Quantcast
Channel: ประชาไท
Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

เกษตรกร-เอ็นจีโอ เดินหน้าฟ้อง “ศาลปกครอง” ร้องเลิก “คดีโลกร้อน”

$
0
0

เครือข่ายชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากคดีโลกร้อนเหนือ-ใต้-อีสาน รวมตัวฟ้อง “กรมอุทยานฯ-ป่าไม้” ต่อศาลปกครอง ร้องเพิกถอนการใช้แบบจำลอง ชี้ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ คิดค่าเสียหายเกินกว่า กม.ให้อำนาจ

 
 
ภาพโดย: ฮาริ บัณฑิตา
 
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันนี้ (28 พ.ค.) ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ตัวแทนเครือข่ายชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการนำแบบจำลองการคิดค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อม (คดีโลกร้อน) มาบังคับใช้ดำเนินคดีแพ่ง 23 องค์กร กว่า 100 คน เข้ายื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาเพิกถอนคำสั่งให้บังคับใช้แบบจำลองค่าเสียหายโลกร้อน พร้อมให้ผู้ถูกฟ้องร้องคดีทั้งสองดำเนินการปรับปรุงแก้ไขแบบจำลองดังกล่าวให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ อีกทั้งจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนนำแบบจำลองใหม่มาบังคับใช้
 
การยื่นคำร้องครั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่าการคิดคำนวณค่าเสียหายโดยใช้แบบจำลองฯ เป็นการคิดค่าเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติเกินกว่าที่กฎหมายให้อำนาจ ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่สอดคล้องความเป็นจริง มีข้อผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรงหลายประการ รวมทั้งการใช้แบบจำลองไปเรียกค่าเสียหาย เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 66 และ 67 ที่บัญญัติรับรองคุ้มครองในเรื่องสิทธิชุมชนของประชาชนเอาไว้
 
นายบุญ แซ่จุ่ง ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด กล่าวว่า ความคิดเห็นต่อแบบจำลองเพื่อคิดค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมจากนักวิชาการอิสระด้านวิทยาศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ 16 คน ระบุว่ารายงานวิจัยดังกล่าวยังไม่เคยผ่านการตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการจากนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง คุณภาพของงานวิจัยอยู่ในระดับไม่น่าพอใจ รายงานวิจัยยังไม่เหมาะสมมีข้อต้องปรับปรุงหลายประการ และนักวิชาการเกือบทั้งหมดสรุปว่าผลการประเมินโดยรวมแล้วผลงานวิจัยอยู่ในเกณฑ์ไม่ดี
 
ทั้งนี้ องค์กรภาคประชาชนที่เข้ายื่นเรื่อง อาทิ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด จ.ตรัง พัทลุง และประจวบคีรีขันธ์ เครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ลุ่มน้ำเซิน จ.ชัยภูมิ เครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าภูผาแดง จ.เพชรบูรณ์ องค์กรชุมชนบ้านพรสวรรค์ จ.เชียงใหม่ มูลนิธิอันดามัน ฯลฯ
 
จากนั้น เวลา 13.30 น. เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด และเครือข่ายชาวบ้านได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้ายื่นหนังสือถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อติดตามนโยบายการแก้ไขปัญหาคดีความโลกร้อนของรัฐบาล ที่ได้แถลงไว้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2555 พร้อมเรียกร้องให้เร่งรัดให้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และสานต่อนโยบายโฉนดชุมชน
 
หลังจากมีการเข้าพบและเจรจากับนายยงยุทธ ผู้ชุมนุมได้แยกย้ายเดินทางกลับเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.
 
ทั้งนี้ นโยบายในข้อ 5.4 ระบุว่า รัฐบาลจะสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ การปฏิรูปการจัดการที่ดินจะเกิดขึ้นได้จะต้องทำให้เกิดการกระจายสิทธิในที่ดินอย่างยั่งยืน แนวทางสำคัญคือจะใช้มาตรการทางภาษีและจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แก่คนจนและเกษตรกรรายย่อย จะผลักดันกฎหมายในการรับรองสิทธิของชุมชนในการจัดการทรัพยากร ที่ดิน น้ำ ป่าไม้ และทะเล จะทำให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินคดีโลกร้อนกับคนจน
 
สำหรับการฟ้องดำเนินคดีแพ่งโดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้ ใช้มาตรา 97 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เป็นฐานในการฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และนำหนังสือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ ทส.0911.2/2181 ลงวันที่ 6 ก.พ.47 ที่กำหนดแบบจำลองทางคณิตศาสตร์สำหรับประเมินค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมมาเป็นหลักเกณฑ์ในการขอให้ศาลฯ สั่งเรียกค่าเสียหาย
 
รายละเอียดการคิดค่าเสียหายแบ่งเป็น 7 กรณี คือ 1.ค่าการสูญหายของธาตุอาหาร 2.ค่าทำให้ดินไม่ซับน้ำฝน 3.ค่าทำให้น้ำสูญเสียออกไปจากพื้นที่โดยการแผดเผาของรังสีดวงอาทิตย์ 4.ค่าทำให้ดินสูญหาย 5.ค่าทำให้อากาศร้อนมากขึ้น 6.ค่าทำให้ฝนตกน้อยลง 7.มูลค่าความเสียหายโดยตรงจากป่า 3 ชนิด คือ การทำลายป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง รวมเป็นเงินที่ชาวบ้านต้องจ่ายประมาณ 150,000 บาทต่อไร่ต่อปี

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

Viewing all articles
Browse latest Browse all 51020

Trending Articles