Quantcast
Channel: ประชาไท
Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 22 - 28 มกราคม 2555

$
0
0

ผู้ใช้แรงงานบุกทำเนียบร้องคัดค้านแปรรูป"ปตท.-การบินไทย"

ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 มกราคม ชมรมผู้ใช้แรงงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ประมาณ 20 คน นำโดยนายเพียร ยงหนู ตัวแทนพนักงาน สมาชิกชมรมผู้ใช้แรงงานการไฟฟ้านครหลวง เดินทางมายื่นหนังสือผ่านนายพันธุ์ศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการส่วนรับเรื่องราวร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยในหนังสือดังกล่าวระบุถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตามแนวคิดของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อลดภาระการค้ำประกันหนี้สาธารณะ

(มติชน, 23-1-2555)

 

กสร.เผย รง.99 แห่งลอยแพลูกจ้าง 2.8 หมื่นคน

วันนี้ (23 ม.ค.) นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ กสร.วันนี้ (23 มกราคม) มีแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมถูกเลิกจ้าง 28,195 คน ในสถานประกอบการ 99 แห่ง เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา จำนวน 4 แห่ง ลูกจ้างถูกเลิกจ้าง 805 คน ใน 7 จังหวัดได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา สระบุรี นครปฐม นนทบุรี และกรุงเทพฯ
      
โดยขณะนี้มีสถานประกอบการที่ถูกน้ำท่วมและยังไม่เปิดกิจการอีก 351 แห่ง ลูกจ้าง 167,644 คน และมีสถานประกอบการเปิดกิจการแล้ว 28,316 แห่ง ลูกจ้างได้กลับเข้าทำงานแล้ว 822,341 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวได้สมัครเข้าร่วมโครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้างของ รัฐบาล 1,480 แห่ง ครอบคลุมลูกจ้าง 276,621 คน เพิ่มขึ้นจากวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา จำนวน 30 แห่ง ลูกจ้าง 2,242 คน และในจำนวนนี้มีสถานประกอบการได้รับการอนุมัติแล้ว 277 แห่ง ลูกจ้าง 1แสนคน
      
ส่วนสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน ในการส่งลูกจ้างที่ประสบภัยน้ำท่วมไปทำงานที่อื่นชั่วคราวและถาวร มี 694 แห่ง จำนวนที่ต้องการรับ 79,131 คน ขณะที่มีลูกจ้างที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเข้าร่วมโครงการ 13,251 คน ในสถานประกอบการ 110 แห่ง

(มติชน, 23-1-2555)

 

กสร.เร่งสร้างพนักงานตรวจความปลอดภัย เน้นความรู้เฉพาะทางมากขึ้น

นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ขณะนี้ กสร.กำลังเร่งอบรมพนักงานตรวจความปลอดภัยในการทำงานให้มีคุณภาพมากขึ้น หลังจากพบว่า พนักงานตรวจแรงงานซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 630 คน มีความเชี่ยวชาญด้านสังคมศาสตร์มากกว่าทางเทคนิค อีกทั้งยังมีปัญหาสำคัญคือผู้สำเร็จการศึกษาเฉพาะทางด้านไฟฟ้า เคมี สารพิษ  รังสี ปรมาณู มีน้อยมาก ทำให้บางสาขา เช่น สาขารังสี มีเจ้าพนักงานตรวจความปลอดภัยเพียงแค่ 1 คน ดังนั้น เตรียมแผนที่จะรับเจ้าพนักงานตรวจความปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดได้มีการขออัตรากำลังไปแล้วจำนวน 530 คน ในแผนระยะยาว 5 ปีของรัฐบาล

นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการตั้งสถาบันความปลอดภัยในการทำงานให้เป็นองค์กรอิสระ ตาม พ.ร.บ. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำให้แล้วเสร็จตามกฎหมาย ขณะเดียวกันจะต้องมีการตั้งกองทุนความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานขึ้น โดยนำงบส่วนหนึ่งจากกองทุนเงินทดแทน เงินเปรียบเทียบปรับ และเงินของภาครัฐมาตั้งกองทุน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความคุ้มครอง และความปลอดภัยให้กับแรงงานได้มากขึ้น 

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2554 มีการเปรียบเทียบปรับผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จำนวน 17,426,319 บาท ส่วนใหญ่ได้กระทำความผิดในการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ได้แก่ การไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าชดเชย ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด เงินประกันการทำงาน และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน ฯลฯ

(สำนักข่าวไทย, 24-1-2555)

 

ก.แรงงาน เล็งส่งแรงงานเพิ่มกว่า 1 หมื่นคน บุกตลาด ตอ.กลาง-แอฟริกา

24 ม.ค.55 - ที่กระทรวงแรงงาน นางสาวส่งศรี บุญบา รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงทิศทางตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศของปีนี้ ว่า มี 3 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มสภาพการจ้างงานคงที่ เช่น สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย บูรไน ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องรักษาโควตาเดิมที่ได้รับไม่ให้น้อยลง หรือหากเป็นไปได้ก็อาจจะมีการได้รับโควตาเพิ่มเล็กน้อย 2.กลุ่มแนวโน้มขยายตัวได้ ที่ต้องการจ้างแรงงานฝีมือและกึ่งฝีมือ ในกิจการก่อสร้าง เช่น แถบตะวันออกกลาง กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แอฟริกาใต้ และ แอลจีเรีย และ 3.กลุ่มตลาดแรงงานใหม่ที่มีความต้องการแรงงานในภาคการเกษตร เช่น สวีเดน ฟินแลนด์ นิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม ทิศทางตลาดแรงงานในกลุ่มที่ 2 และที่ 3 มีแนวโน้มดีขึ้นและค่อยๆขยายตัว แต่ประเทศไทยยังคงติดปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอในการเข้าไปเฟ้นหาตลาดแรง งาน จึงต้องร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ ในการหาตำแหน่งงาน เนื่องจากในบางประเทศไม่มีสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ
      
อย่างไรก็ตาม นโยบายในปีนี้ของกระทรวงแรงงาน เน้นหาตำแหน่งงานฝีมือและกึ่งฝีมือ ในต่างประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนของแรงงานฝีมือ/กึ่งฝีมือ และแรงงานไร้ฝีมืออยู่ที่ 40 ต่อ  60 หากเป็นไปได้อยากให้อยู่สัดส่วนที่เท่ากัน โดยตั้งเป้าจะขยายตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศให้เพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 10 ของจำนวนปัจจุบัน ของแรงงานที่เดินทางไปใหม่ 9 หมื่นคน ซึ่งแรงงานที่เคยเดินทางแล้ว และกลับมาต่อใบอนุญาตทำงานไปใหม่อีก 6 หมื่นคน และเมื่อรวมกับแรงงานที่มีอยู่เดิมอีก 4 แสนกว่า จะมีแรงงานไทยในต่างแดนกว่า 602,261 คน
      
รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ได้เพิ่มโควตาแรงงานต่างชาติที่จะเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้เพิ่มอีก 5,000 คน แต่จำนวนดังกล่าวไม่ใช้ของไทยทั้งหมด เนื่องจากต้องรอการจัดสรรจากเกาหลีใต้อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานไทยในเกาหลีใต้กว่า 4.2 หมื่นคน
      
นอกจากนี้ แถบยุโรปและประเทศญี่ปุ่นก็มีความต้องการพนักงานนวดสปาจำนวนมาก แต่ประเทศไทยผลิตส่งได้ไม่มาก เนื่องจากติดด้วยเงื่อนไขของแต่ละประเทศที่มีหลักเกณฑ์ไม่ตรงกัน ขณะที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานก็พยายามเร่งฝึกพนักงานนวดสปาอย่างเต็มที่ แต่ก็ยัง ได้ไม่มากพอ เพราะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งนี้ หากจะเน้นกลุ่มอาชีพนี้จะต้องมีการเจาะเป็นประเทศ เพื่อศึกษาหลักเกณฑ์ต่างๆ และนำมาวิเคราะห์ว่าประเทศไหนควรจัดส่งแรงงานไทยไป จะได้ผลิตและป้อนได้ตรงจุด เพราะในปัจจุบันสาขาอาชีพนี้จะเป็นการติดต่อตรงมากกว่าติดต่อผ่านกรมการจัด หางาน
      
รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวด้วยว่า สำหรับปี 55 จะเน้นส่งในอาชีพฝีมือ โดยเฉพาะก่อสร้าง เกษตร และสาขาช่างต่างๆ แต่ประเทศคู่แข่งที่น่ากลัว ซึ่งไทยต้องเร่งยกระดับตนเองนอกจากทักษะฝีมือแล้วยังต้องเน้นเรื่องภาษาด้วย คือ ประเทศเวียดนาม จีน อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 24-1-2554)

 

พิษน้ำท่วม ปทุมฯเลิกจ้างอีก 7 พันคน

นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) กล่าวถึง วิกฤตน้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานในพื้นที่ ว่า ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งของจังหวัดปทุมธานีจะมีการเลิกจ้างแรงงานกว่า 7 พันคน ในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยสถานประกอบการได้มีการประกาศล่วงหน้าเพื่อให้มีการลาออกโดยสมัครใจ ซึ่งบางส่วนอาจจะมีการปลดคนงาน
      
นายอาทิตย์ กล่าวว่า ทางภาครัฐได้มีมาตรการช่วยนายจ้างจ่ายค่าแรง 2,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งจะจ่ายช่วยเหลือถึงวันที่ 31 ม.ค. นี้ เป็นเดือนสุดท้าย ซึ่งจะทำให้นายจ้างต้องแบกภาระต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จึงต้องทำการปรับลดขนาดกิจการลง โดยคาดว่าบางสถานประกอบการยังรอดูท่าทีอยู่ เช่น อยู่ในระยะเวลารับส่งเครื่องจักรเพื่อใช้ทดแทนแรงงาน หรืออยู่ในระหว่างการปรับปรุงโรงงาน เป็นต้น
      
“เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีนิคมฯทางภาคตะวันออก เช่น ระยอง ชลบุรี เข้าติดต่อขอรับแรงงาน ซึ่งมีความต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก โดยแรงงานที่อายุน้อยก็มีโอกาสได้เข้าทำงานสูง ส่วนแรงงานที่มีโอกาสน้อยคือแรงงานที่มีอายุมาก จึงอยากให้นายจ้างคำนึงถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำงานด้วย” นายอาทิตย์กล่าว
      
นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า ในพื้นนิคมอุตสาหกรรม จ.ปทุมธานี เป็นจังหวัดที่ได้รับการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บ. ในเดือน เม.ย. นี้ จึงกังวลว่าแรงงานบางส่วนอาจจะไม่ยอมย้ายไปทำงานในพื้นที่อื่นที่ค่าแรงต่ำ กว่า 300 บ. อีกทั้งยังติดปัญหาไม่ยอมเคลื่อนย้ายพื้นที่ในการทำงาน
      
“ในสถานประกอบการใหญ่ๆ อย่างในนิคมฯ ที่แรงงานอยู่ในระบบประกันสังคม การจ่ายค่าแรง 300 บาท จะไม่คิดรวมกับค่าสวัสดิการต่างๆ แต่คิดว่าในจังหวัดที่ห่างไกลหรือกิจการขนาดเล็กอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะ มีการตกลงกับลูกจ้าง ในการนำค่าสวัสดิการต่างๆ มาคิดรวมกับค่าแรง ซึ่งเป็นการยินยอมร่วมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง” นายอาทิตย์ กล่าว

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 24-1-2555)

 

เผย 12 อาชีพเสี่ยงวิกฤตเลิกจ้างแรงงาน

กระทรวงแรงงาน - นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในการประชุมผู้บริหารสำนักงาน ปลัดกระทรวงแรงงาน สำนักเศรษฐกิจการแรงงานได้วิเคราะห์ระบบเตือนภัยด้านแรงงานในภาพรวม พบว่าในเดือนพ.ย.2554 มีดัชนีชี้วัดที่ส่งสัญญาณเตือนภัยการจ้างงาน 8 ตัว จาก 13 ตัวชี้วัดที่อาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการเลิกจ้าง ได้แก่ 1.ข้อมูลการจำหน่ายรถยนต์ลดลงร้อยละ 79.99 จากวิกฤตน้ำท่วม 2.การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 78.86 3.อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 40.43 ลดลงร้อยละ 36.48 4.ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเท่ากับร้อยละ 97.9 ลดลงร้อยละ 48.59 5.ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเท่ากับ 39 ลดลงร้อยละ 25.71 6.ข้อมูลการใช้กระแสไฟฟ้าลดลงร้อยละ 4.67 7.ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนอยู่ที่ 135.06 ลดลงร้อยละ 1.90 และ 8.มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 15,496.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.46

