นสพ. นิวยอร์กไทมส์รายงานบรรยากาศงานศพของเจ้านโรดม สีหนุ พร้อมมุมมองปชช. กัมพูชาต่ออนาคตของประเทศ หลังการสวรรคตของสมเด็จสีหนุ ซึ่งบางส่วนมองอาจเกิด "สุญญากาศ" และเปิดเกียร์ว่างให้แก่ "ฮุน เซ็น" อย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 55 หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ได้ตีพิมพ์บทความ "Cambodia, Mourning, Casts Eye to the Future" โดยโทมัส ฟุลเลอร์ รายงานบรรยากาศพิธีพระศพของสมเด็จนโรดม สีหนุในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และได้สัมภาษณ์ประชาชนชาวกัมพูชาถึงอนาคตของประเทศภายใต้การปกครองของสมเด็จนโรดม สีหมุนี รัชทายาทของสมเด็จนโรดม สีหนุและกษัตริย์องค์ปัจจุบัน โดยบางส่วนมองว่า อาจจะทำให้เกิดบรรยากาศทางการเมืองที่เป็นสุญญากาศ เนื่องจากกษัตริย์องค์ต่อไปอาจจะเทียบ "บารมี" เท่ากับสมเด็จนโรดม สีหนุได้ยาก และมองว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น ที่ปกครองประเทศมากว่า 3 ทศวรรษ สามารถใช้อำนาจได้อย่างอิสระมากขึ้นโดยไม่มีใครทัดทาน
00000
"กัมพูชา ที่โศกเศร้า มองไปสู่อนาคต"
โดย โทมัส ฟุลเลอร์
ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ฉบับวันที่ 18 ต.ค. 55
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ถนนหนทางของกรุงพนมเปญคับคั่งไปด้วยผู้ที่มาไว้อาลัยการกลับมาครั้งสุดท้ายของสมเด็จนโรดมสีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา และผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของประเทศที่เต็มไปด้วยปัญหา
แปดปีหลังสละราชสมบัติให้แก่พระราชโอรส พระบรมศพของสมเด็จสีหนุ ผู้ซึ่งเสียชีวิตในกรุงปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถูกนำพากลับมาสู่กรุงพนมเปญด้วยเครื่องบินของสายการบินแอร์ ไชน่า ต่อด้วยรถยนต์ที่ขับมาท่ามกลางแดดร้อนแผดเผา
"ท่านคือบิดา ส่วนเราคือลูกๆ" พิช ราวี พ่อค้าขายผักกล่าว เขาได้เดินทางไปพระราชวัง ที่ที่พระบรมศพของสมเด็จสีหนุจะถูกเก็บไว้เป็นเวลาสามเดือน และกล่าวต่อว่า "ท่านเป็นหนึ่งในพระราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกัมพูชา"
การสวรรคตของสมเด็จสีหนุด้วยพระชนมายุ 89 ปี หลังการมีบทบาทในทางการเมืองหลังได้รับเอกราชของกัมพูชา นับเป็นการสิ้นสุดยุคสมัยของกัมพูชาที่เต็มไปด้วยสงครามและการปกครองที่นองเลือดของระบอบเขมรแดง
แต่ยุคสมัยใหม่ และสถาบันกษัตริย์จะเป็นอย่างไรต่อไป ได้กลายเป็นวาระการถกเถียงที่ร้อนแรงภายในประเทศ ท่ามกลางการกล่าวยกย่องเชิดชูและการรำลึกเมื่อวันพุธ ชาวกัมพูชาพูดคุยกันเรื่องวิสัยทัศน์ถึงอนาคตของพระมหากษัตริย์องค์ต่อๆ ไป
สำหรับประชาชนบางส่วน ความตายของสมเด็จสีหนุได้ทำให้นึกถึงอดีตที่สะท้อนถึง "พระมหากษัตริย์แอคติวิสต์" ที่เส้นแบ่งระหว่างพระมหากษัตริย์และนักการเมืองไม่ชัดเจน
สำหรับผู้อื่น การเสียชีวิตของพระองค์ ได้สร้างสุญญากาศของอำนาจทางศีลธรรม และตอกย้ำอำนาจที่เข้มข้นและเอียงกะเท่ของนายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น ผู้ซึ่งปกครองรัฐบาลกัมพูชามากว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งที่นานที่สุดของโลก
"นี่เป็นยุคสมัยใหม่สำหรับฮุน เซ็น" ลาว เมือง เฮย์ อดีตข้าราชการและศาสตราจารย์ด้านกฎหมายและเศรษฐศาสตร์ "ไม่มีแรงไหนๆ ที่สามารถต้านทานเขาได้อีกแล้ว มันมีความเสี่ยงสำหรับประเทศ"
เจ้าชายสีโสวัธ โธมิโก ราชเลขาธิการส่วนพระองค์และหลานชายของสมเด็จนโรดม กล่าวว่า ชาวกัมพูชาบางส่วนมีความกังวลและกลัวหลังการเสียชีวิตของสมเด็จสีหนุ
"ท่านมีบารมีที่มากเหลือเกิน" เขากล่าวในระหว่างสัมภาษณ์ในพระราชวัง "และตอนนี้ มันก็จะมีเหมือนกับการหยุดชะงัก ประชาชนของกัมพูชาจำเป็นต้องรอบุคคลต่อไปที่จะมีอำนาจในทางศีลธรรมที่เทียบเท่ากัน"
