กวี จงกิจถาวร ประธาน SEAPA บรรยายพิเศษ “มองประชาคมอาเซียนจากมมุมข่าว” อธิบายพลวัติอาเซียนในรอบ 45 ปี จับตาพม่าผงาดจาก ZERO เป็น HERO ส่วนไทยจะตกกระป๋องไปอีกนาน อินโดจะเป็นพี่ใหญ่ ภาษาจะครองอาเซียน
กวี จงกิจถาวร บรรณาธิการอาวุโสเครือเนชั่นมัลติมิเดียกรุ๊ป และประธาน South Asian Press Association (SEAPA) บรรยายพิเศษ “มองประชาคมอาเซียนจากมมุมข่าว” ในโครงการอบรมนักข่าวโรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ครั้งที่ 1/2555 ณ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ บ้านพักรับรอง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555
0 0 0
ใครๆ ก็อยากเข้าอาเซียน
ไทยต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกลไกที่จะลดความขัดแย้งในภูมิภาค ซึ่งขณะนั้น ประเทศมาเลเซียมีปัญหากับประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ ไทยยังส่งเสริมการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศในภูมิภาค เพื่อรับมือกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ในประเทศอินโดจีน ในปี 1992 หลังจากสงครามในประเทศกัมพูชาสิ้นสุดลง จึงเป็นเรื่องน่าแปลกที่เวียดนามเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศอินโดจีนได้เข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน
สำหรับประเทศติมอร์ตะวันออก จะเข้ามาเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นประเทศที่ 11 แต่ประเทศอินโดนีเซียคัดค้านเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียสนับสนุน แต่กลับพบว่าประเทศสิงคโปร์ไม่ต้องการให้ประเทศติมอร์ตะวันออกเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เนื่องจากไม่ต้องการให้ประเทศติมอร์ตะวันออกตกอยู่ภายใต้อิทธิของประเทศอินโดนีเซียอีกครั้ง
ลึกๆ แล้ว สิงคโปร์ต้องการให้ประเทศติมอร์ตะวันออกอยู่ภายใต้อิทธิพลของออสเตรเลียเหมือนเดิม ต่างจากประเทศบรูไนได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนหลังได้รับเอกราชไม่ถึง 1 สัปดาห์ นับเป็นประเทศที่ฉลาดมาก เพราะการได้เข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน ทำให้อาเซียนสามารถปกป้องประเทศสมาชิก
ส่วนประเทศปาปัวนิวกีนี ยังไม่แน่ชัดว่าจะสามารถเข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียนหรือไม่ เนื่องจากมีประเทศที่สนับสนุนมีเพียงประเทศฟิลิปปินส์กับประเทศอินโดนีเซีย ส่วนประเทศอื่นๆ ไม่เห็นด้วย
ทำไมประเทศปาปัวนิวกีนีอยากเข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน เพราะไม่อยากโดดเดี่ยว และประเทศปาปัวนิวกีนีถูกประเทศออสเตรเลียรังแก่มาตลอด จึงหวังการปกป้องจากอาเซียน ฉะนั้นประเด็นที่สำคัญของอาเซียนคือ ร่วมกันแล้วแข็งแรง เหมือนต้นข้าว 10 ต้นมัดรวมกัน ดังปรากฏในสัญลักษณ์ของอาเซียน
เมื่อ 45 ปีก่อน ศรีลังกาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยากเข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน เพราะไม่ต้องการอยู่ในกลุ่มประเทศเอเชียใต้และประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แต่อาเซียนไม่สนใจ สาเหตุหนึ่งอาจมาจากกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลศรีลังกากับกลุ่ม “พยัคฆ์ทมิฬไทเกอร์” ซึ่งเป็นปัญหาเชื้อชาติ และอาเซียนไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง
ปัจจุบันอาเซียนมีสมาชิก 10 ประเทศ หากต้องการแข่งขันกับสหภาพยุโรป ซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศ คงต้องเพิ่มจำนวนประเทศสมาชิก ซึ่งเป็นไปได้ว่า จะเพิ่มประเทศติมอร์ตะวันออกเข้ามา
ผมกล้าที่ท้าท้ายว่า ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ประเทศออสเตรเลียกับประเทศนิวซีแลนด์จะเข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ เพราะแนวคิดใหม่ไม่สนใจเรื่องภูมิศาสตร์แล้ว แต่สนใจเรื่องผลประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนั้นความหมายของอาเซียน ไม่ใช่เป็นแค่กลุ่มประเทศในอาเซียอาคเนย์อีกต่อไป
คุณสมบัติของอาเซียน
เพราะฉะนั้น สำหรับการเขียนข่าวที่เกี่ยวกับอาเซียน จำเป็นต้องคิดถึงความหลากและความต้องการในแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน
ฉะนั้นอาเซียนไม่เหมือนสหภาพยุโรปที่เมื่อจะรับสมาชิกประเทศใหม่ จะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้ง ด้านการเมือง ความคิด การบริหารธุรกิจ สังคมอย่างเท่าเทียมกัน ตัวอย่างประเทศตุรกีที่ไม่สามรถเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปได้ ส่วนอาเซียนให้เข้ามาเป็นสมาชิกก่อน แล้วค่อยจัดการที่หลัง
ประเทศอินโดนีเซียเป็นชาติมุสลิมที่ใหญ่ที่สุด ส่วนประเทศไทย พม่าและลาว เป็นประเทศพุทธศาสนา และฟิลิปปินส์ เป็นคริสเตียน โดยไม่มีการแทรกแซงทางการเมือง ไม่ใช้กำลังต่อกันและใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาอาเซียน
ผมคิดว่าอีก 10 – 20 ปีข้างหน้า ภาษาอินโดนีเซียจะเป็นภาษาของอาเซียน เพราะเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีบารมี โดยเฉพาะหลังจากปี ค.ศ.1998 หลายประเทศให้การยอมรับ
ส่วนประเทศไทยเคยมีบารมีสูงมากในปี ค.ศ.1995 เนื่องจากมีนโยบายส่งเสริมประชาธิปไตยและนโยบายสิทธิมนุษยชน ตอนนี้ประเทศไทยตกกระป๋องไปแล้ว และจะตกกระป๋องไปอีกนาน
‘พม่า’น่าจับตาในอาเซียน
ส่วนประเทศไทยลืมไปเลย ไม่ใครสนใจ เพราะมัวห่วงว่าอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับประเทศหรือไม่ ปัญหานี้อีก 3 ปีก็ไม่จบ แต่ประเทศไทยจบ
65 ปีหลังสงครามโลก ประเทศไทยได้รับสิทธิพิเศษในโลกเสรี ในฐานะที่มีการพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ไม่ขาดตอน แต่รัฐบาลไม่มีนโยบายต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้ประเทศในอาเซียนต่างยืนเรียงหน้าเพื่อแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยแม้ได้สิทธิล่วงหน้ามา 65 ปีแล้ว แต่การพัฒนาก็ไปไม่ถึงไหน
‘ไม่แทรกแซง’ ความหมายที่เปลี่ยนได้
การตีความหมายของการไม่แทรกแซงทางการเมืองภายในสมาชิกอาเซียนได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เป็นเทคนิคหนึ่งที่อาเซียนชอบใช้ คือตีความความหมายเข้าข้างตัวเอง เหมือนประเทศญี่ปุ่นที่ตีความหมายเข้าข้างตัวเองว่า แม้รัฐธรรมนูญห้ามใช้กำลัง แต่ถ้าส่งกำลังไปช่วยส่งเสริมการรักษาสันติภาพในประเทศอื่นๆทำได้
หลักการไม่แทรกแซงนั้น ไม่ใช่ลักษณะที่ตัวแข็งไม่เปลี่ยนแปลง แต่อยู่ที่การตีความหมาย
อ่านกฎบัตรอาเซียน