ครบรอบ 1 ปี อดีต ปธน. เบน อาลี หนีออกนอกประเทศ ประชาชนหลายพันคนชุมนุมเรียกร้องแก้ปัญหาว่างงานจากที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 19 ขณะเดียวกันรัฐบาลใหม่ก้ได้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง 9,000 ราย
14 ม.ค. 2012 - ชาวตูนิเซียหลายพันคนชุมนุมที่ใจกลางกรุงตูนิส เรียกร้องในเรื่องแก้ปัญหาว่างงาน ในวันเดียวกับที่ครบรอบปีการออกจากประเทศของอดีตประธานาธิบดี ซีเน เอล อบิดีน เบน อาลี ออกจากประเทศ
ผู้ประท้วงพากันเปล่งสโลแกนว่า "งาน เสรีภาพ และศักดิ์ศรี" "งานคือสิทธิ" "พวกเราจะยังคงสู้ต่อไป" โดยพวกเขายังได้พากันชูป้ายอยู่บนท้องถนนใจกลางย่านเดียวกับที่ให้กำเนิดปรากฏการณ์ "ดอกไม้บานในอาหรับ" (Arab Spring)
"พวกเราปฏิวัติต่อต้านเผด็จการเพื่อเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องศักดิ์ศรีในชีวิตของพวกเรา และไม่ต้องการช่วยให้พวกฉวยโอกาสสร้างความทะเยอทะยานทางการเมือง" ซาเลม ซิโตนี หนึ่งในผู้ประท้วงกล่าว
ผู้ประท้วงต่างพากันสวมชุดสีแดงขาวซึ่งเป็นสีของธงชาติตูนีเซีย และเรียกร้องให้นึกถึง "ผู้เสียสละ" ที่ถูกสังหารไปในช่วงที่เกิดความไม่สงบก่อนที่เบน อาลี จะถูกโค่นล้ม
พวกเขาถือป้ายที่อ่านว่า "พวกเราซื่อสัตย์ต่อการหลั่งเลือดของผู้เสียสละ" และ "พวกเราจะไม่ลืมผู้เสียสละ"
หลายคนยังได้ตะโกนคำว่า "ไสหัวไป" กับ "ไปได้เสียที" ซึ่งเป็นคำยอมนิยมที่มีคนใช้ขับไล่เบน อาลี ก่อนที่เขาจะลงจากตำแหน่งไปในวันที่ 14 ม.ค. 2011
คนที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงที่มีการปฏิวัติก็พากันมานั่งปักหลักชุมนุมอยู่นอกทำเนียบรัฐบาลในเมืองเก่าคัสบาห์
นักข่าวของอัลจาซีร่า นาซานีน โมชิรี รายงานว่า สถานการณ์ของตูนิเซียในวันนี้ เป็นทั้งวันของการเฉลิมฉลองและวันของการสะท้อนมุมมอง
"มีคนเสียชีวิตกว่า 200 คนในช่วงปฏิวัติ และปัญหาการว่างงานก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ ในสัปดาห์นี้เอง มีคนเผาตัวตายไป 4 คนแล้ว แบบเดียวกับที่ โมฮาเม็ด บูวอาซีซี เคยทำ" นาซานีน โมชิรี กล่าว
บูวอาซีซีคือ คนขายผักอายุ 26 ปี จากเมืองซีดี บูวซิด การเผาตัวตายของเขากลายเป็นชนวนให้เกิดการปฏิวัติตูนิเซีย
งานฉลอง
การปฏิวัติตูนิเซียกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศในแถบตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศอียิปต์และลิเบีย
มีผู้นำต่างชาติหลายประเทศที่ถูกวางตัวไว้ว่าจะมาเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองในช่วงสุดสัปดาห์ หนึ่งในนั้นมี ชีค ฮาหมัด คาลิฟา อัล ธานี ผู้เป็นหนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหว "ดอกไม้บานในอาหรับ" และมุสตาฟา อับเดล จาลิล ประธานสภาถ่ายโอนอำนาจของลิเบีย
สิ่งท้าทายรัฐบาลใหม่
เบน อาลี ถูกศาลตูนิเซียตัดสินให้มีความผิดทั้งอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและคดีความอื่นๆ เขาหลบหนีไปอยู่ที่ซาอุดิอาระเบีย หลังจากที่ฝรั่งเศสปฏิเสธไม่ให้เขานำเครื่องบินลงจอด
รัฐบาลใหม่ของตูนิเซียเปิดเผยว่า ทางการซาอุดิอาระเบียปฏิเสธคำขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจะทำให้เบน อาลี ถูกส่งตัวกลับประเทศ และจะถูกดำเนินคดีหลายคดี
ปัญหาอื่นๆ ที่รัฐบาลใหม่ของตูนิเซียต้องสะสางคืออัตราการว่างงานในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 19 และในบางพื้นที่ซึ่งถูกเมินจากผู้ลงทุนในอดีตก็เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 50 ความไม่พอใจของคนในสังคมก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
เรื่องการทุจริตก็เป็นประเด็นท้าทาย เมื่อองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ลดอันดับประเทศตูนิเซียลงจากอันดับที่ 59 มาสู่อันดับที่ 73 จากตาราง 183 ประเทศ เนื่องจากมีความหวั่นเกรงว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลในอดีตจะปะปนเข้ามาในพื้นที่การเมืองของรัฐบาลใหม่
"พวกเรามองเห็นตูนิเซียที่เปลี่ยนไป" อามีน กาลี จากศูนย์การเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย 'อัล คาวาคีบิ' กล่าว
"พวกเราไม่ได้อยู่ในประเทศประชาธิปไตย พวกเราอยู่ในประเทศที่พยายามเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตย และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย"
กาลี กล่าวอีกว่าแม้ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจจะยังคงมีอยู่ แต่กลุ่มนักการเมืองก็จัดการกับปัญหานี้ในทางที่ถูก ตูนิเซียเป็นประเทศที่ถูกครอบโดยการเมือง "...ไม่ได้หมายความว่ามีการแบ่งแยกแต่เป็นการถูกทำให้เป็นการเมือง"
ในฐานะครบรอบปี ทางตูนิเซียได้นิรโทษกรรมหรือปล่อยตัวนักโทษ 9,000 ราย อย่างมีเงื่อนไข มีการลดโทษประหารนักโทษ 122 รายให้เหลือเป็นการจำคุกตลอดชีวิต
ที่มา
Tunisians mark one year since Ben Ali fled, Aljazeera, 14-01-2012
http://www.aljazeera.com/news/africa/2012/01/201211414346137290.html
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper