ลั่นเดินหน้าล่ารายชื่อ 10,000 รายชื่อเสนอกฎหมายจำกัดเขื่อน พร้อมตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนในเวทีสัมมนาทั่วประเทศให้ได้ 13,820 คนเพื่อฟ้องเพิกถอนโครงการเขื่อนแม่วงก์
21 เม.ย. 55 - นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ในโอกาสที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จะได้นำทีมทนายความด้านสิ่งแวดล้อมออกไปจัดเวทีสัมมนาเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายป่าไม้ กฎหมายอุทยาน กฎหมายสิ่งแวดล้อม และกฎหมายที่ดินกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ และจะมีการตั้งโต๊ะรับมอบอำนาจจากประชาชนทั่วประเทศ ให้ได้ 13,280 ใบมอบอำนาจเพื่อร่วมฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีและโครงการเขื่อนแม่วงก์ของกรมชลประทานด้วย ตามที่แถลงการณ์ไปแล้วนั้น
ในโอกาสการจัดสัมมนาแต่ละเวทีดังกล่าว สมาคมฯจักได้เสนอ “(ร่าง) พระราชบัญญัติจำกัดการสร้างเขื่อน พ.ศ...” ให้ประชาชนร่วมลงชื่อด้วย ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 163 ซึ่งกำหนดในเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้โดยให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ การให้ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมายดังกล่าว เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของประชาชนที่ไม่ต้องการให้มีการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ในร่างกฎหมายดังกล่าว ได้บัญญัติความหมายของคำว่า “เขื่อน” ไว้คือ โครงการหรือกิจกรรมที่มีลักษณะคล้ายกันที่กรมชลประทานและหรือหน่วยงานอื่นในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายกันหรือที่เกี่ยวข้องจัดทำขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำ หรือใช้กักเก็บ รักษา ควบคุม ระบายหรือแบ่งน้ำ เพื่อเกษตรกรรม การพลังงาน หรือสาธารณูปโภค และหมายความรวมถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำ กับรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าว
โดยในเนื้อหาของร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว กำหนดห้ามหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรอื่นใดของรัฐและหรือเอกชน เสนอหรือดำเนินโครงการหรือกิจกรรมการก่อสร้างเขื่อนที่มีขนาดความจุของน้ำเกินกว่า 50 ล้านลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ห้ามก่อสร้างเขื่อนในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ หรือพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ พื้นที่อนุรักษ์ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตามกฎหมายเพื่อการนั้น และการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมการสร้างเขื่อนทุกประเภทจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก่อนดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ และต้องเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจโครงการหรือกิจกรรมทุกขั้นตอน และให้องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพให้ความเห็นก่อนดำเนินการด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
โดย สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน (ร่าง) พระราชบัญญัติจำกัดการสร้างเขื่อน พ.ศ... .............................. ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ เดือน พ.ศ. ๒๕.... เป็นปีที่ ....... ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และเป็นการคุ้มครองสิทธิของชุมชนและบุคคลตามมาตรา ๖๖ มาตรา ๖๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติจำกัดการสร้างเขื่อน พ.ศ…..” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “เขื่อน” หมายความว่า โครงการหรือกิจกรรมที่มีลักษณะคล้ายกันที่กรมชลประทานและหรือหน่วยงานอื่นในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายกันหรือที่เกี่ยวข้องจัดทำขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำ หรือใช้กักเก็บ รักษา ควบคุม ระบายหรือแบ่งน้ำ เพื่อเกษตรกรรม การพลังงาน หรือสาธารณูปโภค และหมายความรวมถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำ กับรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าวด้วย “ผู้มีส่วนได้เสีย” หมายความว่า ผู้ที่อาจได้รับประโยชน์หรือผลกระทบหรือเดือดร้อนทั้งทางตรงและทางอ้อมจากโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับเขื่อน ทั้งโดยรอบพื้นที่และขอกเขตพื้นที่ มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๖ ห้ามหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรอื่นใดของรัฐและหรือเอกชน เสนอหรือดำเนินโครงการหรือกิจกรรมการก่อสร้างเขื่อนที่มีขนาดความจุของน้ำเกินกว่า ๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตรขึ้นไป มาตรา ๗ ห้ามก่อสร้างเขื่อนในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ หรือพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ พื้นที่อนุรักษ์ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตามกฎหมายเพื่อการนั้น มาตรา ๘ การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมการสร้างเขื่อนทุกประเภทจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก่อนดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ และต้องเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจโครงการหรือกิจกรรมทุกขั้นตอน และให้องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพให้ความเห็นก่อนดำเนินการด้วย
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายกรัฐมนตรี
|
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ โดยที่ปัจจุบันนี้ มีความพยายามใช้ข้ออ้างในการก่อสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อการชลประทาน การเกษตรกรรม และการป้องกันน้ำท่วมหรืออุทกภัยกันมาก และมีการใช้เงินงบประมาณจำนวนที่สูงมาก ไม่เกิดความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่การทำทรายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตชุมชนเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม จึงจำเป็นต้องบัญญัติกฎหมายนี้ขึ้นมาเพื่อจำกัดโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับกาลสมัยที่ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