รมต. ต่างประเทศของรัสเซียเข้าพบ ปธน. อัสซาดของซีเรีย หมายหาทางออกยุติการนองเลือด ขณะที่การปะทะในเมืองฮอมยังคงดำเนินต่อไป มีการยิงจรวดและปืนครกไม่หยุด นักกิจกรรมเผยว่า 'มีสไนเปอร์อยู่ทุกที่' ประชาชนไม่มีอาหาร
7 ก.พ. 2012 - เซอกี ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียเปิดเผยหลักจากการเข้าหารือกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรียว่า ประธานาธิบดีของซีเรียให้คำมั่นว่าจะหยุดการนองเลือดในซีเรีย
"พวกเรา (รัสเซีย) ยืนยันในความพร้อมสำหรับการหาทางออกอย่างเร่งด่วนให้กับวิกฤติในครั้งนี้ จากแผนการที่ได้รับการผลักดันโดยสันนิบาตชาติอาหรับ" ลาฟรอฟกล่าว
รมต.ต่างประเทศของรัสเซียบอกอีกว่าการพบปะกับปธน.อัสซาดในครั้งนี้เป็นประโยชน์มากและทางรัสเซียก็พร้อมที่จะทำตามแผนของสันนิบาตชาติอาหรับ ส่วนทางซีเรียเองก็พร้อมที่จะพบปะกับคณะผู้แทนของสันนิบาตชาติอาหรับในประเทศ
ทางสถานีโทรทัศน์ของซีเรียรายงานว่าลาฟรอฟได้รับการต้อนรับจากฝูงชนขนาดใหญ่ที่มารอรับขณะที่ขบวนรถแล่นออกจากสนามบินกรุงดามากัส
ซึ่งการพบปะในครั้งนี้มีความคาดหวังว่าลาฟรอฟจะกดดันให้อัสซาดทำการปฏิรูปประชาธิปไตยในซีเรีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้งรัสเซียและจีนต่างก็คัดค้านมาตรการของสหประชาชาติในการยับยั้งการปราบปรามประชาชนในช่วงการลุกฮือ 11 เดือนที่ผ่านมา
นักข่าวอัลจาซีร่า รอรี่ ชัลแลนด์ รายงานจากกรุงมอสโควว่า แม้คนจะคาดว่าการมาเยือนของลาฟรอฟจะไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมาก แต่ทางรมต.ต่างประเทศของรัสเซียก็อาจจะหาทางติดต่อกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลของซีเรียเช่นเดียวกับที่ติดต่อกับฝ่ายรัฐบาล
เซอกี สโรคาน นักวิเคราะห์การเมืองรัสเซียกล่าวถึงกลุ่ม 'สายกลาง' ในผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล และเชื่อว่าลาฟรอฟอาจแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ทั้งหมดในกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในซีเรียที่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีอัสซาดลงจากตำแหน่งโดยทันที
นักข่าวอัลจาซีร่ามองว่า กลุ่มสายกลางในผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเป็นกลุ่มที่สำคัญ เนื่องจากรัสเซียซึ่งมีความสัมพันธ์ด้านการค้าอาวุธกับซีเรียมายาวนาน ต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด 'ความพินาศย่อยยับ' เช่นที่เกิดขึ้นในลิเบีย
อิตาลีเรียกทูตกลับ
ทางด้านประเทศอิตาลี ได้มีการเรียกเอกอัครราชทูตประจำซีเรียกลับประเทศในวันเดียวกัน (7 ก.พ.) และบอกว่าทางสถานทูตยังคงเปิดและจะคอยติดตามความคืบหน้าเรื่องวิกฤติของซีเรียอย่างเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันที่ 6 ก.พ. ทางสหรัฐฯ , เบลเยี่ยม และอังกฤษ ได้ปิดสถานทูตในประเทศและเรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำซีเรียกลับ
อีกหนึ่งสัญญาณที่เพิ่มการกดดันรัฐบาลอัสซาด คือการที่ตุรกีบอกว่า พวกเขากำลังเตรียมออกมาตรการใหม่เพื่อยับยั้งการนองเลือดในซีเรีย
เรเซป เทย์ยิบ เออโดแกน นายกรัฐมนตรีตุรกีได้กล่าววิจารณ์การคัดค้านมาตรการของสหประชาชาติว่า เป็นความอัปยศของโลกอารยะ
"ผู้ที่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ตอบสนองในแบบที่เขาควรจะทำ จะต้องได้รับผลตอบแทนราวกับว่าพวกเขาได้ส่งเสริมให้เกิดการนองเลือดเสียเอง"
"ไม่มีใครเรียกร้องให้มีการรับผิดชอบในการสังหารหมู่ในเมืองฮามา แต่คุณแน่ใจเลยว่า จะมีการเรียกร้องให้รับผิดชอบเหตุการณ์ในเมืองฮอมไม่วันนี้ก็วันหน้าแน่" เออโดแกนกล่าว
'มีสไนเปอร์ทุกที่'
แม้ว่าจะมีการกดดันทางการทูตจากหลายประเทศ แต่การนองเลือดในซีเรียก็ยังคงดำเนินต่อไปในเมืองฮอมซึ่งเป็นแหล่งศูนย์กลางของฝ่ายประท้วงต้านรัฐบาล โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาเห็นรถถังและสไนเปอร์ยิงไปทั่วทุกที่ในเขตที่อยู่อาศัยของประชาชนตั้งแต่ช่วงเช้าของวันอังคาร (7 ก.พ.)
นักกิจกรรมรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย นักกิจกรรมที่ชื่ออัลฮอมซีจากสภาปฏิวัติในเมืองฮอมเปิดเผยว่า มีการยิงจรวดไม่หยุดตลอดคืน การยิงจรวดและปืนครกก็เกิดขึ้นทั่วเมืองฮอม
"ประชาชนไม่มีขนมปังจะกิน สภาพในย่านนี้ดูน่าหดหู่มาก มีสไนเปอร์อยู่ทุกที่ พวกเราได้แค่รอให้ถูกสังหาร พวกเราไม่รู้จะทำอย่างไรดี"
เจ้าหน้าที่ทางการของซีเรียปฏิเสธว่า พวกเขาไม่ได้ยิงเข้าใส่บ้านเรือนประชาชน และบอกว่าพวกเขาได้สังหาร 'ผู้ก่อการร้ายนับสิบ' ในเมืองฮอมเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ (6 ก.พ.) ที่ผ่านมา ทางกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่ามีเจ้าหน้าที่ 6 รายเสียชีวิตจากเหตุปะทะ
ทางสถานีโทรทัศน์ช่องรัฐบาลของซีเรียก็กล่าวหาว่า 'กลุ่มแก็งค์ติดอาวุธ' เป็นผุ้อยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงในเมืองฮอม
ที่มา
Russian foreign minister in talks with Assad, Aljazeera, 07-02-2012
http://www.aljazeera.com/news/middleeast/2012/02/201227102919502115.html
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper