โฆษก ปชป. เรียกร้องรัฐบาล ห้ามแตะหมวดกษัตริย์ ห้ามยุบหรือแทรกแซงองค์กรอิสระ ห้ามแก้กฎหมายเพื่อคนเพียงคนเดียวในการแก้ รธน. พร้อมนำข้าวกระเพราไข่ดาวจานละ 45 บาทมาโชว์ผู้สื่อข่าว เป็นหลักฐานว่าประชาชนกำลังเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพ วอนรัฐบาลอย่าใช้การตลาดมาแก้ปัญหาปากท้อง
เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ วานนี้ (3 มี.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เตือนรัฐบาลว่าความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้นั้นว่ากำลังส่งผลกระทบถึงสังคมไทยในวงกว้าง และกำลังจะทำให้เกิดความแตกแยกครั้งใหม่ขึ้นในสังคมไทย โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชนวนเหตุของความรุนแรงกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม นายชวนนท์ โดยกล่าวประณามการกระทำของผู้ที่ทำร้าย นายวรเจตน์ โดยกล่าวว่า ในสังคมระบอบประชาธิปไตยนั้น ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น และทุกคนจะต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นไม่ว่าจะชอบหรือไม่ และการเห็นต่างจะต้องกระทำอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ใช่การกระทำที่ป่าเถื่อนเช่นนี้
นอกจากนี้นายชวนนท์ ยังได้แถลงถึงข้อเรียกร้องของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการให้รัฐบาลแถลงจุดยืน ใน 3 เรื่องให้ชัดเจนเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำลังจะมีการตั้ง ส.ส.ร. ขึ้น 1) รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องไม่มีการแตะต้องมาตราที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ 2) จะไม่มีการยุบหรือแทรกแซงองค์กรอิสระ 3) จะไม่มีการแก้กฎหมายเพื่อคนเพียงคนเดียว
โดยเฉพาะในเรื่องของหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์ นั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้ และกล่าวถึงคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้นใจร้อนนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องใจร้อนเพราะเป็นเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่าเหตุใด จึงยังสามารถใจเย็นกับประเด็นที่มีความสำคัญเช่นนี้ได้อยู่ เพราะเวลานี้สังคมกำลังสับสนกับการกระทำของรัฐบาล ที่ยืนยันจะไม่มีการแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่กลับมีการเคลื่อนไหวของมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาล เรียกร้องให้แก้มาตรานี้ โดยโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำภาพการตั้งโต๊ะลงชื่อสนับสนุนการแก้ มาตรา 112 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน การชุมนุมคนเสื้อแดง ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์นั้น พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ที่ผ่านมาหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนกับปัญหาค่าครองชีพ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมัน ซึ่งขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยอ้างว่าจำเป็นต้องปรับตามราคาตลาดโลก ทั้งๆที่ขณะนี้ บริษัท ปตท. มีกำไรมหาศาล และสามารถลดสัดส่วนกำไรลงเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้
ทั้งนี้นายชวนนท์ได้ยกตัวอย่างถึงราคาอาหาร ที่แพงขึ้นมาจนน่าตกใจพร้อมทั้ง นำอาหารที่ซื้อมาจากศูนย์อาหาร มาแสดงให้สื่อมวลชนดู ซึ่งข้าวผัดกะเพรา ใส่ไข่ดาวที่รัฐบาล กล่าวอ้างว่าราคาไม่เกิน 30 บาทนั้น มีราคาถึง 45 บาท ส่วนข้าวแกงราดกับข้าวสองอย่างนั้นมีราคา 35 บาท ส่วนมะนาวหนึ่งลูกในขณะนี้ มีราคาถึงลูกละ 8 บาท โดยนายชวนนท์ได้ตำหนิว่ารัฐบาล ว่าอย่าใช้การตลาดมาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างข้าวแกง ธงฟ้า ในตลาดมีนบุรี ซึ่ง นายกฯ ได้ไปเยี่ยมชมเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าขณะนี้ทุกร้าน ได้เก็บธงฟ้าไปหมดแล้วหลังจากที่ นายกฯ กลับไป เพราะไม่สามารถจะจำหน่ายอาหารในราคาธงฟ้าโดยไม่ขาดทุนได้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงการที่รัฐบาล จะเก็บภาษี 7% กับค่าผ่านทาง ของการทางพิเศษนั้น เป็นการภาระ และซ้ำเติมประชาชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนคิดจะทำมาก่อน แต่รัฐบาลนี้กลับตัดสินใจทำ
นอกจากเรื่องปัญหาค่าครองชีพแล้ว นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงความล้มเหลว ของรัฐบาลในโครงการ จำนำ ผลผลิต ในกรณีของการจำนำข้าวในขณะนี้ มีการสวมสิทธิ์แทนชาวนาแล้วเอาข้าวมาจำนำอยู่เป็นจำนวนมาก และ ชาวนาที่เอาข้าวเป็นจำนำส่วนมาก ก็มักจะไม่ได้รับเงินจำนำ จำนวนเต็ม 15000 บาท เพราะถูกอ้างว่าข้าวนั้นมีความชื้นมากเกินไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวตำหนิรัฐบาล ถึงความไม่ชัดเจนในการแก้ปัญหาอุทกภัย โดยเล่าถึง เหตุการณ์ที่ตนและ นายอภิสิทธิ์ ได้เข้าพบผู้บริหารของบริษัทชั้นนำขณะไปเยือนที่ประเทศญี่ปุ่น ว่าหลายๆ บริษัทขณะนี้ ยังคงไม่เชื่อมั่นในแนวทางแก้ปัญหา อีกทั้งการที่รัฐบาลสามารถกู้เงินได้นั้น ไม่ได้ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงการกู้เงินรอบแรก 6 หมื่นล้านบาท ในสัปดาห์หน้าว่าจนถึงขณะนี้ รัฐบาลยังไม่มีการชี้แจงรายละเอียดกับประชาชน ว่าจะทำโครงการอย่างไร ที่ไหนบ้าง ซึ่งหมายความว่า บ้านของตน หรือสื่อมวลชนทุกคนในห้องแถลงข่าวนี้ มีโอกาสที่จะกลายเป็นแก้มลิงได้
นายชวนนท์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาชี้แจงเรื่องเหล่านี้ แก่ประชาชนโดยทั่วกัน เพราะจะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมทั้งกล่าวว่า การที่เอาแผนป้องกันอุทกภัยไปชี้แจงในโรงแรม แทนที่จะชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปทราบนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้คนบางกลุ่มฉกฉวยโอกาส จากวิกฤติของประชาชน ซึ่งถือเป็นการทำร้ายประเทศ และประชาชนอย่างยิ่งยวด
นายชวนนท์ ได้ทิ้งท้าย ถึงประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปลงทุนสร้างเหมืองอยู่ทวีปแอฟริกา โดยกล่าวย้อนถึงคราวที่ตนเคยตั้งคำถาม ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าการที่ตั้ง นางนลินี ทวีสิน เป็น รัฐมนตรี นั้นมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเหมืองแห่งนี้หรือไม่ เพราะนางนลินี นั้นมีสัมพันธ์อันดีกับเครือข่ายธุรกิจในทวีป แอฟริกา ซึ่งในครั้งนั้น นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาชี้แจงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เคยไปที่เหมืองจริง แต่ได้ทำการถอดทุนออกมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายชวนนท์ ได้นำข่าวจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับ วันที่ 2 มีนาคม 2555 มาแสดงให้ สื่อมวลชน เห็นซึ่งในเนื้อข่าวมีการพูดถึงความคืบหน้าในการก่อสร้าง เหมืองถ่านหิน มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท ที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ไปลงทุน ในทวีปแอฟริกา โดยนายชวนนท์ ได้กล่าวถึงนายนพดล ว่ากำลังทำตัวเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยการออกมาตอบโต้ทุกข้อกล่าวหา โดยไม่คำนึงความเป็นจริง