Quantcast
Channel: ประชาไท
Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

ธงทอง จันทรางศุ: คึกฤทธิ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์

$
0
0

การอภิปรายหัวข้อ “คึกฤทธิ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์” ในงานสัมมนา: ปราชญ์สยาม นาม "คึกฤทธิ" เนื่องในโอกาสครบ 100 ปี ชาตกาล "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อ 20 ก.พ. ที่ห้องคอนเวนชั่น โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์

วิทยากรในการบรรยายหัวข้อ คึกฤทธิ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในภาพจากซ้ายไปขวา  พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ผศ.ดร.สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์และ ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ

วิดีโอการอภิปรายหัวข้อ “คึกฤทธิ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์” โดยธงทอง จันทรางศุ ในงานสัมมนา: ปราชญ์สยาม นาม "คึกฤทธิ" เนื่องในโอกาสครบ 100 ปี ชาตกาล "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อ 20 ก.พ. ที่ห้องคอนเวนชั่น โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์

 

เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) มีงานสัมมนา: ปราชญ์สยาม นาม "คึกฤทธิ์" เนื่องในโอกาสครบ 100 ปี ชาตกาล "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" อดีตนายกรัฐมนตรี จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ สถาบันคึกฤทธิ์ และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ห้องคอนเวนชั่น โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีการบรรยายหัวข้อ คึกฤทธิ์กับการเมืองระหว่างประเทศ คึกฤทธิ์กับสื่อมวลชน คึกฤทธิ์กับศิลปะการแสดง และคึกฤทธิ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยในช่วงเช้า นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีได้มาอภิปรายในหัวข้อ คึกฤทธิ์กับการเมืองระหว่างประเทศด้วย

สำหรับในช่วงบ่าย มีการบรรยายหัวข้อ: คึกฤทธิ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้อภิปรายประกอบด้วย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร นักเขียนและอดีตนายตำรวจราชสำนักประจำ ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์ ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร

ในการอภิปรายช่วงหนึ่ง ธงทอง กล่าวว่า หนังสือเรื่องแรกของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ที่ได้อ่านคือ "สี่แผ่นดิน" อ่านเมื่อเรียนอยู่ชั้น ป.7 ในเวลานั้นราคาไม่แพง เล่มละ 8 บาท มีทั้งหมด 4 เล่ม รวมทั้ง 4 เล่มราคา 32 บาท สมัยนี้คงไปหาซื้อสี่แผ่นดินราคา 32 บาทสุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชรไมได้แล้ว โดยโครงเรื่องทั้งหมด ยึดโยงความรู้สึกคนไทยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งคือ ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ เคยกล่าวว่า เมื่อนิยาย 4 แผ่นดินตีพิมพ์เป็นตอนในหนังสือสยามรัฐมีคนนับญาติกับแม่พลอยมาก รวมทั้งแม่ของ ม.ร.ว.อคิน และวิธีที่แม่พลอยมองสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่แตกต่างจากผู้ใหญ่ในสมัยนั้น

ธงทองเล่าต่อว่า ในปี 2533 เดือนธันวาคม ได้รับทาบทามจากทางช่อง 9 อสมท. ว่าอยากทำรายการพิเศษในวันรัฐธรรมนูญ โดยติดต่อให้เป็นพิธีกร และทางสถานีอยากสัมภาษณ์อาจารย์คึกฤทธิ์เป็นรายการพิเศษยาวประมาณ 45 นาที เรื่องพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย และอาจารย์คึกฤทธิ์กรุณานัดให้ไปสัมภาษณ์ที่บ้านริมปิง ที่เชียงใหม่ โดยตนเป็นผู้ดำเนินรายการ และตนได้ถอดเทปการสนทนาในวันดังกล่าว กลายเป็นงานชิ้นสำคัญจากโอกาสที่ได้พบอาจารย์คึกฤทธิ์

ธงทองกล่าวต่อไปว่า “ทั้งที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่อยู่คู่มากับเมืองไทยอย่างประมาณไม่ถูก 700 ปี  800 ปี เป็นอย่างน้อย หรืออาจจะกว่า 1,000 ปีด้วยซ้ำไป แต่จะหาผู้ที่อยู่ในฐานะที่สามารถสังเคราะห์สกัดเอาแก่นสารสำคัญๆ ของความเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ มาอธิบายให้คนไทยด้วยกันเองให้เข้าใจ ในภาษาที่เข้าใจง่ายและถูกต้องตรงกับความเป็นจริง ไม่ง่ายนักที่จะมีใครทำได้เช่นนั้น วิทยานิพนธ์ยาวๆ ใครก็เขียนได้ แต่คนที่เก่งคือคนทำบทคัดย่อสำหรับผู้บริหาร "Executive Summary" พูดกันเป็นปีๆ ก็พูดกันได้ แต่สิ่งที่อาจารย์คึกฤทธิ์ได้ทำให้เราดูก็คือ อย่างเมื้อกี้เราพูดถึงเรื่องหนังสือ "ลักษณะไทย" ซึ่งมีความตอนต้นที่พูดถึงภูมิหลังของสังคมไทยว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย ในสายตาของผมอาจจะเป็นบทคัดย่อสำหรับผู้บริหารที่ดีมากที่สุดเรื่องหนึ่งในการที่จะเล่าถึงเรื่องเมืองไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ผูกพันกันมา 700-800 ปี และสรุปในข้อความไม่กี่หน้า ในหนังสือเล่มดังกล่าวนั้น อาจารย์ได้เล่าวิวัฒนาการสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกที่เรามีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ในสมัยสุโขทัยเรียงลำดับลงมาถึงรัชกาลปัจจุบัน

และไม่ใช่การเล่าเฉพาะแต่ตัวองค์ประกอบและความเป็นมาของสถาบัน แต่อาจารย์ได้แสดงความยึดโยงกับระบบสังคมไทยว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมีความเชื่อมโยงกับการดำรงอยู่ของสังคมไทยทั้งหมด ระบบไพร่ ระบบศักดินา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมยุคร่วมสมัยเมื่อหลายร้อยปีก่อน และห่างไกลจากความเข้าใจของคนในยุคปัจจุบัน แต่อาจารย์ได้อธิบายลงในงานเขียนชิ้นสำคัญชิ้นนั้น

การที่พูดถึงเรื่องของสถานะของพระมหากษัตริย์ในสายตาคนไทยยังมีความซ้อนกันอยู่ในหลายๆ ถ้อยคำเช่น การเป็น "พระมหากษัตริย์" สื่อความหมายถึงหน้าที่สำคัญในการที่เป็นผู้นำในการรักษาเอกราชของประเทศ ในการรบทัพจับศึก เป็น "ขัตติยะ" เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ การเป็น "ธรรมราชา" การดำรงรักษาไว้ซึ่งธรรมะของพระเจ้าแผ่นดินซึ่งมีมากมายหลายข้อ และยิ่งกว่ากฎกติกาใดๆ ทั้งสิ้น พูดถึงเรื่องการเป็น "พระเจ้าแผ่นดิน" ซึ่งเป็นคำๆ หนึ่งที่เราหลายคนชอบใช้ หรือนิยมรู้จักกันอยู่ ซึ่งมีความหมายว่าเป็นเจ้าของแผ่นดิน เมื่อเป็นเจ้าของพื้นแผ่นดิน และเมื่อเป็นเจ้าของ ก็ทรงทำนุบำรุงแผ่นดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ด้วย อีกหลายๆ ที่อาจารย์ยกตัวอย่างมาในงานเขียนชิ้นสำคัญนั้น ผมว่าน่่าจะเป็นการปูพื้นความเข้าใจสำหรับคนทั้งหลาย และน่าจะได้ใช้เป็นประโยชน์ในหลายๆ เวทีในหลายๆ แง่มุม ผมเข้าใจว่างานวิชาการที่อ้างอิงงานเขียนดังกล่าวเราจะพบว่ามีการอ้างอิงพอสมควร เมื่อผมทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทผมก็อ้างอิงงานเขียนชิ้นที่ว่านั้นด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ธงทองได้ไปสัมภาษณ์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ที่บ้านริมปิง และได้หยิบยกมากล่าวถึงโดยธงทองระบุว่าถือเป็นความเมตตาที่อาจารย์คึกฤทธิ์ได้อธิบาย โดยคำถามของธงทองนั้นเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 “ผมได้ตั้งคำถามไว้ในเรื่องที่คณะราษฎรซึ่งเป็นคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองในครั้งนั้นไม่ได้ตัดสินใจที่จะเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังคงเดินอยู่บนแนวทางที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยผมในฐานะผู้น้อยจึงตั้งคำถามไปว่าอย่างนี้”

โดยคำถามของธงทองคือ "ในเวลาที่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 นั้น คณะราษฎรที่เปลี่ยนแปลงการปกครองก็คงจะมีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยก็จริงอยู่ แต่คงเห็นคุณงามความดีและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเริ่มการปกครองระบอบนี้ ในขณะที่บางประเทศเวลาเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นก็เปลี่ยนชนิดขุดรากถอนโคนไปเลยทีเดียว"

โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ตอบว่า "ถูกครับ อย่างอาจารย์ว่ามาก็ถูก แต่ผมว่ามันยิ่งกว่าอะไรที่เขาประมาณกันเอาไว้ เพราะหมายถึงความมั่นคงของผู้ก่อการเปลี่ยนแปลง ถ้าทิ้งไปเสียเลยทีเดียวก็ลำบากครับ อาจจะเกิดการจลาจล อาจจะเกิดความไม่เชื่อถืออะไรอีกมากมาย ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ ต้องใช้เวลานาน แก้ไม่ได้ แต่ถ้าคงสถาบันนี้ไว้ พระมหากษัตริย์ยังอยู่ ความมั่นคงก็จะเกิด"

ธงทอง กล่าวว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นมุมมองที่ผมไม่เคยมองมาก่อนนะครับ เราอาจจะพูดกันไว้ว่า "คงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์" มีประโยชน์ ซึ่งนั่นก็จริงอยู่ แต่สิ่งที่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ได้สรุปให้ผมคือ ได้ทำให้คณะราษฎรเกิดความมั่นคงและสามารถก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อนั้นได้ เพราะในสมมติฐานที่ว่าหากพลิกกลับไปอีกข้างหนึ่ง ก็คือว่าถ้าคณะราษฎรตัดสินใจที่จะไม่เลือกการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ต่อไปแล้ว สิ่งทึ่ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ให้ความเห็นไว้บอกว่าเป็นสิ่งซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นความจริง คือตัวคณะราษฎรเองจะเอาตัวไม่รอด ไปไม่รอด ความไม่เชื่อถือตั้งแต่เบื้องต้นก็จะปรากฏ”

“อันนี้เรามานั่งคิด ย้อนกลับไปดูเอกสารก็จะพบว่า สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ดูเหมือนว่าจะมีพระราชดำริที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้นะครับ เพราะในเวลาที่คณะราษฎรไปกราบบังคมทูลของพระราชทานอภัยโทษที่วังสุโขทัย ก็ทรงรับเป็นพระมหากษัตริย์เพื่อให้ช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่านนี้ผ่านไปได้”

นอกจากนี้ธงทอง ยังได้กล่าวถึงบทสนทนากับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชในปี 2533 อีกหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องพระมหากษัตริย์กับการเป็นพุทธมามกะในรัฐธรรมนูญด้วย โดยสามารถติดตามรายละเอียดได้ในวิดีโอคลิป

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

Trending Articles