ฝ่ายเภสัชกรรม รพ.อุ้มผาง ซึ่งอยู่ชายแดนไทย-พม่า ห่างจาก จ.ตาก 247 กม. จัดระดมทุนผ่านเว็บไซต์ "เทใจ" หวังหยุดวงจรมะเร็งจากน้ำมันทอดซ้ำในพื้นที่ โดยเปลี่ยนเป็นไบโอดีเซลใช้ในงานบริการสาธารณสุขของโรงพยาบาล รวมทั้งเครื่องปั่นไฟเพื่อออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
ที่มาของภาพ: เว็บไซต์เทใจ
8 ก.พ. 2559 - ใน เว็บไซต์เทใจซึ่งเป็นเว็บไซต์ระดมทุนสำหรับทำกิจกรรมทางสังคม รวมไปถึงกิจการเพื่อสังคม มีการประกาศระดมทุนสำหรับโครงการ "เปลี่ยนน้ำมันทอดซ้ำเป็นไบโอดีเซลรถพยาบาล" ดำเนินโครงการโดย ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลอุ้มผาง ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ห่างไกลของ จ.ตาก ใช้เวลาเดินทางถึง 6 ชั่วโมง ทั้งนี้งบประมาณที่ต้องการคือ 50,000 บาท และยอดบริจาคขณะนี้คือ 22,085 บาท โดยนับจากวันนี้ (8 ก.พ.) เหลือเวลาระดมทุนอีก 53 วัน
ทั้งนี้โครงการตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายน้ำมันโรงพยาบาลอุ้มผาง พร้อมหยุดวงจรมะเร็งจากน้ำมันทอดซ้ำในพื้นที่ จ.ตาก โดยระบุถึงที่มาของโครงการว่า
"โรงพยาบาลอุ้มผางดูแลรักษาสุขภาพประชาชนในเขตอำเภออุ้มผาง ซึ่งเป็นอำเภอที่ไกลที่สุดจากอำเภอเมือง ด้วยระยะทาง 247 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง และชุมชนไกลที่สุดเดินทางมายังตัวอำเภอใช้เวลาเกือบ 1 วัน พาหนะส่วนใหญ่ที่ใช้ในการส่งต่อผู้ป่วย ใช้ “น้ำมันดีเซล” เป็นหลัก
แต่ละปีโรงพยาบาลมีภาระค่าใช้จ่ายน้ำมันดีเซลราวปีละกว่า 2 ล้านบาท เพื่อเติม รถพยาบาล รถกระบะ เครื่องปั่นไฟเพื่อออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เผาขยะ เผาศพ ตลอดจนเติมรถอีต๊อก เพื่อส่งต่อผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานบริการสาธารณสุขชุมชน สุขศาลาพระราชทาน และสุขศาลาหมู่บ้านในพื้นที่ทุรกันดาร ให้กับโรงพยาบาลอุ้มผาง ซึ่งนับวันจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เราจึงจำเป็นต้องหาพลังงานอื่นมาทดแทนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล นั่นก็คือ “น้ำมันไบโอดีเซล” ที่ทำมาจาก”น้ำมันพืชและสัตว์ใช้แล้ว”
ทีมงานลงพื้นที่ตลาดพบร้านอาหารที่ใช้น้ำมันเยอะๆ เช่น ปาท่องโก๋ หมู ไก่ ปลา กล้วยแขก ลูกชิ้น ฯลฯ ทอดอาหารซ้ำจนมีสีดำ ข้นเหนียว มีฟอง และอาหารที่ซื้อมามีคราบน้ำมันดำปนเปื้อนและมีกลิ่นหืน สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรงทั้งคุณค่าทางโภชนาการที่ลดลง และยังพบสารก่อมะเร็ง (อะครีลาไมด์/Acrylamide) ที่สูงเกินค่ามาตรฐาน
แถมที่น่ากลัวกว่านั้น คือ มีผู้รับซื้อน้ำมันพืชและสัตว์ทอดซ้ำ เพื่อไปแปรรูปและนำกลับเข้ามาสู่วงจรผู้บริโภคใหม่อีกครั้งดังนั้นเพื่อตัดวงจรน้ำมันทอดซ้ำหยุดมะเร็งร้ายในพื้นที่แล้ว เรายังต้องการเกิดพลังงานสะอาดอย่างไบโอดีเซลเพื่อใช้รับส่งคนไข้ในพื้นที่อีกด้วย
