับค่า จ้างขั้นต่ำเพิ่ม ร้อยละ 40 ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้ 7 จังหวัด ค่าจ้างขั้นต่ำปรับเพิ่มเป็นวันละ 300 บาท ซึ่งมีผลในวันที่ 1 เม.ย.นี้

การปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ยึดหลักการให้ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ซึ่งจะต้องสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ และการจ่ายค่าจ้างตามาตรฐานฝีมือจะต้องเป็นไปตามสภาพการจ้างงานของแต่ละสาขา อาชีพ และความสามารถในการจ่ายของนายจ้างในตลาดแรงงาน โดยอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 6 กลุ่มใน 22 สาขาอาชีพ ที่คณะกรรมการค่าจ้างเห็นชอบให้ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่

1. กลุ่มช่างเครื่องกล ให้ปรับเพิ่มขึ้น 85 บาท ในทุกสาขา/ทุกระดับ เช่น ช่างสีรถยนต์ ค่าจ้างใหม่ 400-530 บาทต่อวัน ,ช่างเคาะตัวถังรถยนต์ 420-590 บาทต่อวัน, ช่างซ่อมรถยนต์ เพิ่มเป็นวันละ 360 -530 บาทต่อวัน

2. กลุ่มภาคบริการ ปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 39.5 ทุกสาขา/ทุกระดับ เช่น ผู้ประกอบอาหารไทย เพิ่มเป็นวันละ 400-510 บาทต่อวัน , พนักงานนวดไทย เพิ่มเป็นวันละ 440 -720 บาทต่อวัน และนักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม สปาตะวันออก หรือ หัตถบำบัด เพิ่มเป็นวันละ 490 - 650 บาทต่อวัน

3. กลุ่มช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ ให้ปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท ทุกสาขา/ทุกระดับ แยกเป็น ช่างซ่อมไมโครคอมพิวเตอร์ , ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร , ช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม , ช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก และช่างอิเล็กทรอนิกส์ ซ่อมโทรทัศน์ เพิ่มเป็นวันละ 400 บาท ระดับ 2 เดิมได้วันละ 400 - 600 บาท

4. กลุ่มช่างอุตสาหการ ปรับค่าจ้างแตกต่างกันตามความสามารถในการจ่ายของนายจ้างและตลาดแรงงาน แยกเป็น ช่างเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ เพิ่มเป็นวันละ 460-670 บาท, ช่างแม็ก เพิ่มเป็นวันละ 400-600 บาท และ ช่างเชื่อมทิก เพิ่มเป็นวันละ 455-775 บาทต่อวัน

5. กลุ่มช่างก่อสร้าง ให้ปรับเพิ่ม 85 บาท ทุกสาขา/ทุกระดับ เช่น ช่างไม้ก่อสร้าง เพิ่มเป็นวันละ 385 - 605 บาท ,ช่างก่ออิฐ เพิ่มเป็นวันละ 345-585 บาท ,ช่างฉาบปูน เพิ่มเป็นวันละ 385-605 บาทต่อวัน และช่างอะลูมิเนียมก่อสร้าง เพิ่มเป็นวันละ 365-585 บาท

6. กลุ่มช่างอุตสาหกรรมศิลป์ ให้ปรับเพิ่มตามสภาพการจ้างงานของแต่ละสาขาอาชีพ แยกเป็น ช่างเย็บเพิ่มเป็นวันละ 320-500 บาท ,ช่างเครื่องประดับ หรือช่างเครื่องประดับอัญมณี เพิ่มเป็นวันละ 400-750 บาท , ช่างเครื่องเรือนไม้ เพิ่มเป็นวันละ 335 - 435 บาท และช่างบุครุภัณฑ์ เพิ่มเป็นวันละ 320-420 บาทต่อวัน

ทั้งนี้ การปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือในครั้งนี้ สาขาที่ปรับเพิ่มต่ำสุดคือ สาขาช่างเครื่องเรือนไม้ ระดับ 1 เดิมได้วันละ 300 บาท เพิ่มเป็นวันละ 335 บาท คิดเป็นร้อยละ 11.7 ส่วนสาขาที่ได้ปรับสูงสุดคือ ผู้ประกอบอาหารไทย ระดับ 1 เดิมได้วันละ 280 บาท เพิ่มเป็นวันละ 400 บาท คิดเป็นร้อยละ 42.9 การปรับครั้งนี้เพื่อให้ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ได้รับการขยับเพดานเพิ่มสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ พร้อมการปรับค่าแรงขั้นต่ำ

ส่วนกรณีที่เครือข่ายแรงงานเสนอให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ แต่เข้าใจว่า ในประเด็นนี้ได้มีความชัดเจนพอสมควร ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจดี และ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ไปชี้แจงและทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ใช้แรงงานซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจดีแล้ว

 (ไทยพีบีเอส, 3-3-2555)

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

Trending Articles