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สมเด็จสีหนุ ผู้ได้ขึ้นครองราชลับบังค์ในปี 1941 ได้ค่อยๆ ถอยตัวเองออกจากชีวิตสาธารณะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในสมัยการปกครองของเขาในฐานะกษัตริย์และนักการเมืองซึ่งยาวนาน มีสีสัน และซับซ้อน เขาได้รับการชื่นชมอย่างมากสำหรับบทบาทในการต่อสู้อย่างสันติเพื่อให้ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส ในขณะเดียวกันก็ถูกวิจารณ์สำหรับการให้ความชอบธรรมระบอบเขมรแดงและส่งเสริมให้พวกเขาขึ้นสู่อำนาจ มีการประมาณการณ์ว่า ราว 1.7 ล้านคนได้เสียชีวิตจากการปกครองในระบอบเขมรแดงในทศวรรษที่ 1970
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางผู้ที่มาไว้อาลัย สมเด็จสีหนุถูกจดจำโดยคนส่วนใหญ่ ในฐานะที่เป็นผู้ห่วงใยในชะตากรรมของผูที่ยากไร้และปราศจากอำนาจ
"พระองค์ทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชน" สม เสร เปา วัย 49 ปี ซึ่งเดินทางไปไว้อาลัยที่พระราชวังกับลูกๆ อีกสามคนในวันพุธ "ท่านได้เสียสละตนเองเพื่อประชาชน"
โลงศพของกษัตริย์ที่มีการประดับประดาไปด้วยธงของราชวงศ์สีน้ำเงิน และเต็มไปด้วยดอกไม้ ถูกวางไว้บนขบวนรถเคลือบทองที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนสัตว์คล้ายนกจากนิยาย ผู้ไว้อาลัยต่างกำธูปเทียนและดอกบัวไว้ในมือ ในขณะที่ขบวนรถวิ่งผ่าน พวกเขาต่างนิ่งเงียบและแสดงความเคารพ บางคนลงคุกเข่ากับพื้น
ที่ตามหลังขบวนรถมา เป็นรถเมอร์ซิเดสสีดำของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน สมเด็จนโรดม สีหนุ ผู้ที่สืบราชบัลลังค์จากพระบิดาของพระองค์ในปี 2547 สมเด็จพระบรมนาถสีหมุนี ด้วยพระชนมายุ 59 พรรษา เคยเป็นครูสอนบัลเลต์และอยู่ภายใต้เงาของบิดาอันยาวนาน ท่านไม่ได้อภิเสกสมรส และไม่น่าจะมีทายาท ถึงแม้ว่ากษัตริย์จะสามารถเลือกจากผู้สืบทอดของกษัตริย์องค์ก่อนหน้านี้หลายร้อยคน แต่การไม่มีผู้สืบทอดต่อจากสมเด็จสีหมุนีก็ได้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่ราชวงศ์
โสน สาวแบต หนึ่งในองคมนตรีในกษัตริย์องค์ปัจจุบัน กล่าวถึง "สุญญากาศ" ที่จะเกิดขึ้นหลังการสวรรคตของสมเด็จสีหนุ เขาอธิบายถึงลักษณะนิสัยที่เงียบๆ และสงวนท่าทีในหลายประเด็นมากกว่าบิดาของเขา
"กษัตริย์องค์ปัจจุบันของเราเป็นกลางมากจนเขาไม่เข้ามาเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย" โสนกล่าว "ท่านอยู่ตามบทบาทที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ"
สำหรับพันธมิตรของนายกรัฐมนตรีฮุน เซ็นแล้ว นี่เป็นวิถีตามแบบที่มันควรจะเป็นเลยทีเดียว
เภย์ สีพัน ประธานสภาแห่งรัฐมนตรี กล่าวถึงยุคสมัยใหม่ของสถาบันกษัตริย์ในกัมพูชา ซึ่งระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปี 1993
"กษัตริย์ไม่ควรจะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง" เภย์ สีพันกล่าว "กษัตริย์มิได้ปกครองประชาชน แต่กษัตริย์ได้รับความเคารพจากประชาชน"
เขากล่าวถึงสมเด็จสีหนุว่าเป็น "นักการเมืองที่ได้รับความเคารพ" และ "เจ้าพ่อแห่งกัมพูชา" แต่เขากล่าวต่อว่า ประเทศชาติได้ก้าวต่อไปแล้ว
ผู้ที่วิพากษ์รัฐบาลฮุนเซ็นมองว่า เกิดความพยายามที่จะรวบอำนาจทางการเมืองและสถาบันกษัตริย์ไว้ที่เพียงฝ่ายเดียว
สถาบันกษัตริย์ของกัมพูชาไม่ได้ร่ำรวยและถือครองที่ดินจำนวนมหาศาล ต่างจากสถาบันกษัตริย์ไทยหรืออังกฤษ พระมหากษัตริย์ต้องพึ่งพางบประมาณจากรัฐเป็นส่วนใหญ่สำหรับพระราชกรณียกิจต่างๆ รัฐบาลจึงมีอำนาจพอสมควรในการคานกับสถาบันกษัตริย์
นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็นและพันธมิตรของเขา อาจจะสามารถกำหนดได้ว่าใครควรจะเป็นกษัตริย์ต่อไป ขึ้นอยู่กับว่าการสืบสันตติวงศ์จะเป็นช่วงเวลาใด รัฐธรรมนูญได้ระบุอำนาจการกำหนดกษัตริย์องค์ต่อไปที่สภาการสืบสันตติวงศ์ (Throne Council) ซึ่งมีสมาชิก 9 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงจากสภาแห่งชาติและวุฒิสภา โดยทั้งสองอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคนายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก
Cambodia, Mourning, Casts an Eye to the Future
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai