จากกรณีที่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เรียกนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเจ๊ และมีอาการแต๋วแตก ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ (จากเหตุการณ์ประท้วงประธานสภาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา แล้วก็ทำท่าและพูดว่าไฮฮิตเลอร์ จนต้องถูกเชิญออกจากห้องประชุมคืนก่อน) และถูกนายบุญยอดโต้ตอบกลับว่าเขาไม่ได้เป็น สามารถพิสูจน์ได้ แต่ที่พรรคเพื่อไทยนั่นต่างหากที่มีคนเป็นมากกว่า นั้นแสดงถึงอาการโฮโมโฟเบียของ ส.ส.ทั้งสองคนเป็นอย่างดี
อาการโฮโมเบียคืออะไร โฮโมโฟเบีย (Homophobia) หมายถึงความรู้สึกเกลียดกลัวต่อคนหลากหลายทางเพศที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล (หรืออาจจะมีเหตุผลแอบแฝงอยู่ลึกๆ ที่เราพยายามปฏิเสธมัน)
และหมายรวมไปถึงการดูถูกเหยียดหยาม หรือใช้คำเรียกแบบสลับเพศ เช่นกรณีที่จ่าประสิทธิเรียกนายบุญยอดว่าเจ๊ ตามความเชื่อความคิดของคนทั่วไปที่เคยชินกับระบบสองเพศ ที่คิดว่าหากผู้ชายคนหนึ่งชอบผู้ชายอีกคน เขาจะต้องอยากจะเป็นผู้หญิง หรือเจ๊ อย่างที่จ่าประสิทธิ์เข้าใจ ซึ่งไม่ใช่ เพราะผู้ชายสามารถรักใคร่ผู้ชายด้วยกันได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกว่าเป็นเพศหญิง
ในเวทีไฮปาร์กทางการเมืองก็เช่นกัน ภาพผู้นำคนสำคัญของพรรคการเมือง จะถูกพรรคฝ่ายตรงกันข้ามนำมาตกแต่งให้เป็นตุ๊ดแต๋วกะเทยในลักษณะที่น่ารังเกียจพร้อมกับคำอธิบายภาพในแบบหยาบคาย แสดงความถ่อยเถื่อนกันอย่างโจ่งแจ้งตามระดับความเข้มข้นของอาการโฮโมโฟเบียในแต่ละบุคคล
ขณะเดียวกันนั้น โฮโมโฟเบียก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับกลุ่มคนรักต่างเพศเช่นจ่าประสิทธิเท่านั้น
ในกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ หญิงรักหญิง ชายรักชาย กะเทย คนข้ามเพศ คนรักสองเพศ ก็อาจเป็นโฮโมโฟเบียได้เช่นกัน เรียกว่าโฮโมโฟเบียภายใน (Internalized Homophobia) ที่เกิดจากทัศนคติด้านลบที่สังคมมีต่อคนเหล่านี้ ทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบจากทัศนคติของสังคม นำมาสู่ความรู้สึกรังเกียจต่อตัวเองอยู่ลึกๆ อาจโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
เช่นไม่ยอมรับว่าตัวเองรักเพศเดียวกัน หรือไม่กล้าที่จะเปิดเผย บอกว่าตัวเองเป็นคนรักเพศเดียวกันเป็นต้น
กรณีที่นายบุญยอดปฎิเสธว่าเขาไม่ใช่แต๋ว พร้อมที่จะให้พิสูจน์ ก็เช่นกัน แถมยังบอกว่าที่พรรคเพื่อไทยมีคนเป็นคนหลากหลายทางเพศมากกว่าอีก ก็เป็นโฮโมโฟเบียเช่นกัน และเป็นอาการที่พบได้โดยทั่วไปในสังคมไทย ไม่ใช่เพียงแต่ในรัฐสภาเท่านั้น
เพียงแต่การที่ประเด็นตุ๊ดแต๋ว กะเทย ทอมดี้เกิดขึ้นในรัฐสภาไทยนั้น มันสามารถบอกได้ว่าเรื่องเพศสภาวะของมนุษย์ที่แตกต่างจากความเคยชินของสังคมไทย (จริงๆ ก็น่าจะชินนะ เพราะกะเทยคืออัตลักษณ์อันโบราณนานมาของไทยเรา) สามารถใช้เป็นอาวุธทำลายล้างกันทางการเมืองได้ และมันยังสามารถสั่นสะเทือนสถานะทางการเมืองของบุคคลได้ สังคมไทยจึงรับรู้อย่างไม่เป็นทางการมาตลอดว่านายกรัฐมนตรีคนไหนที่เป็นชายรักชาย หรือสส.หญิงคนไหนที่เป็นหญิงรักหญิง
การโต้เถียงเรื่องเพศของ ส.ส.สองคนนี้ จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
ใหญ่ยิ่งกว่าประเด็นที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย แสดงท่าไฮฮิตเลอร์ล้อเลียนประธานสภานั่นเสียอีก!