16 ส.ค. 55 - มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมแจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2555 ศาลปกครองสงขลาได้มีคำพิพากษาให้สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะต้นสังกัดของ กอ.รมน.ภาค 4 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แก่นายมะเซาฟี แขวงบู อายุ 20 ปี และเด็กชายอาดิล สาแม อายุ 14 ปี สองเยาวชนที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ทหารทำร้ายร่างกายในระหว่างการลาดตระเวนและตรวจค้นตัว โดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 52 บริเวณถนนริมแม่น้ำปัตตานี ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
ศาลได้พิพากษาว่า แม้กฎอัยการศึกจะให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารในการตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ แต่ในระหว่างตรวจค้นได้มีการทำร้ายเยาวชนทั้งสองจนได้รับบาดเจ็บ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการกระทำละเมิด เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่ทหารในสังกัดของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรีจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดให้ นายมะเซาฟี แขวงบู เป็นค่าขาดแรงงานในครัวเรือนและประโยชน์จากการทำงาน ตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในจังหวัดยะลา วันละ 250 บาท และแพทย์มีความเห็นให้หยุดพัก 5 วัน จึงคิดค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นเงิน 1,200 บาท ส่วนเด็กชายอาดิล สาแม กำลังศึกษาอยู่ จึงไม่มีค่าเสียหายในส่วนนี้ และค่าเยียวยาความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพในร่างกาย อนามัย และจิตใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารได้กระทำการที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในร่างกายและจิตใจของบุคคลทั้งสอง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ม. 32 อันเป็นกฎหมายสูงสุดที่ประกันสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ เพื่อเยียวยาความเสียหายตาม ว.5 จึงกำหนดให้คนละ 100,000 บาท
เหตุคดีนี้ เกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 52 เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำร้ายร่างกายนายมะเซาฟี และด.ช.อาดิล โดยการเตะ ตบ ใช้ด้ามปืนตีที่ศีรษะ และตบที่กกหู และท้ายทอย จนทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ โดยต่อมาพนักงานอัยการศาลจังหวัดทหารบกปัตตานีได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ทหารดังกล่าวเป็นคดีอาญา ข้อหาทำร้ายร่างกายจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และวันที่ 26 เม.ย. 53 จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลจังหวัดทหารบกปัตตานี ได้มีคำพิพากษาจำคุกจำเลย 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน และมีความประพฤติดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษ 2 ปี ให้บังคับโทษปรับ คดีอาญาดังกล่าวเป็นอันถึงที่สุด และนำมาสู่การฟ้องเรียกค่าเสียหายทางละเมิดในคดีนี้
หมายเหตุ:
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา 32 บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย
การทรมาน ทารุณกรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรม จะกระทำมิได้แต่การลงโทษตามคำพิพากษาของศาลหรือตามที่กฎหมายบัญญัติไม่ถือว่าเป็นการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรมตามความในวรรคนี้
การจับและการคุมขังบุคคล จะกระทำมิได้ เว้นแต่มีคำสั่งหรือหมายของศาลหรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
การค้นตัวบุคคลหรือการกระทำใดอันกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง จะกระทำมิได้เว้นแต่มีเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติ
ในกรณีที่มีการกระทำซึ่งกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง ผู้เสียหาย พนักงานอัยการหรือบุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์ของผู้เสียหาย มีสิทธิร้องต่อศาลเพื่อให้สั่งระงับหรือเพิกถอนการกระทำเช่นว่านั้น รวมทั้งจะกำหนดวิธีการตามสมควรหรือการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยก็ได้
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai