ชาวบ้านกะเหรี่ยงแก่งกระจานร้องสภาทนายความถูกไล่เผาบ้านและยุ้งฉางจนต้องหนีมาอาศัยกับพี่น้องที่สวนผึ้ง วอนสภาทนายความช่วยฟ้องร้องอุทยานแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 10-11 ธันวาคม 2554 คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ลงพื้นที่บ้านห้วยน้ำหนัก อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี สอบข้อเท็จจริงชาวบ้านกะเหรี่ยงใจแผ่นดิน จากป่าลึกแก่งกระจานที่ถูกไล่เผาบ้านและยุ้งฉางจนต้องอพยพมาอยู่กับญาติพี่น้องที่บ้านห้วยน้ำหนักและบ้านพุระกำ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยปัจจุบันมีจำนวนชาวบ้านที่ร้องเรียนและให้ข้อมูลกับทางสภาทนายความ โดยต้องการให้สภาทนายความช่วยฟ้องร้องอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีจำนวน 18 ครอบครัว แบ่งเป็น กะเหรี่ยงจากบ้านใจแผ่นดินที่ลงมาอาศัยอยู่ ณ จ.ราชบุรี 5 ครอบครัว และกะเหรี่ยงจากบ้านบางกลอยบนที่มาอาศัยอยู่ที่บ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี จำนวน 13 ครอบครัว
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ กล่าวว่า “ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเผาบ้านและขับไล่มีประมาณ 100 คน และใน 18 ครอบครัว พบว่า 9 ครอบครัว เป็นคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่มีบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านอย่างถูกต้อง โดยเป็นคนไทยโดยกำเนิด ส่วนที่เหลือเป็นผู้ตกหล่นกำลังได้รับการสำรวจเป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานแล้วตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลในประเทศไทยมิใช่คนต่างด้าวตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้าง”
นางวาเคลอ แตะดี อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นผู้อพยพหนีการเผาบ้านและยุ้งฉางจากใจกลางป่าแก่งกระจานกล่าวว่า “เมื่อประมาณพฤษภาคมปีนี้ ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินลงมายังกลุ่มบ้านที่ตนอาศัย และพบว่าบ้านและยุ้งข้าวถูกเผา รวมทั้งทรัพย์สินเสียหาย ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ด้วยความกลัวก็พากันเดินทางลงจากป่ามายัง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยใช้เวลา 3 วัน”
นางวาเคลอ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อลงมาจากป่าก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเมื่อก่อน ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีข้าวกิน ตอนนี้อากาศเริ่มหนาว ไม่มีเสื้อผ้าใส่เพราะตอนลงมาจากป่าไม่สามารถเอาอะไรลงมาได้เลย เพราะทุกอย่างถูกเผาทำลาย เมื่อสอบถามถึงเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานถึงเรื่องการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาในเบื้องต้น ก็ไม่พบว่ามีหน่วยงานใดของรัฐเข้ามาให้การดูแล
ทั้งนี้ ด้านนาย