เปิดค่ายอบรมนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในชายแดนใต้ เริ่มก้าวแรกผลิตนักข่าว 4 ภาษา สร้างนักสื่อสารจากคนพื้นที่ ผลิตสื่อไทย-มลายู
อบรมเข้ม – นักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังฝึกการเขียนข่าว ในค่ายฝึกอบรมข่าว ระหว่างวันที่ 1- 10 เมษายน 2555 ณ บ้านพักตากอากาศ อามาน่าแปซิฟิก ตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ปฏิบัติจริง - นางสาวรุสมี โตะอุง จากโรงเรียนมะอาหัดอิสลามียะห์ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ผู้เข้าอบรมโครงการค่ายอบรมข่าวนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังสัมภาษณ์นายอัดฮา โล๊ะมะ ครูตาดีกาบ้านปูโปร์ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกทำข่าว
ในห้วงของความโกลาหลหลังจากเหตุคาร์บอมบ์ที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า กลางเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และยะลา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 นักข่าวหลายสำนักมุ่งนำเสนอความเสียหายอย่างเจาะลึก พอๆ กับการมุ่งไล่ล่าคนร้ายของเจ้าหน้าที่
ในห้วงนั้น นักข่าวทางเลือกกลุ่มหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการจัดค่ายฝึกอบรมการทำข่าวให้กับนักเรียนจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยหวังไกลถึงการผลิตนักข่าว 4 ภาษา และปูทางสู่การก่อตั้งสำนักข่าว 4 ภาษา ที่จะเริ่มต้นด้วยภาษามลายูอักษรยาวีควบคู่กับภาษาไทย
ด้วยพื้นฐานสำคัญที่เป็นข้อได้เปรียบทางการศึกษาของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามหรือ เรียกในชื่อเล่นว่า โรงเรียนปอเนาะ ในพื้นที่ คือมีการสอนทั้ง 4 ภาษา เป็นวิชาพื้นฐาน
ทั้ง 4 ภาษา ได้แก่ ภาษามลายู อันเป็นภาษาหลักของพื้นที่ ที่มีทั้งตัวเขียนที่ใช้อักษรโรมันและอักษรยาวี ภาษาไทย คือภาษาราชการของไทยที่ใช้ในการเรียนการสอนในหลักสูตรสามัญทั่วไป ส่วนภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันทั่วโลก และภาษาอาหรับ เป็นภาษาพื้นฐานสำคัญของอิสลามศึกษา
ค่ายฝึกอบรมข่าวนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเตรียมคนให้พร้อมก่อนก่อตั้งสำนักข่าว เสมือนหนึ่งการเฟ้นหาเด็กที่สนใจในการฝึกทักษะและเห็นความสำคัญของการสื่อสารในรูปของการนำเสนอข่าว ก่อนนำไปฝึกทักษะอย่างจริงจังต่อไปในอนาคต
เป็นค่ายอบรมที่ดำเนินการโดยโรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ซึ่งอยู่ภายใต้ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมในภาคใต้ของประเทศไทย (STEP Project) โดยมีนายมูฮำหมัด ดือราแม ผู้สื่อข่าวประชาไท และผู้ช่วยบรรณาธิการโรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ เป็นหัวหน้าโครงการ
ค่ายอบรมซึ่งจัดขึ้นที่บ้านพักตากอากาศ อามาน่าแปซิฟิก 302 หมู่ที่ 1 ตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา มีทีมงานหลักๆ มาจากกลุ่มบูหงารายา กลุ่มซีเระปีแน และวิทยาลัยประชาชน ซึ่งเป็นกลุ่มภาคประชาสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น นายลุกมาน มะ นายแซมซู แยะแยง
มุ่งสู่รากหญ้าพัฒนาคนพื้นที่
ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แบ่งกรอบการทำงานตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว ออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับบน (Track 1) คือ การทำงานกับรัฐ ขบวนการ คู่ขัดแย้ง ระดับกลาง (Track 2) คือ องค์กรภาคประชาสังคม และ (Track 3) คือ ระดับรากหญ้า หรือระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
แนวคิดหลักๆ ของค่ายฝึกอบรมข่าว คือ มุ่งพัฒนาศักยภาพการสื่อสารให้คนชายแดนภาคใต้ ผ่านการฝึกทำข่าวทั้งภาษาไทยและภาษามลายูอักษรยาวี โดยมีช่องทางการเผยแพร่ 2 ทาง ทางแรกสำหรับข่าวภาษาไทย คือ ผ่านเว็บไซด์ต่างๆ ส่วนข่าวภาษามลายูอักษรยาวี คือนำไปผลิตจดหมายข่าวแจกจ่ายไปตามที่ต่างๆ ในพื้นที่