จากข้อมูลทั้งหมดเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักของสภาวะการจ้างงานและ การเลิกจ้าง ซึ่งคาดว่ามีโอกาสเกิดวิกฤตร้อยละ 50 ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2554 - พ.ย. 2555 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ช่วงการเกิดวิกฤตไม่น่าจะใช้เวลาที่นานนัก เนื่องจากมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของกระทรวงแรงงานและภาครัฐอื่นๆ มารองรับ พร้อมตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานต่อสัญญาณ โดยมีนายปกรณ์ อมรชีวิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงเป็นประธานเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ประกอบการใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเสี่ยง ได้แก่ การผลิตยานยนต์ เครื่องจักรสำนักงาน อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เครื่องจักรที่ใช้ในงานทั่วไป โทรทัศน์และวิทยุ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยาง เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เครื่องใช้ในบ้านเรือน และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม

(ข่าวสด, 25-1-2555)

 

แอฟริกาใต้จ้างคนไทย1แสน/เดือน

นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมของผู้ว่างงานในพื้นที่น้ำท่วมตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 27,000 คน ซึ่งกรมการจัดหางานกำลังช่วยประสานให้นายจ้างที่ต้องการแรงงานได้พบปะกับ ลูกจ้างโดยตรง โดยการจัดงานนัดพบแรงงานในพื้นที่ต่างๆ

ส่วนตลาดแรงงานในต่างประเทศนั้นหลายประเทศต้องการแรงงานไทย อย่างในแอฟริกาใต้ต้องการแรงงานฝีมือด้านช่างเชื่อมและก่อสร้างกว่า 3,300 อัตรา โดยช่างเชื่อมฝีมือดีนั้นจะมีค่าจ้างสูงถึงเดือนละประมาณ 100,000 บาท ซึ่งในเดือน ก.พ. นี้จะนำคณะเดินทางไปแอฟริกาใต้เพื่อดูสภาพการจ้างงาน ดูเรื่องความปลอดภัยและสวัสดิการต่างๆ ที่แรงงานไทยควรได้รับ

สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาก็จะมีการจัดงานเพื่อเตรียม ความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน การอบรมแนะแนวอาชีพอิสระ พร้อมสาธิตอาชีพอิสระกว่า 25 สาขา ให้คำปรึกษาการประกอบอาชีพ การแนะนำการสมัครงานทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนจัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3% ต่อปี สำหรับผู้ทำงานที่บ้าน ผู้สนใจสอบถามได้ที่กรมการจัดหางาน สายด่วนโทร.1694

(โลกวันนี้, 25-1-2555)

 

เกาหลีใต้ต้องการแรงงานไทยเพิ่มอีกเท่าตัว

 (25 ม.ค.) นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทย ได้เข้าหารือถึงความต้องการจ้างแรงงานไทยในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 24 เป็นร้อยละ 53 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยได้โควตาในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานปีละกว่า 5 พันคน แต่สามารถจัดส่งได้ไม่ครบตามจำนวน เนื่องจากติดเรื่องการทดสอบภาษาเกาหลี รวมไปถึงระยะเวลาในการทำงานไม่มาก