ประโยชน์ของโครงการ :
1. ให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักถึงอันตรายที่ได้รับจากอาหารที่มาจากน้ำมันพืชและสัตว์ที่ใช้แล้ว
2.ป้องกันและลดการเจ็บป่วยตลอดจนค่ารักษาพยาบาลทุกๆด้านจากโรคมะเร็ง และโรคร้ายแรงอย่างอื่น คาดว่าเป็นเงินหลายล้านบาทต่อปี
3.สามารถผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ตลอดโครงการได้ไม่น้อยกว่า 8,200 ลิตร คิดเป็นเงิน 270,000 บาท (ราคาต้นทุนน้ำมันไบโอดีเซล ลิตรละ 17.30 บาท ทำให้ลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันดีเซลรวมต่อปีจากเดิมได้ถึง 12 % นั่นหมายถึงการลดปริมาณน้ำมันพืชและสัตว์ที่ใช้แล้วในพื้นที่ได้อย่างปลอดภัยและเป็นรูปธรรม
4.ผลิตน้ำยาล้างห้องน้ำจากกรีเซอลีน ซึ่งเป็นผลผลิตจากน้ำมันไบโอดีเซล ไม่น้อยกว่า 1,200 ลิตร
5. ลดมลภาวะทางอากาศ ควันพิษ เพราะน้ำมันไบโอดีเซลเป็นพลังงานสะอาด
6.เป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้แก่โรงพยาบาลอื่นและผู้ที่สนใจทั่วไป
7. ก่อให้เกิดความยั่งยืนในด้านพลังงานกับโรงพยาบาล เพราะน้ำมันไบโอดีเซลสามารถทดแทนน้ำมันดีเซลได้ 100% และเป็นพลังงานสะอาด ที่สำคัญมนุษย์สามารถผลิตได้
กิจกรรมที่จะดำเนินโครงการ :
1.จัดทำโครงการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล
2.ประชุมชี้แจงฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง
3.รับซื้อน้ำมันพืชที่ใช้แล้วในราคา ลิตรละ 5 บาท โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ
3.1 ร้านอาหาร บ้านพัก รีสอร์ตในอำเภออุ้มผาง ไม่ให้ใช้น้ำมันทอดอาหารนานเกิน1-8 ชั่วโมง ซ้ำเกิน 3 ครั้ง
3.2 ร้านอาหารในโรงเรียน อำเภออุ้มผางไม่ใช้น้ำมันทอดอาหารนาน 1-8 ชั่วโมง ซ้ำเกิน 3 ครั้ง
3.3 โรงพยาบาลอุ้มผางใน จ.ตาก ไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำเกิน 3 ครั้ง
4.เชิญชวนให้นำน้ำมันพืชและสัตว์ใช้แล้ว มาแลกกับน้ำมันพืชดี โดยรับน้ำมันที่ใช้แล้ว 8 ลิตร แลกน้ำมันดี 1 ขวดลิตร
5.ทำการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลครั้งละ 120 ลิตร ต่อการผลิต 4 วัน ผลิตเดือนละอย่างน้อย 6 ครั้ง
6.ให้ความรู้ด้านสุขศึกษาให้กับ นักเรียน อสม และผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้มารับ
7.บริการตามคลินิกต่างๆ
8.ประชาสัมพันธ์เชิญชวนร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ตเข้าร่วมโครงการ “ไบโอดีเซล ตัดวงจรน้ำมันทอดซ้ำเพื่อหยุดมะเร็งร้าย”
9.จัดทำป้ายโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์โครงการ ติดตามสถานที่ราชการ
10.ประเมินผลครั้งที่ 1 และสรุปปัญหา วางแผนพัฒนาระบบงานต่อไป
สมาชิกภายในทีม :ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลอุ้มผาง