แน่นอนว่า เป้าหมายของผู้เข้าค่ายอบรมในโครงการนี้ จึงต้องเป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะที่เป็นทั้งผู้เรียน ผู้ใช้ ผู้เขียน และผู้อ่านทั้งภาษาไทย และภาษามลายู รวมถึงภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับ อันเป็นเป้าหมายต่อไปในการพัฒนาทักษะการเขียนข่าวตามลำดับ
ในการคัดเลือกโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ให้ส่งนักเรียนเข้าร่วมนั้น เกิดจากแนวคิดในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้โรงเรียนเป็นผู้คัดเลือกนักเรียนเอง โดยกำหนดคุณสมบัติคร่าวๆ ของนักเรียน คือความสนใจในการพัฒนาทักษะการสื่อสาร และมีความสามารถด้านภาษามลายูอักษรยาวี
โดยกำหนดจำนวนผู้เข้าอบรมรวม 20 คน ระยะเวลาอบรม 10 วัน แบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 10 คน และกำหนดโรงเรียนเป้าหมาย 10 โรงเรียน โรงเรียนละ 2 คน
ทีมงานได้กำหนดโรงเรียนเป้าหมาย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งในพื้นที่ และโรงเรียนที่มีอุสตาซ หรือครูสอนศาสนาที่เคยเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ภาษามลายู ชื่อ FAJAR เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายโครงการแก่ผู้บริหารโรงเรียน เนื่องจากมีความเข้าใจในการทำข่าวเป็นอย่างดี
เปิดชื่อโรงเรียนเป้าหมาย
โรงเรียนนะห์ฏอตุลสูบาน (ปอเนาะปือดอ) โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา (ปอเนาะเจาะไอร้อง) จังหวัดนราธิวาส โรงเรียนดารุลมะอาเรฟ (มัจลิสปัตตานี) โรงเรียนดรุนศาสน์(ปอเนาะชอแม) โรงเรียนมูฮำมาดียะห์ จังหวัดปัตตานี และศูนย์ประสานงานโรงเรียนตาดีกาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทว่า ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงโรงเรียนเป้าหมายบางส่วน เนื่องจากความไม่สะดวกของอุสตาซ รวมทั้งตัวนักเรียนที่จะเข้าอบรม
สำหรับค่ายอบรมข่าวรุ่นที่ 1 ผ่านไปแล้ว ระหว่างวันที่ 1 – 10 เมษายน 2555 โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วม 9 คน จากโรงเรียนเจริญวิทยานุสรณ์ (ปอเนาะลูโบะสาวอ) อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส โรงเรียนนะห์ฏอตุลสูบาน (ปอเนาะปือดอ) อำเภอรือเสาะ จังหวดนราธิวาส โรงเรียนประทีปวิทยา (ปอเนาะชายา) อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส โรงเรียนสุทธิศาสน์วิทยา (ปอเนาะบ้านแหร) อำเภอธารโต จังหวัดยะลา โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ (ปอเนาะฮายีฮารูน) อำเภอเมือง จังหวัดยะลา และโรงเรียนมะฮัดอัลอิสลามียะห์ (ปอเนาะบาลอ) อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
ผลงานข่าวของนักเรียนรุ่นนี้ ได้ถูกนำไปเผยแพร่แล้วตามเว็บไซด์ข่าวต่างๆ แล้ว
ส่วนรุ่นที่ 2 ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ระหว่างวันที่ 21 – 30 เมษายน 2555 มีนักเรียนจาก 4 โรงเรียน และ 2 สถาบัน ที่เข้าร่วม ได้แก่ โรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม (ปอเนาะพ่อมิ่ง) อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี โรงเรียนบากงพิทยา (ปอเนาะตาฆู) อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โรงเรียนอัครศาสน์ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส โรงเรียนประทีปวิทยา (ปอเนาะชายา) อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส วิทยาลัยอิสลามเซคดาวุด และศูนย์ประสานงานตาดีกาจังหวัดนราธิวาส (pusaka)
นักเรียนที่ที่เข้าร่วมส่วนใหญ่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว แต่กำลังศึกษาในสายศาสนาอย่างเดียวเพื่อให้เรียนจบชั้น 10 ก่อนจะไปศึกษาต่อในระดับสูงต่อไป บางคนกำลังศึกษาชั้นมัธยมปลายควบคู่กับการเรียนในสายศาสนา
เนื้อหาเข้มฝึกปฏิบัติจริง
ส่วนที่ 2 คือการบรรยายเกี่ยวกับความสำคัญของภาษามลายูอักษรยาวี รวมทั้งประสบการณ์ในการผลิตสื่อภาษามลายูอักษรยาวี โดยวิทยากรซึ่งเป็นอดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาษามลายูอักษรยาวี ได้แก่ นายอับดุลรอมาน หะยีหะสา และนายอุสมาน โตะตาหยง
พร้อมกันนั้น วิทยากรทั้ง 2 คน ได้จัดทำแบบทดสอบความสามารถด้านภาษามลายูของผู้เข้าอบรมแบบง่ายๆ ซึ่งสำหรับรุ่นที่ 1 แล้ว นายอับดุรอมาน ยืนยันว่า ทุกคนสามารถเขียนข่าวภาษามลายูได้
นอกจากนี้ ยังมีวิทยากรคนอื่นๆ ที่มาร่วมให้ความรู้ด้วย เริ่มจากนายมูฮำมัดอายุบ ปาทาน บรรณาธิการอาวุโส ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ บรรยายหัวข้อ “ข่าวอะไรคนชายแดนใต้สนใจ”โดยมีการสอดแทรกเรื่องความจำเป็นที่ต้องมีนักข่าวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนการบรรยายของนายสมัชชา นิลปัทม์ อาจารย์คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี เป็นเรื่องของ “ช่องทางการสื่อสาร” เพื่อให้ผู้เข้าอบรมทราบว่า มีช่องทางใดบ้างที่สามารถนำเสนอข่าว รวมทั้งยังแนะนำสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่เปิดสอนเกี่ยวกับสื่อมวลชน
การฝึกอบรมส่วนที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการฝึกอบรม ซึ่งเป็นหัวใจของการทำข่าว คือ การประชุมข่าว โดยให้ผู้เข้าอบรมนำเสนอประเด็นที่ตัวเองจะทำข่าว ซึ่งเป็นข่าวที่เกิดขึ้นในชุมชนหมู่บ้านของตัวเอง ในประเด็นง่าย ไม่ซับซ้อนมากนัก
จากนั้นได้ส่งนักเรียนลงพื้นที่ทำข่าวจริงๆ โดยการติดตามของพี่เลี้ยง เป็นเวลา 2 วัน ในช่วงวันที่ 6 – 7 ของการอบรม โดยผู้เข้าอบรมต้องไปหาข้อมูลและสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในช่วงการประชุมข่าว จากนั้นพี่เลี้ยงจะเดินทางไปรับนักเรียนถึงบ้าน
กระบวนการหลังจากนั้นคือการตรวจการบ้าน เริ่มจากตรวจดูว่าข่าวที่ได้ ครบองค์ประกอบพื้นฐานของข่าวหรือไม่ คือ 5W1H หากยังไม่ครบผู้เข้าอบรมต้องโทรศัพท์สัมภาษณ์เพิ่มเติม จนได้ข้อมูลครบ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการตรวจวิธีการเขียน หรือการรีไรต์ จนกระทั่งได้ข่าวของแต่ละคน
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเพิ่มเติม คือการฝึกถ่ายภาพ โดยให้ผู้เข้าอบรมลงพื้นที่ถ่ายภาพในพื้นที่ชุมชนใกล้ๆ กับสถานที่อบรม จากนั้นให้แต่ละคนเลือกมา 1 รูปเพื่อให้วิทยากรซึ่งเป็นช่างภาพมืออาชีพ คือ นายอิบรอเฮม มาโซะ จากเครือข่ายช่างภาพชายแดนใต้ และกลุ่มบินตัง โฟโต้ วิจารณ์ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถแยกแยะได้ว่า ภาพประเภทใดเป็นภาพข่าว เป็นต้น
ก้าวต่อไปผลิตสื่อ 2 ภาษา
นอกจากนั้น ยังกำหนดให้แผนที่จะให้ผู้เข้าอบรมได้นัดหมายพบปะเพื่อประชุมข่าวเดือนละ 1 ครั้ง ในรูปของการประชุมข่าวสัญจรไปตามโรงเรียนหรือชุมชนต่างๆ ของผู้เข้าอบรม เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้นำเสนอประเด็นข่าวที่จะทำต่อไป เพื่อเป็นการต่อยอดหลักการเข้าค่ายฝึกอบรมข่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะการทำข่าวเป็นเวลา 1 ปี ตามแผนที่กำหนดไว้
ส่วนภารกิจต่อไป คือ เส้นทางสู่เป้าหมายในการผลิตนักข่าว 4 ภาษา ซึ่งยังเป็นโจทย์ที่ต้องคบคิดต่อไป สำหรับการพัฒนาศักยภาพบุคคลต้นทุนกลุ่มนี้ รวมทั้งกลุ่มใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต
วันนี้ แม้ความไม่สงบที่ยังไม่มีทีท่าจะยุติลง ภารกิจของนักข่าวก็ต้องมีต่อไป เช่นเดียวกับการสร้างนักข่าวรุ่นใหม่ในชายแดนใต้ ยิ่งพื้นที่ที่แตกต่างจากสังคมใหญ่ของประเทศ ก็ยิ่งต้องสร้างนักสื่อสารที่มีคุณภาพจากคนในพื้นที่ ซึ่งก้าวแรกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
อ่านข่าวผู้เข้าอบรมรุ่นที่ 1
http://www.deepsouthwatch.org/dsj/3114#en
http://www.deepsouthwatch.org/dsj/3118#en
http://www.deepsouthwatch.org/dsj/3133#en
http://www.deepsouthwatch.org/dsj/3121#en
http://www.deepsouthwatch.org/dsj/3122#en
http://www.deepsouthwatch.org/dsj/3125#en
http://www.deepsouthwatch.org/dsj/3135#en
http://www.deepsouthwatch.org/dsj/3141#en