การควบคุมการเผยแพร่ความรู้เป็นสิ่งที่อำนาจให้ความสนใจมาช้านาน หลังการปฏิวัติการพิมพ์ในสังคมศักดินายุโรปส่วนใหญ่การจะตีพิมพ์สิ่งใดในรัฐหนึ่งๆ ก็จะต้องผ่านการอนุมัติจากทางราชสำนักก่อนเสมอ ราชสำนักที่ครองอำนาจอยู่จะต้องควบคุมความรู้ (หรือให้ตรงกว่านั้นก็คือความคิดที่อันตราย) ให้ได้ มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้แต่นอนว่าถึงที่สุดราชสำนักยุโรปก็ไม่สามารถทัดทานการเผยแพร่ความคิดใหม่ๆ จากสิ่งพิมพ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทุนนิยมและสภาวะสมัยใหม่ได้และก็ต้องผ่านการปฏิวัติและปฏิรูปกันไป นี่ทำให้สิ่งพิมพ์เป็นอิสระจากราชสำนักแต่มาตกอยู่ใต้การกำกับของทุนนิยมแทน นี่คือยุคที่ราวกับว่าจะมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความรู้ที่เรารู้จักกันในศตวรรษที่ 19 และ 20
แต่ความรู้ที่เผยแพร่ได้อย่างเป็นเสรีในยุคนี้แท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการที่ผู้คนจะสามารถตีพิมพ์อะไรก็ได้ออกมาในท้องตลาดโดยไม่ละเมิดผู้อื่น กล่าวคือเพดานของเสรีภาพของความรู้คือเสรีภาพในการไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น เราจะเห็นได้กว่าเงื่อนไขของเสรีภาพในการเผยแพร่ความรู้ในปัจจุบันถูกผูกติดกับแนวคิดการผูกขาดการเผยแพร่ความรู้ที่เรียกว่า “ลิขสิทธิ์” อันเป็นสิทธิของเจ้าของความรู้ในการจัดการผู้ละเมิดการผูกขาดความรู้และมันก็ดำรงอยู่ได้อย่างราบรื่นตราบที่ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาท้าทายมัน
เสรีภาพในทางพิมพ์ดำรงอยู่ในระบบทุนนิยมคู่กับอุตสาหกรรมการพิมพ์อย่างค่อนข้างราบรื่นในศตวรรษที่ 20 เพราะมันเอื้อหนุนกันและกัน กล่าวคือตราบที่ทุนนิยมยังขูดรีดและหากำไรจากการใช้เสรีภาพของผู้คนได้ทุนนิยมก็จะไม่มีปัญหาอะไรกับเสรีภาพเหล่านั้น อย่างไรก็ดีในศตวรรษที่ 21 ในยุคอินเตอร์เน็ตที่สิ่งพิมพ์สามารถถูกเผยแพร่ได้ด้วยต้นทุนต่ำในแบบดิจิตัล ทุนนิยมก็เริ่มจะไม่สามารถหาผลกำไรจากการใช้เสรีภาพในการเผยแพร่ความรู้อย่างไร้ขีดจำกัดของผู้คนอีกต่อไป และปัญหาจึงบังเกิด
นักอ่านหลายๆ คงเคยได้ยินชื่อเว็บไซต์ www.gigapedia.com หรือที่รู้จักกันในนาม Gigapedia มาบ้างและหลายๆ คนก็คงเคยเข้าไปแวะเวียนในเว็บไซต์นี้มาบ้าง ก่อนที่มันจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น library.nu และปิดตัวลงไปในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012 ที่ผ่านมาในที่สุด ถ้าจะกล่าวแนะนำอย่างสั้นๆ แล้ว เว็บไซต์นี้น่าจะเป็นห้องสมุดออนไลน์ที่คนสามารถดาวน์โหลดหนังสืดได้โดยเสรีที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นมา หรือให้ตรงกว่านั้นมันก็คือแหล่งรวมลิงค์โหลดหนังสือที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา (เพราะทางเว็บไซต์ไม่ได้โฮสต์หนังสือแม้แต่เล่มเดียว) งานส่วนใหญ่ที่เว็บไซต์นำเสนอลิงค์จะเป็นหนังสือวิชาการจากโลกภาษาอังกฤษจากสารพัดสาขาวิชา แต่ลิงค์หนังสือประเภทอื่นๆ ก็ปรากฏในเว็บไซต์เช่นกัน อาทิ วรรณกรรมคลาสสิก นวนิยายร่วมสมัย หนังสือชีวประวัติ หนังสือคู่มือต่างๆ ไปจนถึงนิตยสารปลุกใจเสือป่า และสิ่งที่น่าทึ่งของเว็บไซต์ก็คือปริมาณลิงก์หนังสือที่ทางเว็บไซต์นำเสนออันมีมหาศาลมาก แทบจะเรียกได้ว่านักอ่านแทบทุกคนที่เข้าไปท้าทายความหลากหลายของหนังสือในเว็ปไซต์นี้ด้วยการไปค้นหนังสือแปลกๆ ดูว่าจะเจอหรือไม่ก็มักจะไปจบกับการติดพันนั่งโหลดหนังสือจากทางเว็บไซต์เป็นเวลาหลายชั่วโมง ก่อนที่จะไปแนะนำเพื่อนนักอ่านคนอื่นๆ ให้เข้าไปใช้เว็บไซต์นี้อีกทอดหนึ่ง
ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า Gigapedia ได้ปรากฏขึ้นในโลกออนไลน์เมื่อใด แต่มันก็น่าจะปรากฏมาอย่างต่ำๆ ตั้งแต่ราวๆ กลางปี 2009 แล้ว [1] ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นที่อยู่มาเป็น ebooksclub.org และมาจบลงที่ library.nu ไม่มีการประเมินชัดเจนว่าในช่วงเวลาที่ทางเว็บปิดตัวลงทางเว็บมีลิงค์ไปสู่หนังสือทั้งหมดที่เล่ม แต่เบื้องต้นแล้วก็มีรายงานมาว่าทางเว็บน่าจะมีหนังสืออยู่ทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 400,000 เล่ม
การที่เว็บปิดตัวลงไปเฉยๆ ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์สร้างความประหลาดใจให้กับนักโหลดหนังสือบรรดาขาประจำของเว็บจากทั่วโลกมาก เท่าที่ผู้เขียนได้ยินก็มีความเชื่อต่างๆ นาๆ ว่าทางเว็บน่าจะถูกปิดโดยสหรัฐและการปิดนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับกฎหมาย SOPA และ PIPA ที่ผ่านสภาคองเกรสมา [2] ข้อเท็จจริงคือ ทางเว็บได้ปิดตัวลงไปเอง ภายหลังจากที่ทางเจ้าของเว็บไซต์ที่อยู่ในไอร์แลนด์ได้รับหมายฟ้องจากทางศาลเยอรมัน
การฟ้องเป็นผลผลิตของการสืบสวนกว่า 7 เดือนโดยสำนักพิมพ์ 17 สำนักพิมพ์ทั้งฝั่งยุโรปและอเมริการ่วมกันฟ้อง Library.nu และเว็บฝากไฟล์ ifile.it (โปรดอ่านต่อไป) โดยการฟ้องเกิดขึ้นในเยอรมันผ่านสำนักกฎหมายในเยอรมัน [3] กระบวนการสืบสวนกินเวลานานมากเพราะในตอนแรกทางฝั่งสำนักพิมพ์ได้พยายามหาที่ตั้งของเว็บ Library.nu แต่ในที่สุดก็พบว่าเว็บนี้ได้รับการโฮสต์ในยูเครน แต่ชื่อเว็บกลับได้รับการจดทะเบียนบนเกาะเล็กๆ ในแปซิฟิกนามว่าเกาะนูเว (Niue) การสืบสวนหาเจ้าของเว็บ Library.nu ยังไม่จบลงง่ายๆ แบบนี้ เพราะทางฝั่งสำนักพิมพ์ได้เห็นว่าหนังสือทุกเล่มใน library.nu นั้นได้รับการโฮสต์ที่เว็บ ifile.it [4] และจากการสืบสวนเบื้องต้นก็พบว่า ifile.it เป็นเว็บที่โฮสต์ในไอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศเดียวกับที่ทางสำนักพิมพ์ได้สืบมาว่าเป็นต้นสังกัดของ library.nu ทางสำนักพิมพ์จึงได้ว่าจ้างนักสืบอิสระในไอร์แลนด์ให้ทำการสืบสวนต่อทันทีถึงเจ้าของเว็บ ทางนักสืบในไอร์แลน์ก็สืบสวนไปจนได้รายชื่อของเจ้าของเว็บ ifile.it มาและพบว่าที่อยู่ของทั้ง library.nu และ ifile.it ล้วนอยู่ใกล้ๆ กันในเมืองกาลเวย์ อย่างไรก็ดี นักสืบก็ยังไม่สามารถหาความเชื่อมโยงกันของ library.nu และ ifile.it ที่จะใช้เป็นหลักฐานได้
จุดสิ้นสุดของการสืบสวนอยู่ตรงทางฝ่ายสำนักพิมพ์พบว่าการจ่ายเงินบริจาคให้กับเว็บไซต์ library.nu ทาง Paypal จะมีใบเสร็จระบุชื่อผู้รับเงินมาด้วย และก็ปรากฏว่าผู้รับเงินการบริจาคของ library.nu เป็นคนเดียวกับเจ้าของและผู้อำนวยการของ ifile.it นี่ทำให้หลักฐานในการฟ้องครบถ้วนและสำนักพิมพ์ทั้งหมด 17 สำนักพิมพ์ก็ร่วมกันฟ้องเจ้าของเว็บ library.nu และ ifile.it พร้อมๆ กันในการละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือของสำนักพิมพ์ โดยสำนักพิมพ์หนึ่งก็ฟ้องการละเมิดหนังสือของตน 10 เล่ม ซึ่งโทษของการมีลิงค์ที่นำไปสู่ไฟล์หนังสือละเมิดลิขสิทธิ์หนึ่งเล่มนั้นก็เป็นค่าปรับจำนวน 250,000 ยูโรและโทษจำคุก 6 เดือน ต่อ 1 เล่ม [5] ทำให้ยอดค่าปรับรวมสำหรับการละเมิดทั้งหมดสูงกว่า 170 ล้านยูโร และเมื่อหมายศาลจากเยอรมันส่งไปถึงไอร์แลนด์ ตำนานของห้องสมุดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดก็ปิดฉากลงด้วยน้ำมือของเจ้าของห้องสมุดแห่งนี้เอง ...และก็แทบไม่มีใครได้ยินอะไรจาก Library.nu อีก [6]
มีการกล่าวว่าผู้ที่เดือดร้อนจากการปิดตัวของ Library.nu จากทั่วโลกในระดับที่กล่าวว่าคนเหล่านี้คือ “99 เปอร์เซ็น” [7] (แน่นอนว่าเป็นการกล่าวเพื่อล้อกับขบวนการ Occupy) คนเหล่านี้คือบรรดาชนชั้นกลางในโลกที่รักการเรียนรู้และไม่มีเงินมากนัก พวกเขาอาจเป็นตั้งแต่นักวิชาการโลกที่สามไปจนถึงนักศึกษาและผู้ต้องการพัฒนาความรู้ของตนเองในโลกที่หนึ่ง อย่างไรก็ดีไม่ว่าพวกเขาจะไม่พอใจแค่ไหนพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก อย่างน้อยๆ ที่สุดกระแส “อคาเดมิคสปริง” ที่นักวิชาการพร้อมใจกันต่อต้านการขูดรีดของพวกสำนักพิมพ์ก็ดูจะไม่ได้เชื่อมโยงกับบรรดาผู้ไม่พอใจในการปิด Library.nu มากนัก แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหมือนปฐมบทของสงครามลิขสิทธิ์ล่าสุดของโลกหนังสือที่คงจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ในยุคที่ทั้ง e-books และ e-readers ต่างๆ เริ่มเข้ามาแทนที่หนังสือเล่มแบบดั้งเดิม
อ้างอิง:
- ดู http://vikas-gupta.in/2009/08/10/gigapedia-the-greatest-largest-and-the-best-website-for-downloading-free-e-books/
- ซึ่งจริงๆ กฎหมายทั้งสองฉบับก็ยังไม่ผ่านสภาแต่อย่างใด และก็ถูกแขวนการพิจารณาไว้อย่างไม่มีกำหนดทั้งคู่
- รายชื่อสำนักพิมพ์ที่ร่วมกันฟ้อง (ในข่าวบอกว่า 17 สำนักพิมพ์ แต่ผู้เขียนนับรายชื่อได้เพียง 16)
ได้แก่- Cengage Learning
- Elsevier
- HarperCollins
- John Wiley & Sons
- The McGraw-Hill Companies
- Oxford University Press
- Pearson Education Inc.
- Cambridge University Press
- Georg Thieme
- Hogrefe
- Macmillan
- Pearson Education Ltd
- Springer
- Taylor & Francis
- C.H. Beck
- De Gruyter.
ผู้สนันสนุนการฟ้องก็ได้แก่
- the Nederlands Uitgeversverbond NUV
- Associazione Italiana Editori
- the International Association of Scientific Technical and Medical Publishers (STM)
ผู้ประสานงานการฟ้องได้แก่
- Börsenverein des Deutschen Buchhandels
- 2. the International Publishers Association
ส่วนสำนักกฎหมายที่รับทำคดีมีนามว่า Lausen Rechtsanwälte ข้อมูลทั้งหมดจาก http://www.publishers.org/press/59/
- จริงๆ หนังสือใน library.nu ก็ได้รับการฝากไฟล์ไว้ในเว็บฝากไฟล์ชื่อดังอย่าง Mediafire, Megaupload และเว็บอื่นๆ ด้วย แต่เว็บเพียงเว็บเดียวที่หนังสือทุกเล่มต้องได้รับการฝากไว้คือ ifile.it
- ดู http://www.huffingtonpost.com/2012/02/15/librarynu-book-downloading-injunction_n_1280383.html
- ณ ปัจจุบันทางเว็บเพียงแจ้งว่าข้อมูลทั้งหมดได้ถูกลบไปแล้ว และ library.nu เก่าก็จบสิ้นไปแล้ว นอกจากนี้ขอให้ช่วยซื้อหนังสือผ่านทางเว็บเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทางกฏหมายมหาศาลของทางเว็บ ดู http://library.nu/lnu.html
- ดู http://www.aljazeera.com/indepth/opinion/2012/02/2012227143813304790.html