ครม.ซาอุดิอาระเบียชี้การบีบให้ชาวโรฮิงยาต้องหนีจากถิ่นฐานถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง และเรียกร้องให้นานาชาติเข้าไปช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็น ขณะที่องค์การความร่วมมืออิสลามเตรียมเจรจาพม่าขอส่งคณะผู้สังเกตการณ์เข้าไปสำรวจข้อเท็จจริง
คณะรัฐมนตรีซาอุดิอาระเบีย ได้เรียกความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงยา กับชาวพุทธซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในพม่าว่าเป็นการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ชาวมุสลิม และเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติมีมาตรการตอบโต้ทันที
โดยคณะรัฐมนตรีของซาอุดิอาระเบียได้ระบุว่า "ขอประณามการล้างเผ่าพันธุ์มุสลิม และการทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมต่อชาวมุสลิมโรฮิงยาในพม่า การบังคับให้พวกเขาต้องหนีออกจากถิ่นฐานถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน" แถลงการณ์ของคณะรัฐมนตรีซาอุดิอาระเบียระบุ
ทั้งนี้กษัตริย์อับดุลลาห์ของซาอุดิอาระเบียซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานคณะรัฐมนตรีด้วย ได้เรียกร้องประชาคมนานาชาติให้ทำหน้าที่จัดหาสิ่งประกันความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตเท่าที่จำเป็น และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสูญเสียชีวิตขึ้นอีกในอนาคต
ขณะที่นายเอกเมเลดิน อิซาโนกลู ประธานองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่นครเจดด้า ซาอุดิอาระเบีย กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (5 ส.ค.) ว่าจะส่งคณะสังเกตการณ์ของ OIC เพื่อเข้าไปตรวจสอบการสังหารหมู่ชาวโรฮิงยาในพม่า ทั้งนี้ OIC จะพยายามโน้มน้าวให้รัฐบาลพม่ายอมรับให้คณะค้นหาข้อเท็จจริงขอ OIC เข้าไปในพม่าให้ได้
"OIC ยังได้ติดต่อไปยังสำนักงานที่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก เรียกร้องให้มีการจับตาชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงยาซึ่งกำลังได้รับผลกระทบ" ประธาน OIC ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 57 ชาติกล่าว ทั้งนี้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนในรัฐอาระกัน ระหว่างชาวพุทธและชาวโรฮิงยา ทำให้ขณะนี้ตัวเลขของทางการพม่าระบุว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายรวม 80 คนแล้ว
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก Myanmar involved in ‘ethnic cleansing’ of Muslims: Saudi Arabia, By Areeb Hasni - Aug 8th, 2012, The News Tribe