Quantcast
Channel: ประชาไท
Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

สำรวจวัน ‘วาเลนไทน์’ ในประเทศเพื่อนบ้าน

$
0
0

14 กุมภาที่ผ่านมา เป็นวันแห่งความรักที่มีการเฉลิมฉลองกันทั่วไปในประเทศตะวันตก แต่สำหรับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันวาเลนไทน์ กลับเปี่ยมไปด้วยการเฝ้ามอง-การควบคุมพฤติกรรม และการสั่งสอนทางศีลธรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

ในวันวาเลนไทน์ปีนี้ นอกจากจะมีประเทศไทยที่เจ้าหน้าที่รัฐได้ออกมาตรการคุมเข้มเพื่อป้องกัน “พฤติกรรมไม่เหมาะสม” ของเยาวชนคนหนุ่มสาวไม่ให้ “ออกนอกลู่นอกทาง” เช่น การกำหนดเคอร์ฟิวสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ประเทศเพื่อนบ้านเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีปรากฏการณ์ที่คล้ายคลึงเช่นเดียวกัน และถ้าหากเอา ‘มาตรการวันวาเลนไทน์’ มาเปรียบเทียบกันแล้ว นโยบายของประเทศไทยก็อาจจะดูเบาไปถนัดตา

796px-2009-Valentine's_Kiss-HPIM2575

ที่มา: Newone  CC BY-NC-SA 2.0

ที่ประเทศมาเลเซีย มีรายงานว่า ตำรวจได้จับกุมคู่รัก 5 คู่ ในตอนเช้าของวันวาเลนไทน์ (14 ก.พ.) ในโรงแรมราคาประหยัดหลายแห่งในเมืองปัตตาลิง จายา ในข้อหา khalwat หรือการใกล้ชิดเนื้อตัว ซึ่งผิดหลักตามศาสนาอิสลาม

การจับกุมครั้งนี้นำโดยกรมกิจการอิสลามรัฐเซลังงอร์ และสภาเมืองปัตตาลิง จายา ซึ่งได้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด 85 คนในการเข้าปฏิบัติการเฉพาะกิจวันวาเลนไทน์ หลังจากที่จับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว ทางตำรวจก็ได้ให้ประกันตัวคู่รักเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ รายงานว่า ผู้กระทำผิดเหล่านั้นจะถูกส่งไปดำเนินคดีในศาลชารีอะห์ต่อไปโดยเร็วที่สุด

อนึ่ง กฎหมายชารีอะห์ของรัฐเซลังงอร์ ระบุว่า khalwat ซึ่งหมายถึงการอยู่ใกล้ชิดกันสองต่อสองระหว่างมุสลิมที่ยังไม่ได้แต่งงาน เป็นการกระทำผิดตามกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกสองปี และ/หรือปรับ 3,000 ริงกิต (ราว 30,000 บาท)
ส่วนในวันวาเลนไทน์ปีที่แล้ว สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจศีลธรรมอิสลามในประเทศมาเลเซีย ก็ได้จับกุมมุสลิมกว่า 80 คนในข้อหาดังกล่าว โดยได้มีการปฏิบัติการเข้าตรวจค้นโรงแรมราคาประหยัดในรัฐซาลังงอร์และในเมืองกัวลาลัมเปอร์

ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซีย ได้มีกฎหมายฟัตวา สั่งห้ามการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐมองว่าวันวาเลนไทน์ เป็นวันที่ส่งเสริมการกระทำที่ผิดศีลธรรม และขัดแย้งกับหลักศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ หน่วยงานทางศาสนาอิสลามของรัฐ ก็ได้ทำการรณรงค์เพื่อต่อต้านกิจกรรมวันวาเลนไทน์ โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาวไม่ให้ “หลงผิด” อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประชากรที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ก็สามารถเฉลิมฉลองได้ตามปกติ

ทางองค์กรสิทธิมนุษยชนในมาเลเซีย ได้แสดงความกังวลว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่รัฐในวันวาเลนไทน์ อาจจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ในฐานะที่เป็นรัฐมุสลิมสายกลางและก้าวหน้า

ส่วนในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมที่มากที่สุดในโลกนั้น ปฏิกิริยาทั่วไปจากรัฐและกลุ่มศาสนาก็ไม่ต่างจากในมาเลเซียเท่าใดนัก โดยเฉพาะในรัฐอาเจะห์ ซึ่งเป็นจังหวัดทางตอนใต้ที่มีสิทธิในการปกครองตนเอง ได้สั่งห้ามการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์โดยเด็ดขาด โดยทางการระบุว่า การเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ จะนำไปสู่ความเสื่อมเสีย และเป็นการเลียนแบบวัฒนธรรมและศาสนาอื่นที่ไม่เหมาะสมกับชาวมุสลิม

“วันวาเลนไทน์นั้นเป็นการแสดงความรักและเซ็กส์ที่ไม่เหมาะสมระหว่างคนที่ยังไม่แต่งงาน และสิ่งที่ศาสนาอิสลามก็ได้สั่งห้ามไว้” มุสลิม อิบราฮิม ประธานสภาที่ปรึกษานักวิชาการมุสลิมในอาเจะห์กล่าว

หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโกลบของอินโดนีเซีย ก็ได้รายงานว่า ในวันที่ 14 ที่ผ่านมา มีกลุ่มประชาชนที่ยึดมั่นในศาสนาอิสลามหลายร้อยคน ได้ออกมาเดินขบวนประท้วงการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์หลายแห่งทั่วอินโดนีเซีย โดยระบุว่าเป็นการแผ่ขยาย “อิทธิพลอันชั่วร้าย” ที่แปดเปื้อนประเพณีดั้งเดิมของชาวอินโดนีเซีย

“มันชัดเจนมากว่าวันวาเลนไทน์นั้นไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าการเฉลิมฉลองที่ไร้แก่นสาร มันเป็นประเพณีของต่างชาติที่ต่อต้านหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ดังนั้น มันจึงควรถูกสั่งห้ามไม่ให้ชาวมุสลิมได้เฉลิมฉลอง” ซานดิ โนเวียนดิ หนึ่งในผู้นำการประท้วงในเมืองบอกอร์ กล่าว

นอกจากนี้ ในเมืองเปดัง ปันจัง ทางตะวันตกของเกาะสุมาตรา หน่วยงานด้านความมั่นคง Satpol PP ได้ทำการเข้าตรวจค้นโรงแรมและบ้านพักต่างๆ เพื่อจับกุมคู่รักที่มีเพศสัมพันธ์ ทางตำรวจได้ย้ำว่า จะไม่มีที่ไหนในเมืองดังกล่าวได้รับอนุญาตให้จัดการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์อย่างแน่นอน

“เราจะทำการเฝ้าระวังให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเย็นและหัวค่ำ และเราจะพยายามหยุดยั้งการกระทำของเยาวชนไม่ว่าจะคนใดก็ตาม ที่ถูกวางยาพิษด้วยวัฒนธรรมแบบตะวันตก” ซุกมา หัวหน้าฝ่าย Satpol PP กล่าว

ด้านประเทศกัมพูชา ที่นับถือศาสนาพุทธเช่นเดียวกับไทย ก็มีมาตรการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยทางการได้สั่งให้ตำรวจไปเฝ้าตามโรงแรมและเกสต์เฮาส์ต่างๆ ในกรุงพนมเปญ และยังมีรายงานว่า มีโรงเรียนอย่างน้อยหนึ่งแห่ง ที่ได้สั่งให้ตำรวจจับกุมผู้ขายดอกไม้ โดยหวังที่จะป้องกันไม่ให้คนหนุ่มสาวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมวันวาเลนไทน์ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ด้วย

หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางการเมืองพนมเปญ ได้สั่งให้เกสต์เฮาส์และโรงแรมทุกแห่งในเมืองหลวงเพิ่มมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกัน “อนาธิปไตย” ในวันวาเลนไทน์ โดยทางผู้บัญชาการตำรวจของอำเภอแห่งหนึ่งพนมเปญ ระบุว่า เขาจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจตราในโรงแรมใกล้เคียง และสั่งให้เจ้าของตรวจบัตรประชาชนผู้ที่เข้าใช้โรงแรม ว่าต้องเป็นผู้มีอายุ 18 ขึ้นไป

ด้านกระทรวงศึกษาธิการของกัมพูชา ได้จัดทำวีดีโอเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักเรียนนักศึกษาไม่ให้ขาดเรียนในวันดังกล่าว และย้ำความสำคัญของการรักนวลสงวนตัว ทาง สิวาน โบตัม รัฐมนตรีกระทรวงกิจการสตรีของกัมพูชาได้กล่าวว่า การจัดทำวีดีโอนี้ ก็เพื่อหวังว่าจะให้เด็กสาวรู้จักยับยั้งชั่งใจในความสัมพันธ์

“ดอกไม้เพียงช่อเดียวนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับแฟนของเรา” สิวาน โบตัม กล่าว “ดิฉันขอร้องให้ผู้หญิงต้องรักษาประเพณีอันดีงามของเขมรไว้ เพราะว่าความบริสุทธิ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก”

อย่างไรก็ตาม ด้าน เคง ติโต โฆษกของตำรวจทหาร กล่าวว่า เขาจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังเกสต์เฮาส์แต่อย่างใด เนื่องจากเขามองว่า จะเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน

“ถ้าพวกเขาอยากประพฤติตนผิดศีลธรรม เขาสามารถจะทำที่ไหนก็ได้” เขากล่าว
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

Trending Articles



<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>