ทั้งนี้ ตนจึงได้เสนอให้มีการขยายระยะเวลาการทำงานในเกาหลีของแรงงานไทยให้มากขึ้น จากเดิม 1 คน ทำงานได้ไม่เกิน 5 ปี คือ ครั้งแรก 3 ปี ต่อได้อีก 2 ปี ซึ่งเป็นการทำงานที่ไม่ยาวนานมากนัก จนส่งผลให้แรงงานไทยต้องมีการลักลอบทำงาน โดยนายจ้างเกาหลีก็ยินยอมด้วย เพราะแรงงานไทยมีทักษะฝีมือ ขณะที่ปัญหาการส่งแรงงานไทยไม่ครบตามเป้าหมายก็จะส่งผลกระทบกับโควตาใหม่ที่ เกาหลีใต้ได้เพิ่มให้แรงงานต่างชาติเข้าไปทำงานอีก 5,000 คน ซึ่งในเรื่องนี้ได้ขอความร่วมมือจากประเทศเกาหลีในการส่งอาจารย์มาฝึกทักษะ ภาษาเกาหลีให้แก่แรงงานไทยก่อนการเข้าสอบภาษาเกาหลี และตนได้ยืนยันว่า หากแก้ปัญหาเรื่องภาษาได้การส่งแรงงานไทยไปทำงานเกาหลีจะมีจำนวนมากขึ้น
      
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า กระทรวงแรงงานจะเปิดเป็นศูนย์อบรมภาษาต่างประเทศ เช่น เกาหลี เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงานไทยก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ขณะที่ยอดแรงงานไทยในเกาหลีใต้มีกว่า 6 หมื่นคน เป็นแรงงานถูกกฎหมาย 2.4 หมื่นคน และที่เหลือเป็นการลักลอบทำงาน ส่วนใหญ่ทำงาน ก่อสร้าง เกษตร และโรงงานอุตสาหกรรม ขนาดกลางและขนาดย่อม
      
“จุดอ่อนของแรงงานไทยที่สู้แรงงานเวียดนาม ฟิลิปปินส์ไม่ได้ ก็คือ ในเรื่องของทักษะด้านภาษาต่างประเทศ ส่วนเรื่องทักษะฝีมือนั้นเป็นที่ยอมรับของประเทศต่างๆ ผมจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ แก้ไขจุดอ่อนของแรงงานไทยในเรื่องนี้” นายเผดิมชัย กล่าว
      
นายเผดิมชัย กล่าวด้วยว่า วันนี้ (25 ม.ค.) ได้หารือกับผู้แทนสมาคมจัดหางานในต่างประเทศของบังกลาเทศโดยตัวแทนสมาคมฯได้ แสดงความจำนงที่จะจัดส่งแรงงานบังกลาเทศทั้งในส่วนของแรงงานประเภทไร้ฝีมือ กึ่งฝีมือและมีฝีมือเข้ามาทำงานในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันบังกลาเทศที่มีประชากรกว่า 160 ล้านคนได้มีทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) จัดส่งแรงงานไปทำงานใน 110 ประเทศ ทั้งนี้ หากประเทศไทยเปิดโอกาสให้เข้ามาทำงานในไทย ทางชาวบังกลาเทศก็ยินดีจะฝึกฝนทักษะภาษาไทย
      
อย่างไรก็ตาม ตนได้ตอบกลับไปว่าไม่ขัดข้องในการที่จะให้แรงงานชาวบังกลาเทศเข้ามาทำงานใน ไทย แต่ขอให้สมาคมนำรายละเอียดเอ็มยูโอการจัดส่งแรงงานไปทำงานในประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์มาให้ศึกษารายละเอียดก่อน เพื่อจะได้รู้ถึงหลักเกณฑ์การจัดส่ง ประเภทแรงงานและอัตราค่าจ้าง จะได้นำมาเป็นข้อมูลในการจัดทำเอ็มโอยูนำเข้าแรงงานชาวบังกลาเทศเสนอขอความ เห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)
      
“ปัจจุบันประเทศต่างๆ ให้การตอบรับแรงงานชาวบังกลาเทศที่เข้าไปทำงาน เช่น งานบ้าน งานก่อสร้าง เชื่อว่า การนำเข้าแรงงานชาวบังกลาเทศมาทำงานในไทย จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคประมงและเกษตร รวมทั้งยังช่วยสร้างอำนาจต่อรองในการนำเข้าและจัดระบบแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติทั้งพม่า ลาว และ กัมพูชา ให้ดีและง่ายขึ้นด้วย” รมว.แรงงาน กล่าว

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 25-1-2555)

 

สรส.เดินหน้าคัดค้านรัฐบาลแปรรูป "การบินไทย-ปตท." 27 ม.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วมกันระหว่างสหภาพแรงงานบริษัท การบินไทย บริษัท ปตท.และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กว่า 4 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปว่า จะคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจใหญ่ 2 แห่ง คือ บริษัท ปตท. และการบินไทย โดยรัฐบาลมีแนวคิดลดสัดส่วนหุ้นร้อยละ 2 เพื่อเข้ากองทุนวายุภักษ์ โดยอ้างว่า จะช่วยลดหนี้สาธารณะ

นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กล่าวว่า วันศุกร์ที่ 27 มกราคมนี้ จะเดินทางไปยังกระทรวงคมนาคมและกระทวงการคลัง เพื่อแสดงจุดยืนการคัดค้านการเตรียมแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 หน่วยงาน พร้อมขอความชัดเจนจากรัฐมนตรี

นายสาวิทย์ กล่าวว่า ข้ออ้างของรัฐที่ระบุว่าการลดสัดส่วนหุ้นร้อยละ 2 เพื่อทำให้หนี้สาธารณะที่มีอยู่ลดลง เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการลดหุ้นบริษัท ปตท.จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง นอกจากนี้ สรส.เตรียมจัดเวทีสาธารณะในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้ความรู้กับภาคสังคมเกี่ยวกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยจะเชิญนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมด้วย

(มติชน, 25-1-2555)

 

รมว.แรงงาน ระบุการปรับค่าจ้างขั้นต่ำกระทบต้นทุน 1%

นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่ นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ออกมาระบุว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ส่งผลให้นักลงทุนแบกรับต้นทุนไม่ไหวจนต้องมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศ เพื่อนบ้าน เนื่องจากมีค่าแรงที่ถูกกว่าไทยถึง 4 เท่า ว่า เรื่องนี้นายธนิตพูดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งการปรับค่าจ้างเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น อีกทั้งการปรับค่าแรงรัฐบาลไม่ได้ให้ภาคเอกชนปรับโดยไม่มีอะไรตอบแทน เนื่องจากรัฐบาลยอมลดภาษีขาดรายได้ไปถึงร้อยละ 10 ทั้งนี้ไม่อยากให้ออกมาพูดในสิ่งที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศ ในเรื่องต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น นักบัญชีจะตอบได้ดีที่สุดว่ากระทบจริงหรือไม่ ส่วนนักลงทุนหรือผู้ประกอบการที่จะย้ายฐานการผลิตนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม ที่มีแผนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวกับการปรับค่าแรง หากมีนักลงทุนย้ายฐานการผลิตจริงก็ขอให้นำข้อมูลมาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตามเร็วๆ นี้ จะมีการนัดพูดคุยกับผู้บริหาร ส.อ.ท. ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าค่าแรงจะปรับถึง 500 บาทภายใน 5 ปีนั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะปัจจุบันราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับค่าแรงต้องดูภาวะเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงดัชนีของผู้บริโภคและค่าครองชีพต่างๆ ด้วย

(สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 26-1-2555)

 

ม็อบแรงงานอยุธยา บุกกระทรวงแรงงาน จี้หามาตรการช่วยชะลอเลิกจ้าง

ก.แรงงาน 27 ม.ค.- สภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย นำคนงานบริษัท ลาพิส เซมิคอนดัคเตอร์ จำกัด ( ชื่อเดิม โอกิ เซมิคอนดัคเตอร์) ภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา กว่า 200 คน มาประท้วงที่ด้านหน้ากระทรวงแรงงาน เรียกร้องให้นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เร่งหาทางช่วยเหลือลูกจ้างจำนวนนับแสนคนที่กำลังจะถูกเลิกจ้าง ภายหลังสิ้นเดือนมกราคมนี้ โรงงานที่เคยเข้าร่วมโครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้างในช่วงน้ำท่วม แลกกับการจ่ายเงินร้อยละ 75 จะ ครบกำหนดระยะเวลาและหลายโรงงานเตรียมที่จะเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก

นายธงชัย คนแรงดี ประธานสหภาพ โอกิ เซมิคอนดัคเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ คนงานบริษัทที่มีกว่า 900 คน กำลังเดือดร้อน เพราะนายจ้างยังไม่มีความชัดเจนว่า เปิดงานหลังสิ้นเดือนมกราคมนี้หรือไม่ แม้น้ำจะลดลง จนแห้งสนิทแล้วกว่า 2 เดือน ล่าสุดมีข่าวลือว่าโรงงานจะประกาศเลิกกิจการ และเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด ก่อนเปิดกิจการใหม่ ซึ่งพวกตนมองว่าเป็นการฉวยโอกาสเลิกจ้างพนักงานที่ทำงานมานาน จึงเรียกร้องให้รมว.แรงงาน เร่งหาทางช่วยเหลือ เพราะมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐที่มีการลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผ่านมา ไม่สามารถช่วยคนงานได้จริง เช่น โครงการจ้างงานเร่งด่วนวันละ 150 บาท ซึ่งไม่พอต่อการครองชีพ ขณะที่หลายมาตรการก็เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองอยู่แล้ว

(สำนักข่าวไทย, 27-1-2555)

 

แรงงานเมินเข้าอบรมยกระดับฝีมือ

นายประพันธ์ มนทการติวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับงบประมาณ 61 ล้านบาท ที่รัฐบาลอนุมัติให้ดำเนินโครงการยกระดับฝีมือแรงงาน เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกจ้างและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใน จังหวัดต่างๆ มาจากสำนักงบประมาณแล้ว โครงการนี้มีเป้าหมายจัดอบรมลูกจ้างให้ได้ 15,000 คน แบ่งเป็น 750 รุ่น รุ่นละ 20 คน ระยะเวลาอบรม 10 วัน ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 120 บาท

“ขณะนี้มีผู้สนใจเข้ารับการอบรมในสาขาวิชาชีพต่างๆ ที่มาลงทะเบียนไว้ประมาณ 2,000 คน ซึ่งเรายังเปิดรับผู้ต้องการเข้าอบรมไปถึงเดือน มี.ค. ซึ่งมีหลักสูตรที่จะจัดอบรมมากกว่า 20 หลักสูตร เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม ช่างยนต์”

ด้านนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังผู้แทนสมาคม Bangladesh Association of International Recruiting Agencies (BAIRA) ซึ่งเป็นสมาคมจัดหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศของบังกลาเทศ ได้เข้าพบหารือเพื่อขอเปิดตลาดแรงงานชาวบังกลาเทศในประเทศไทยว่า เขาต้องการส่งคนมาทำงานในไทย โดยแรงงานชาวบังกลาเทศมีความพร้อมที่จะทำงานในลักษณะแรงงานไร้ฝีมือ แรงงานกึ่งฝีมือ และแรงงานมีฝีมือ และพร้อมที่จะฝึกอบรมแรงงานให้ก่อนที่จะส่งเข้ามาทำงานในประเทศไทย

“เรายังต้องการแรงงานในส่วนของประมง ก่อสร้าง แม่บ้าน และเกษตร ซึ่งเป็นงานที่คนไทยไม่ทำ อย่างไรก็ตาม คงต้องพิจารณารายละเอียดกันอีกพอสมควร”

นายเผดิมชัยยังเปิดเผยข่าวดีว่า นายลิม แจ-ฮอง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย แจ้งให้ทราบว่าเกาหลีต้องการแรงงานไทยเข้าไปทำงานเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมามีปัญหาแรงงานไทยขาดทักษะด้านภาษา เวลาไปทดสอบมักไม่ผ่านการอนุมัติ กระทรวงแรงงานจึงมีแผนจะจัดฝึกภาษาและขนบธรรมเนียมต่างๆของเกาหลีให้แรงงาน ไทยก่อนเข้ารับการทดสอบไปทำงาน

(โลกวันนี้, 27-1-2555)

 

แรงงานไทยถูกหลอกไปลิเบียร้องขอความช่วยเหลือ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย

กลุ่มแรงงานไทยในลิเบีย นำโดย นายมานะ พึ่งกล่อม เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคเพื่อไทย เพื่อให้เร่งรัดการติดตามข้อเรียกร้อง และให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ถูกหลอกจากบริษัทจัดหางาน จากกระทรวงแรงงาน และการคุ้มครองหลังถูกข่มขู่ปองร้ายหมายเอาชีวิต นายมานะ ระบุว่า ได้ถูกส่งตัวกลับประเทศไทย พร้อมกลุ่มผู้ใช้แรงงานกว่า 100 คน หลังบริษัทนายจ้างผิดสัญญา ตั้งแต่ปี 2553 แต่เรื่องเงียบหาย รวมทั้งยังคงไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ กับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน จนกระทั่งมาเกิดสงครามกลางเมืองในประเทศลิเบีย เรื่องก็เงียบหาย จึงเข้าร้องเรียนเพื่อให้เร่งติดตามและให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่เกิดขึ้น

(ไอเอ็นเอ็น, 27-1-2555)

 

สรส.จี้รัฐยุติขายหุ้น ปตท.-บินไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ตัวแทนสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ยื่นหนังสือถึงนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้รัฐบาลยุตินโยบายแปรรูปบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมี พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับหนังสือแทน โดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กล่าวว่า การที่กระทรวงการคลังจะขายหุ้น ปตท. และการบินไทย 2% จะส่งผลให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง เป็นบริษัทเอกชนเต็มตัว และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้าง ในขณะที่กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคมก็ยังไม่ออกมาชี้แจง ทาง สรส.ซึ่งมีสมาชิกเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ 43 แห่ง จึงต้องการให้รัฐบาลชี้แจงให้ชัดเจน และขอให้หยุดแนวทางการดำเนินการดังกล่าว โดยสัปดาห์หน้าจะไปยื่นหนังสือต่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ สรส.ยืนยันจะคัดค้านการดำเนินการดังกล่าว และจะมีการเคลื่อนไหวหากรัฐบาลยังเดินหน้าแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่งรอบ 2 ด้วยการขายหุ้นออกไป ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุตินโยบายดังกล่าว โดยในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จะจัดแสดงความคิดเห็นครั้งใหญ่ ที่โรงแรมมิราเคิล เพื่อให้ร่วมกันพิจารณาในเรื่องดังกล่าวด้วย

พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า สาเหตุของเรื่องดังกล่าวมาจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลต้องหาเงินมาป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอีก จึงต้องปลดล็อกเรื่องหนี้สาธารณะ โดยเห็นว่าวิธีการดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับพนักงานของการบินไทยที่มีอยู่ ประมาณ 14,000 คน และ ปตท. 4,000 คน ดังนั้นจะเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับทราบก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 31 มกราคมนี้ ทั้งนี้ เห็นว่าการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวจะต้องโปร่งใส ชัดเจน อธิบายและหารือร่วมกันได้ บุคลากรในองค์กรต้องทราบรายละเอียด โดยมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว เพราะในกรณีของตลาดนัดจตุจักรนายกฯ ก็กำชับไม่ให้ส่งผลกระทบกับทางผู้ค้ามาอย่างต่อเนื่อง

(บ้านเมือง, 27-1-2555)

 

รมว.แรงงานสั่งตรวจสอบคนตกงานหลังน้ำลด

นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน กล่าวว่า หลังน้ำลดมีแรงงานบางส่วนหันไปประกอบอาชีพอิสระ เพราะไม่มั่นใจว่าจะถูกเลิกจ้างหรือไม่ จึงให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำรวจยอดแรงงานที่กลับเข้าทำงานและไม่กลับเข้าทำงาน สถานประกอบการที่ปิดกิจการ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาชีพใด ซึ่งในส่วนที่เปิดกิจการมีความต้องการแรงงานเท่าใด ประเภทไหน เพื่อนำไปตรวจสอบกับยอดที่ตกงานว่า มีคุณสมบัติตรงกันหรือไม่ เพื่อนำแรงงานกลุ่มนี้กลับสู่ตลาดแรงงาน
         
ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งธนาคารแรงงาน รมว.แรงงาน กล่าวว่า อยู่ระหว่างการรออนุมัติงบประมาณดำเนินการของรัฐบาล คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนกุมภาพันธ์นี้

(โพสต์ทูเดย์, 28-1-2555)

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

Trending Articles



<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>