‘ชาวชุมชนบ่อแก้ว’ ร้องนายอำเภอคอนสาร เหตุ อ.อ.ป.สั่งรื้อถอนไฟฟ้าในชุมชน ทั้งแจ้งความต่อโรงพัก-ส่งหนังสือสั่งไปยังการไฟฟ้าให้เข้ามาตัดไฟ ด้านปลัดอาวุโสรับเรื่องแทน แจงพร้อมประสานนัดเจรจา ออป.-ชาวบ้าน-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจันทร์นี้

วันที่ 7 ก.พ.56 ประมาณ 13.00 น. ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ชุมนุมขอเข้าพบนายอำเภอคอนสารถึงความไม่เป็นธรรม จากกรณีที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) บุกเข้าไปในชุมชน แล้วสั่งให้ชาวบ้านทำการรื้อถอนระบบไฟฟ้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคอนสารได้เข้ามาดำเนินการติดตั้งในชุมชน
ชาวบ้านระบุข้อเรียกร้องให้นายอำเภอคอนสารประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และร่วมเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างชาวบ้านกับหัวหน้าสวนป่าคอนสาร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคอนสาร ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอคอนสาร กำนันตำบลทุ่งพระ และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลทุ่งพระ เพื่อขอให้มีการชะลอและยุติการดำเนินการยกเลิกรื้อถอนระบบไฟฟ้าจากชุมชน
นายนิด ต่อทุน ประธานโฉนดชุมชนบ่อแก้ว เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.56 เจ้าหน้าที่ อ.อ.ป.จำนวน 5 คน ลักลอบเข้ามาด้านหลังชุมชนบ่อแก้ว และสั่งให้ชาวบ้านทำการรื้อถอนไฟฟ้าออกไปให้หมด พร้อมทั้งข่มขู่ให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ไปทันที โดยอ้างว่าพื้นที่นี้เป็นของเขตสวนป่าคอนสาร ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม และชาวบ้านต่างก็ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ แต่ชาวบ้านไม่ยอม พยายามชี้แจงถึงสิทธิที่จะอยู่ทำมาหากินในพื้นที่ทำกินเดิม เพราะ อ.อ.ป.ได้เข้ามายึดพื้นที่ไปลูกป่ายูคาฯ นับตั้งแต่ปี 2521 เป็นต้นมา ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ทำกินมากกว่า 30 ปี

“พวกเราต้องการความยั่งยืนในผืนดิน และต้องการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งแหล่งอาหารจากภายนอก และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว และเมื่อชุมชนจะมีการพัฒนาต่อไปด้วยการติดตั้งไฟฟ้า เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร ทำไม อ.อ.ป.ต้องเข้ามาขับไล่ให้พวกเราทำการรื้อถอน” ประธานโฉนดชุมชนบ่อแก้วตั้งคำถาม
นายนิด กล่าวด้วยว่า เมื่อไม่สามารถทำอะไรชาวบ้านได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ก.พ.56 เจ้าหน้าที่ อ.อ.ป.จึงได้ทำหนังสือไปถึงผู้จัดการการไฟฟ้าสาขาย่อยคอนสาร และขอให้การไฟฟ้าทำการยกเลิกและรื้อถอนระบบไฟฟ้าในชุมชนบ่อแก้ว รวมทั้งยังได้มีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรคอนสาร เมื่อวันที่ 5 ก.พ.56 เพื่อกดดัน ข่มขวัญให้ชาวบ้านหวาดกลัว
“ไม่ว่าอย่างไร พวกเราจะไม่ยอมให้ อ.อ.ป.มาดำเนินการหรือพยายามใช้ทุกวิธีทางเพื่อให้ชาวบ้านยอมออกจากพื้นที่ของพวกเราได้ต่อไปอีก เพราะพวกเรามีสิทธิในพื้นที่ทำดิน อ.อ.ป.ต่างหากที่ต้องออกไป” นายนิด กล่าว และเรียกร้องว่า ควรมีการยกเลิกสวนป่าคอนสารและคืนพื้นที่ทำกินให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ตามที่ได้มีคณะกรรมการต่างๆ ลงมาสำรวจพื้นที่แล้วมีมติว่า สวนป่าคอนสารทับที่ทำกินชาวบ้านจริง
นายนิด ยังกล่าวด้วยว่า การกระทำของ อ.อ.ป.ไม่ยุติธรรม มี 2 มาตรฐาน จากกรณีที่มีการสร้างศูนย์ธรรมรัศมี (ก่อสร้างปีพ.ศ.2541) จะเห็นว่า กว่า 15 ปีผ่านมา ศูนย์ธรรมรัศมีเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนามนั้นผิดเงื่อนไขทุกประการ มีการทำลายต้นไม้ธรรมชาติและสร้างถาวรวัตถุขนาดใหญ่
อีกทั้งหากนำมาพิจารณาเทียบเคียงกับระเบียบในการขอใช้ประโยชน์เพื่อก่อสร้างวัดหรือที่พักสงฆ์ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ที่ระบุให้สามารถขอใช้ประโยชน์ได้ไม่เกิน 15 ไร่ ระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 30 ปี รวมทั้ง ข้อตกลงในการทำไร่ในเขตสวนป่าของ อ.อ.ป. ที่กำหนดเงื่อนไขไว้จำนวน 11 ข้อ เช่น ต้องปลูกพืชไร่ ต้องไม่ปลูกสิ่งก่อสร้างถาวร เป็นต้น
“สิ่งที่ศูนย์ธรรมรัศมีดำเนินการตลอดช่วงที่ผ่านมา กลับเป็นไปในลักษณะตรงกันข้าม และไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ ซึ่งต่างกับชาวบ้านจะนำไฟฟ้าเพื่อใช้ในการเกษตร กับถูกสั่งให้รื้อถอน พร้อมกับข่มขู่ให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว อย่างนี้มีความเป็นธรรมหรือไม่” นายนิดกล่าว

“ตนเองในตำแหน่งปลัดอาวุโสฝ่ายบริหารปกครองรักษาการแทนนายอำเภอ พร้อมจะรับเรื่อง และจะเรียนต่อนายอำเภอ ให้มีการร่วมเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” นายธนะโชติกล่าว
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 11 ก.พ. 56 ณ หอประชุมอำเภอคอนสาร เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติ และเป็นธรรมต่อไป จากนั้นชาวบ้านต่างพอใจและแยกย้ายเดินทางกลับ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai