ผบก.น.1 นัดพี่น้องแฝดมือชกอ.วรเจตน์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ที่เคลื่อนไหวแก้ ม.112 พบ 12 มีนาคมนี้ พร้อมสั่งดูแลความปลอดภัยของผู้เสียหายเข้ม ด้าน 'จรัล' ชี้คุกคาม 'วรเจตน์' ยิ่งให้กระแสแก้ ม.112 สูงขึ้น
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 55 ที่ผ่านมาเว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่าเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.น.1 เปิดเผยถึงกรณีที่นายสุพจน์ ศิลารัตนายุ 30 ปี และนายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี สองพี่น้องฝาแฝด ชาว จ.ปทุมธานี ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกาย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนได้รับบาดเจ็บ สาเหตุจากการที่นายวรเจตน์เข้าไปเป็นแกนนำกลุ่มนิติราษฏร์และเคลื่อนไหวการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า สำหรับขั้นตอนจากนี้ทางคดีต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ จากนั้นจะรอตรวจสอบผลการพิมพ์มือของผู้ต้องหาทั้งสองคน ว่ามีประวัติต้องโทษที่ใดบ้าง เพราะจะเป็นประโยชน์กับการฟ้อง ต้องโทษคดี รวมถึงอาจมีผลในการเพิ่มโทษ โดยขณะนี้ได้ปล่อยตัวชั่วคราวและนัดหมายให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ซึ่งหากสำนวนเสร็จสิ้นแล้วก็จะส่งมอบให้พนักงานอัยการได้ทันที แต่หากยังไม่เสร็จก็จะนัดมาอีกครั้งอาจจะใช้เวลา 7 วัน 12 วัน 15 วัน หรือเท่าใดก็แล้วแต่ความเหมาะสม เพื่อดูว่าสำนวนเสร็จหรือไม่ ทั้งนี้ที่ปล่อยตัวผู้ต้องหาไปเพราะไม่ได้ขอหมายจับก่อน แต่ผู้ต้องหาเข้ามามอบตัวก่อนเหมือนยอมรับที่ได้ก่อเหตุไป ทางตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาและปล่อยตัว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีในท้องที่อื่นๆมีที่ใดบ้าง พล.ต.ต.พชร กล่าวว่า ต้องรอผลการตรวจสอบจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร เมื่อถามว่าพื้นฐานผู้ต้องหาเป็นคนที่ชอบทะเลาะวิวาทกับคนอื่นทั่วไปใช่หรือไม่ พล.ต.ต.พชร กล่าวว่า จากการสอบถาม นายสุพจน์ อ้างว่าเคยถูกจับเรื่องอาวุธปืนผิดมือ ส่วนนายสุพัฒน์ คนน้อง มีคดีทำร้ายร่างกาย 4 คดี และทำให้เสียทรัพย์ 1 คดี เคยถูกจำคุก 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่ผู้ต้องหาให้ปากคำ แต่ต้องรอตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง
เมื่อถามว่าดูแล้วคิดเองทำเองหรือมีคนจ้าง พล.ต.ต.พชรกล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าทำเอง แต่จากการสอบสวนก็ต้องดูอีกครั้งว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือไม่ โดยชั้นนี้ต้องเชื่อตามนั้น สาเหตุมาจากไม่พอใจที่ผู้บาดเจ็บไปสนับสนุนเรื่องมาตรา 112 โดยทางด้านคดีได้มุ่งเน้นในส่วนของคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนการสืบสวนทางข้างนั้นก็ยังทำต่อเนื่อง เพราะผู้บังคับบัญชาสั่งการไว้แล้ว
ถามว่าเรื่องการดูแลความปลอดภัยของนายวรเจตน์หลังจากนี้เป็นอย่างไร พล.ต.ต.พชร กล่าวว่า มอบหมายให้ทาง สน.ชนะสงคราม ดูแลเป็นพิเศษแล้ว.
ด้านเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่านายจรัล ดิษฐาอภิชัย หนึ่งในแกนนำนปช. และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การทำร้ายอาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ มิใช่มาจากความไม่พอใจของผู้ร้ายทั้งสอง น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้างสถานการณ์ให้เลวร้าย เพื่อก่อประชามติว่า การรณรงค์แก้มาตรา 112 และแก้รัฐธรรมนูญ กำลังเกิดความขัดแย้งรอบใหม่แล้ว นำร่องให้กับการชุมนุมของกลุ่มสยามสามัคคีพรุ่งนี้
"ขอแสดงความเสียใจกับดร.วรเจตน์ การทำร้ายอาจารย์นั้น นอกจากเป็นการละเมิดสิทธิในร่างกายอาจารย์คนหนึ่งเท่านั้น หากยังข่มขู่คุกคามเสรีภาพของนักวิชาการ อีกด้วย แล้วก็ยิ่งทำให้กระแสแก้ม.112 สู้ขึ้น"อ.จรัล กล่าว
อ.จรัล ยังเห็นว่า ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเพื่อนหลายคนที่ว่า สิ่งเลวร้ายกว่า มิใช่มีคนสองคนทำร้ายอาจารย์วรเจตน์ หากการโห่ร้องไชโยของผู้จงรักภักดี