Quantcast
Channel: ประชาไท
Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

สัมภาษณ์ ‘ชิ’ สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ : พี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจานจะไม่ถูกโดดเดี่ยว

$
0
0

 

ร้อง ‘แก่งกระจาน’ ขับไล่โหด เผาบ้านกะเหรี่ยง
"กรมอุทยาน" รับ เผาจริง บ้านชาวกะเหรี่ยง "อุทยานแก่งกระจาน"                               

หลายคนคงจำข่าวนี้กันได้ ว่ากันว่าตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีนโยบายขับไล่และจับกุมชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงดั้งเดิมในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน ฝั่งติดชายแดนพม่า โดยใช้วิธีเผาบ้าน เผายุ้งข้าว และสิ่งปลูกสร้างของชาวกะเหรี่ยง มาตามลำดับ กระทั่งช่วงวันที่ 5-9 พ.ค. 2554 มียุ้งข้าวของชาวกะเหรี่ยงถูกทำลาย 98 หลัง และวันที่ 23-26 มิ.ย. 2554เผาเพิ่มเติมอีก 21 หลัง ใน 14 จุด ทั้งยังยึดทรัพย์สินต่างๆ ด้วย อาทิ มีด แห เคียว เกลือ ขวานเงิน สร้อยลูกปัด กำไลข้อมือ และเครื่องดนตรีของชาวกะเหรี่ยง จนถึงปฏิบัติการเมื่อวันที่ 11-14 ก.ค. 2554ที่ผ่านมา ยังคงใช้วิธีเผาบ้าน เผายุ้งข้าว และสิ่งปลูกสร้างของชาวกะเหรี่ยงเหมือนเดิมจากเหตุการณ์นั้น นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ออกมาชี้แจงยอมรับกับสื่อว่า การเผาบ้านหรือกระท่อมของชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานว่า เผาจริง!                  

ต่อมา นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวของทางอุทยานแก่งกระจานเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายอาญาและขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอของบุคคล เพราะมีการเผาทำลายที่พักและผลักดันชาวกะเหรี่ยงออกนอกพื้นที่อยู่อาศัย ทั้งๆ ที่มีหลักฐานว่า ชาวกะเหรี่ยงแถบป่าแก่งกระจานเป็นชนพื้นเมืองอาศัยอยู่บริเวณนี้มาหลายร้อยปี                     

ที่สำคัญและเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้ นั่นคือเมื่อพี่น้องกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก บางกลอย จำนวนประชากรมากถึง 1,048 คน ต้องกลายเป็นคนไร้ที่อาศัยและขาดแคลนอาหาร เมื่อชีวิตตกอยู่ในความหิวและความหวั่นหวาดขลาดกลัว ยากยิ่งที่พี่น้องกะเหรี่ยงทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทยจะทนดูดายนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ ทำให้หลายชุมชนบนดอยทางภาคเหนือ ได้ระดมขนข้าวสาร ข้าวเปลือกลงจากดอยวันแล้ววันเล่า เอามารวมกันในเมืองเชียงใหม่ มากกว่า 40 ตัน ก่อนจะหาทางขนส่งลงไปช่วยเหลือพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจานต่อไป จนกลายเป็นที่มาของ ‘คอนเสิร์ตเสียงเผ่าชน 3.5  เพื่อพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจาน’ ขึ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ณ โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา จังหวัดเชียงใหม่                          

‘ชิ’ สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ ศิลปินหนุ่มปกาเกอะญอ หรือกะเหรี่ยงที่หลายคนรู้จักมักคุ้นกันดี เป็นหนึ่งในกำลังหลักที่ทำให้เกิดกิจกรรมวัฒนธรรมในครั้งนี้  โดยมีนักดนตรีประกอบด้วย ทอดด์ ทองดี, วงทิพย์, วงสุดสะแนน และนิรมล เมธีสุวกุล จากรายการพันแสงรุ้ง เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วยความเต็มใจ

อยากทราบที่มาของการจัดคอนเสิร์ตเสียงเผ่าชน 3.5 ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ?
หลังจากที่ผมกลับจากต่างประเทศ ผมก็ได้ติดตามเรื่องการเผาบ้าน เผายุ้งข้าวพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจานมาโดยตลอด และผมก็ทราบว่ามีพี่น้องกลุ่มกะเหรี่ยงภาคเหนือพยายามระดมข้าวเพื่อจะเอาไปให้พี่น้องกะเหรี่ยงที่แก่งกระจาน พอผมกลับมาถึง ก็คุยกันว่า จะส่งข้าวไปยังไง มีงบประมาณในการขนส่งข้าวไปส่งให้พี่น้องที่แก่งกระจานอยู่เท่าไหร่ เขาก็บอกว่ามีเงินอยู่สามพันบาท แล้วข้าวเปลือกที่ระดมกันมีทั้งหมดเท่าไหร่ เขาก็บอกว่ามีข้าวเปลือกจำนวน 37 ตัน และกำลังทยอยนำมาเพิ่มอีกเกือบ 40 ตัน

ปริมาณข้าวที่พี่น้องกะเหรี่ยงภาคเหนือรวบรวมได้นั้นมีจำนวนมากขนาดนั้น แล้วจะขนส่งไปให้พี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจานได้ยังไง ?
ตอนแรก พี่น้องกะเหรี่ยงทางเหนือ ก็บอกว่าจะไปเรี่ยไรเงิน ขอคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง ผมก็บอกว่า โอ้ย...ถ้าอย่างนี้คงลำบากละ เพราะกว่าจะได้  ผมก็บอกว่า เราต้องสื่อสารกับพี่น้องเครือข่ายชนเผ่า กลุ่มภาคีที่เคยทำงานร่วมกัน ไม่ว่าคนทำงานศิลปวัฒนธรรม บางคนทำงานภาคประชาชน ให้มาช่วยกันลงขัน ฮอมแรง ฮอมบุญกัน ผมก็เลยเสนอไอเดียว่า น่าจะจัดเป็นกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมขึ้นมา จนกลายเป็นคอนเสิร์ตเสียงเผ่าชนคนต้นน้ำขึ้นมา โดยเราจะนำเงินที่ได้จากการขายบัตรเข้าชมงานไปเป็นค่าพาหนะขนส่งข้าวสารข้าวเปลือกไปให้กับพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจาน แล้วเราตอบแทนด้วยเสียงเพลง และแสดงศิลปวัฒนธรรมของคนกะเหรี่ยงให้กับทุกคนที่มาร่วมงานได้ชมกัน

ทราบมาว่าศิลปินนักดนตรีที่มาร่วมงานนั้นต่างมากันด้วยใจและไม่ได้คิดค่าตัวอะไรกันเลย ?
ใช่ครับ คือผมพอจะมีเพื่อน มีสหายที่เป็นนักดนตรีที่พอจะมาร่วมขบวนกับผมได้บ้าง ทุกคนก็บอกว่าถ้าจะจัด คุณลุยแล้วกัน เพราะทุกคนก็บอกว่า หนึ่ง ไม่มีเวลา สอง ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมด้านนี้ ผมก็บอกว่าโอเค ถ้างั้นขอให้ร่วมกับผม ผมทำคนเดียวไม่ได้ ดังนั้น จะเห็นว่า เรามีทั้งเครือข่ายพี่น้องกะเหรี่ยงด้วย ขอแรงจากพี่น้องคนทำงานสื่อ คนทำงานศิลปวัฒนธรรมในเชียงใหม่มาร่วมกัน จึงทำให้เกิดงานนี้ขึ้นมา

แล้วผลการจัดงานเป็นยังไงบ้าง พอจะประเมินได้ไหม ?
ก็รู้สึกว่าหายเหนื่อยเลยครับ เพราะว่ายอดรวมที่ได้มาตอนนี้รวมทั้งค่าบัตรชมงานกับเงินบริจาคก็ได้ประมาณห้าหมื่นหกหมื่นบาท ถ้าเทียบกับงานระดมทุนงานอื่น งานนี้ก็ถือว่ามีพี่น้องมาร่วมลงแรงลงขันกันเยอะ ผมก็รู้สึกหายเหนื่อยเหมือนกันครับ

ในฐานะที่คุณมีเชื้อสายกะเหรี่ยง คุณมองกรณีปัญหาเจ้าหน้าที่รัฐเผาบ้าน เผายุ้งฉางชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานยังไงบ้าง ?
สำหรับผม ผมมองว่าปัญหาการเผาบ้าน เผายุ้งฉางพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจานโดยคนของรัฐนั้น มันเกิดจากการที่เขามองความเป็นมนุษย์ในตัวคนไม่เห็น  เขามองมนุษย์แค่เป็นทรัพยากรหนึ่ง  มองมนุษย์เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง  มองแบบเลือกปฏิบัติ มองแบบพวกเขาไม่ใช่พวกเรา ว่าเขาเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง มองแบบอคติ มองว่าวิถีที่ไม่ตรงตามสิ่งที่เขาคิด ไม่ตรงตามสิ่งที่เขารู้มา ไม่ตรงตามสิ่งที่เขาเรียนมานั่นคือผิดหมด

เพราะการมองแบบนั้น จึงทำให้เขาต้องกระทำในสิ่งที่ขัดและค้านในสายตาของสังคมทั่วไป ?
ใช่ครับ นั่นมันก็เลยส่งผลต่อการกระทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐตัดสินว่า คนอีกกลุ่มหนึ่งมีความผิด คนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ถูกต้องตามหลักการที่เขาได้กำหนดมา แต่แท้ที่จริงแล้ว  ความถูกต้องมันอาจจะมีหลายความถูกต้องก็ได้  มันอาจจะไม่มีความถูกต้องเดียว เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น  ผมคิดว่าเพราะเราไม่ได้มองความเป็นมนุษย์บนฐานของความเป็นมนุษย์เป็นที่ตั้ง จึงทำให้เรามองมนุษย์เชิงเลือกปฏิบัติเยอะเกินไป

ดูเหมือนว่าคุณจะบอกว่าปัญหามันอยู่ที่คนของรัฐและนโยบายของรัฐไทยด้วยใช่ไหม?
แน่นอน ว่า ปัญหามันอยู่ที่ หนึ่งนโยบายของรัฐ สองอคติของสังคมไทย และอคติของคนทำงานของรัฐไทย

แต่ถ้ามองไป กรณีแก่งกระจาน นี้เป็นเพียงกรณีหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายๆ พื้นที่ที่รัฐกระทำกับพี่น้องชนเผ่า คนชายขอบ อยู่ซ้ำๆ?
ถูกต้อง กรณีกะเหรี่ยงแก่งกระจานนั้นเป็นเพียงกรณีศึกษา กรณีหนึ่งเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา มันยังเกิดอีกหลายพื้นที่ และมันอาจจะเกิดประเด็นอื่นอีกก็ได้ อาจจะเป็นปัญหาเรื่องการเกษตร ปัญหาการจัดการที่ดิน หรือแม้กระทั่งเรื่องธุรกิจ  แน่ละ ว่ามันจะมีการเลือกปฏิบัติอย่างนี้เกิดขึ้น ใช้อำนาจของรัฐกีดกันให้คนบางกลุ่มให้ออกไป คล้ายจะบอกว่าในโลกใบนี้ไม่มีหรอก ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม แล้วก็บอกว่า อยากให้มันออกไปจากสิ่งที่ตัวเองต้องการจะบรรลุ  สิ่งที่ตนเองเชื่อว่า ถ้าทำแล้วมันจะเกิดผลสำเร็จบางอย่าง หรือถ้ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากตนปุ๊บ  ต้องกำจัดมันออกไป         

อย่างไรก็ตาม ผมก็ยอมรับ แล้วก็ดีใจที่ประเทศไทยในช่วงหลังๆ มาโดยเฉพาะยุคนี้ เป็นยุคปฏิรูปหลายสิ่งหลายอย่าง  มันเปลี่ยนแปลงเยอะ แต่ว่าความคิดเดิมๆ อคติเดิมๆ การเลือกปฏิบัติเดิมๆ ก็ยังมีอยู่เยอะเช่นกัน

คุณมองว่าทางออกควรจะเป็นยังไงเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนชนเผ่าในประเทศไทยนับจากนี้ ?
ในความเห็นของผม ทางออกก็คือ หนึ่ง มาสร้างแนวคิดการรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยให้กับคนทำงานภาครัฐให้มากขึ้น คำว่ารวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยในเนื้อเพลงชาติไทยนั้นมันคืออะไร ว่าประเทศไทยแท้ที่จริงแล้วเป็นประเทศวัฒนธรรมเดี่ยวหรือว่าเป็นพหุวัฒนธรรม แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง ผมคิดว่าทางออกกรณีเฉพาะของพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจาน จะต้องมานั่งคุยกัน มาดูว่า แท้จริงแล้วปัญหาอย่างนี้มันเคยเกิดขึ้นที่ภาคเหนือเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาแล้ว ก็ควรจะมาดูกันสิว่า ฝ่ายรัฐ ฝ่ายทางการได้มีกระบวนการจัดการแก้ไขปัญหาในภาคเหนือกันแบบไหน  มาค้นหาดูสิว่า คุณสามารถจัดการกับป่าได้จริงหรือเปล่า แล้วก็มันมีวิธีการจัดการ องค์ความรู้ การทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและประชาชน ประสบผลสำเร็จที่ไหนบ้าง ที่ไหนที่เป็นรูปธรรม ทำแล้วสำเร็จเอาแม่แบบตัวนั้นมาเรียนรู้ซึ่งกันแล้วกัน แล้วมาจัดการมาดูวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงว่าเป็นยังไง

และกระบวนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะต้องไม่ใช้ความรุนแรงเหมือนกรณีแก่งกระจาน ?
ใช่  คุณจะต้องเข้ามาจัดการแก้ไขตามความเป็นจริงโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง เพราะเรารู้ว่าความรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน  แต่มันเป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ  แล้วยิ่งกว่านั้น มันกลับส่งผลร้ายต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากขึ้น ดังนั้น วิธีการที่ถูกต้อง คือรัฐจะต้องยุติความรุนแรงทุกประการ

ในฐานะที่คุณเป็นศิลปินชนเผ่าของไทย และมีโอกาสได้เดินทางไปแสดงดนตรีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในหลายๆ ประเทศ คุณได้เห็นความหลากหลายของเชื้อชาติว่ามีความเหมือนความต่างจากสังคมไทยไหม ?
ผมคิดว่า อย่างประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะทางยุโรป เขาเห็นความเป็นมนุษย์ของคนอื่นๆ พอเขามองเห็นอะไรบางอย่างที่มีความเฉพาะตัว เฉพาะตนและพิเศษกว่าตัวเขา เขาไม่ได้มองความแตกต่างหรือมองว่าเป็นความแปลก แต่เขาจะมองว่านี่คือสิ่งพิเศษและมองว่าคนๆ นั้นมีความพิเศษเฉพาะกว่าคนอื่น เขาจะตื่นเต้น และเขาอยากจะเรียนรู้  ว่ามันคืออะไรก่อน

อย่างปัจจุบัน คนยุโรป ที่ผมได้เดินทางไปมา เช่น อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส แม้กระทั่งเยอรมันที่เคยมีแนวคิดแบบนาซี  แต่พอเขาเห็นปุ๊บ เขาก็ตื่นเต้นที่จะไปเรียนรู้ว่ามันคืออะไร หลังจากนั้น ถ้าเขาเจอสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ต่างๆ เขาพร้อมที่จะหนุนเสริม พร้อมที่จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

แต่ในขณะที่คนในสังคมไทยจะไม่ใช่อย่างนั้น  จะไม่มองแบบนั้น แต่จะมองคนนั้นว่าคนนั้นมีอะไรที่แตกต่าง เอ๊ะ…เขาเป็นคนอื่น เขาไม่ศิวิไลซ์ เป็นคนดอย เป็นคนนอก เป็นคนชายขอบ ซึ่งผมคิดว่า ประเทศไทยไม่ค่อยเปิดใจสำหรับจะเรียนรู้เท่าไหร่ ประเทศไทยส่วนใหญ่ต้องการให้คนอื่นเปลี่ยนมาเป็นแบบตัวเองมากกว่า ภูมิใจในความเป็นไทย ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ว่าต้องการให้คนอื่นมีความภูมิใจเหมือนตนเองภูมิใจในความเป็นไทยเหมือนกันทุกคนที่อยู่ในประเทศนี้ นอกจากต้องภูมิใจในความเป็นไทยแล้ว ต้องมาเป็นไทยเหมือนเขาด้วย

หมายความว่าลึกๆ ลงไปข้างใน คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังคไม่ยอมรับความแตกต่างทางชาติพันธุ์ ?
ใช่ครับ ยังไม่ยอมรับความต่าง ความหลากหลายเท่าไหร่ คุณไม่ยอมรับ คุณจึงต้องกระทำความรุนแรงเช่นนั้น โดยไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้

แต่ในขณะเดียวกัน หลายหน่วยงานของรัฐมักหยิบเอาความเป็นชนเผ่า ฉวยเอาความเป็นชาติพันธุ์มาเป็นจุดขาย มาโฆษณาจนกลายส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวไปแล้ว?
แน่ละ ในทางตรงกันข้าม บ่อยครั้ง รัฐกลับมองและรู้ว่าความแตกต่างเหล่านั้นมันสามารถขายได้ ขายในเชิงการท่องเที่ยวได้ รัฐก็พยายามส่งเสริมเฉพาะในส่วนที่ขายได้  แต่ไม่ส่งเสริมที่จะเรียนรู้กระบวนการพัฒนาชุดความรู้  จนกลายมาเป็นแบบนี้ ว่ากลุ่มชาติพันธุ์ ชนเผ่าพื้นเมืองนั้นมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร มีคุณค่าความหมายอย่างไรไม่สน  สนแต่ว่าตัวนั้นมันขายได้ หยิบตรงใบ ตรงดอก ตรงผลที่มันขายได้ คุณผลิตเอามาให้ผม ผมเอาไปขายอย่างเดียว  แต่เรื่องจิตวิญญาณ เรื่องรดน้ำอย่างไร พรวนดินย่างไร มีสารอาหารอย่างไร ดูแลรักษาอย่างไร ปลูกยังไงไม่สน นี่คือความเป็นไทยในสายตาของสังคมไทย ของรัฐไทยในขณะนี้

หลังจากนี้ คุณและเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย จะขับเคลื่อนยังไงต่อไป กับกรณีปัญหาพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจาน ?
เบื้องตนตอนนี้ เราไม่รู้ว่าพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจานได้ทำผิดกฎหมาย หรือถูกกฎหมาย เป็นคนดีหรือคนไม่ดี ยังไงเราไม่สนแล้ว เราสนแค่ว่า ตอนนี้พี่น้องหิวโหย พี่น้องขาดแคลนอาหาร พี่น้องขาดความอบอุ่นทางใจ พี่น้องขวัญหนีดีฝ่อ เบื้องต้น เราจะทำอย่างไรเพื่อปันความอิ่มปันอาหารไปให้เขา                       

ผมอยากจะบอกว่า...คนที่ฆ่าคนตาย ติดคุก ถูกประหารชีวิตนั้น แต่ก่อนที่เขาจะถูกตัดสินจำคุก ประหารชีวิต ยังได้กินข้าวแดงแกงเย็นอย่างน้อยวันละสองมื้อ แต่พวกนี้ พี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจาน เขายังไม่ถึงขนาดนั้น แต่ทำไมแม้กระทั่งบ้าน กระท่อมที่อยู่ยังไม่มี ข้าวยังไม่มีจะกิน ดังนั้น เบื้องตนในฐานะกะเหรี่ยงด้วยกัน เราต้องทำให้เขาได้กินก่อน หลังจากนั้น  ก็จะเป็นการเยียวยาทางวัฒนธรรมกันต่อไป

คุณจะเยียวยาด้วยวัฒนธรรมได้อย่างไรบ้าง?
ก็จะไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เรามีเตหน่า แคน มีบทธา(ปรัชญาคำสอนของคนกะเหรี่ยง) อย่างน้อยเราจะเอามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน อย่างน้อยให้เขารู้ว่า เขาไม่โดดเดี่ยว หลังจากนั้น การพิสูจน์ตัวเอง การทำตามกฎหมาย ค่อยว่ากันอีกขั้นตอนหนึ่ง

จากนั้นคุณและเครือข่ายจะรณรงค์เรียกร้องต่อสู้ในเรื่องสิทธิชนเผ่าอย่างไรต่อไป ?
ผมคิดว่า เราอยากเรียกร้องให้มีการปราศจากความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น นี่คือสิ่งที่เราพยายามจะเรียกร้อง แล้วเราจะนำเสนอข้อมูลสู่สาธารณะว่า มันไม่ใช่เวลาที่จะต้องใช้ความรุนแรง แต่เราเจรจากันด้วยเหตุด้วยผล ใช้หลักการของความจริงมาว่ากัน  คุณสามารถอยู่กับป่าได้ แต่ว่าจะต้องมีวิธีการจัดการเรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมา ทั้งในพื้นที่อื่นและในพื้นที่ตรงนั้นด้วย

จากนั้นต่อไป เราอยากขับเคลื่อน ก็คือ การพยายามสร้างพื้นที่ในการเจรจากันระหว่างพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจานกับหน่วยงานของทางการ เราไม่ได้บอกว่าหน่วยงานทางการผิด เรารู้ว่าเขาทำหน้าที่ของเขา เขาก็ปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง แต่พี่น้องกะเหรี่ยงก็มีวิถีแบบนั้น ซึ่งเป็นวิถีที่เอื้อต่อทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งพี่น้องกะเหรี่ยงทางเหนือก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาเป็นร้อยๆ ปีมาแล้วว่า คนกับป่านั้นอยู่ร่วมกันได้                                       

เพราะฉะนั้นทั้งรัฐกับชาวบ้านจะต้องกลับมาคุยกัน เพราะปัญหาตรงนี้ มันหาทางออกร่วมกันได้.

 

 

หมายเหตุ : งานชิ้นนี้ตีพิมพ์ครั้งแรก มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 20 มกราคม 2555

 

 

 

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

Trending Articles



<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>