Quantcast
Channel: ประชาไท Prachatai.com
Viewing all 50704 articles
Browse latest View live

กมธ.งบ 58 พิจารณางบเสร็จแล้ว 19 กระทรวงปรับลด 4,100 ล้านบาท

0
0
โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เผยพิจารณางบฯ 19 กระทรวงเสร็จแล้ว ปรับลดลง 4,100 ล้านบาท เหลือส่วนราชการที่ไม่สังกัดกระทรวง

 
29 ส.ค. 2557 พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณของส่วนราชการระดับกระทรวง 19 กระทรวงเสร็จแล้ว ขณะนี้ปรับลดงบประมาณลง 4,100 ล้านบาท โดยกระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปี 2557 อีกร้อยละ 5 ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณที่เพิ่มขึ้นตามแผนพัฒนาและดำรงสภาพของกองทัพ และงบบำเหน็จบำนาญราชการ ขณะที่งบประมาณของกระทรวงมหาดไทย ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมโยธาธิการฯ วันนี้ พิจารณางบประมาณส่วนราชการที่ไม่สังกัดกระทรวง ตั้งเป้าจะให้แล้วเสร็จ
 
ด้านนายกิตติ วะสีนนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดถึงงบประมาณของสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นหน่วยงานที่อยู่ศูนย์กลางบริหาร มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ และมีการพูดถึงข้อห่วงใยในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารจัดการที่ดี ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้ฝากเรื่องธรรมาภิบาลในการจัดสรรงบประมาณ
 
“กองทุนสนับสนุนการวิจัย เป็นหน่วยงานที่ได้รับการชมเชยมากที่สุด โดยเฉพาะกรณีที่ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในการวิจัยโครงการรับจำนำข้าว” นายกิตติ กล่าว
 
นายกิตติ กล่าวว่า ประเด็นที่พูดกันมาก คือ เรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมีการพิจารณางบประมาณของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทย จึงได้ย้ำว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาควรเป็นไปในทิศทางเดียวและมีประสิทธิภาพ โดยยังสนับสนุนแนวทางการเจรจาสันติภาพ แต่ต้องเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

‘ประยุทธ์’ คืนความสุขฯ ชี้ปัญหาราคายาง โยนโจทย์ "ต้องไปลดต้นทุนของท่านให้ได้"

0
0

29 ส.ค. 2557 เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยเริ่มด้วยการขอบคุณสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)และประชาชนที่ให้การไว้วางใจตนเป็นอย่างดีในการสนับสนุนให้เป็นนายกฯ พร้อมขอร้องผู้ชมอย่าได้กังวลกับตัวบุคคล โดยยืนยันว่าการบริหารงานต้องระมัดระวังการก้าวล่วงกัน แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบและถ่วงดุลกัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สุจริตและยุติธรรม ผ่านการสร้างระบบทุกระบบให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นให้ได้โดยเร็ว นอกจากนี้ยังกล่าวถึงยุทธศาสตร์ประเทศ ปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญหน้า ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รายงานถึงเรื่องความคืบหน้าการปฏิบัติงานในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย เรื่องการปรับโครงสร้างของบริษัท การบินไทย เรื่องการตรวจสอบค่าใช้จ่ายงบประมาณรัฐให้มีความคุ้มค้าโปร่งใส เรื่องขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรม เรื่องพลังงาน เรื่องราคายาง  เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล และเรื่องการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น

โดยมีรายละเอียดดังนี้

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักและเคารพทุกท่าน วันนี้พบกันอีกครั้ง และเนื่องด้วยในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้กระผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และนับเป็นเกียรติยศอันสูงสุดในชีวิตของผมและวงศ์ตระกูลอย่างหาที่สุดมิได้ ผมตระหนักดีถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ต้องขอขอบคุณสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุนผมเป็นอย่างดี และมอบความไว้วางใจให้ผมนั้นดำเนินการในเรื่องของการบริหารประเทศในระยะต่อไป ขอขอบคุณอีกครั้งในแรงสนับสนุนต่างๆ เหล่านั้น ผมยินดีที่จะรับภาระในการทำทุกอย่างให้ประเทศชาติก้าวไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืน นับจากนี้ไปผมต้องรับผิดชอบในการนำพาประเทศชาติและประชาชนให้ก้าวเดินไปข้างหน้า ร่วมกันพัฒนาประเทศ เพื่อประโยชน์สุขของทุกคนในชาติต่อไป ในระยะที่ 2 ซึ่งการบริหารประเทศทุกๆ ด้าน ในบทบาทของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนงานเร่งด่วนเฉพาะหน้า ที่ต้องการความรวดเร็ว โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องมีการหารือในการปฏิบัติ ตลอดจนวิธีการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องระมัดระวังการก้าวล่วงกัน แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบและถ่วงดุลกัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สุจริตและยุติธรรม ขอให้ทุกคนอย่าได้กังวลกับตัวบุคคลให้มากนัก วันนี้เราต้องสร้างระบบทุกระบบให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบข้าราชการ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ส่วนราชการ อันได้แก่ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ต้องร่วมมือกันในการพัฒนาปรับปรุงตนเองให้เข้มแข็ง เตรียมการเพื่อรองรับการปฏิรูป ซึ่งเราจะต้องทำให้ฝ่ายการเมืองมีระบบธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ จะได้ร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคต อย่างไรก็ตาม ผมถือว่าประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุด ที่จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของพวกเราในขณะนี้ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ ทั้งในงานความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านเศรษฐกิจมีปัญหาอยู่หลายประการด้วยกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร ประชาชนโดยรวม ทุกภาคส่วนคงต้องร่วมมือกันทุกรูปแบบนะครับ

ปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญหน้า

เรามีปัญหาที่สะสมสำคัญๆ มากมาย ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน อาทิ ปัญหาด้านความมั่นคง เคยเรียนไปแล้ว ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานทาส ปัญหามาเฟียผู้มีอิทธิพล ปัญหาชายแดน ทั้งในเรื่องของเขตแดน การหลบหนีเข้าเมือง สินค้าหนีภาษี ปัญหาด้านความมั่นคงภายใน ในเรื่องยาเสพติด อาชญากรรม อาวุธสงคราม การพนัน แรงงานต่างด้าว ซึ่งเราได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาบางส่วนไปแล้ว

ปัญหาด้านเศรษฐกิจ

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะต้องเดินตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาวะการณ์ของโลกด้วย การส่งเสริมการลงทุนในภาคต่างๆ การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย การปรับโครงสร้างภาษีให้เกิดความเป็นธรรม ปัญหาปากท้องประชาชน เหล่านี้เป็นความท้าทายที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ให้ทัดเทียมกับประเทศในภูมิภาค และการเชื่อมโยงเศรษฐกิจของไทยสู่ระดับภูมิภาค ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน เราสำรวจแล้วพบว่าปัจจุบันขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยยังถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง มีจุดด้อยที่สำคัญในด้านระบบราชการ โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ กฎหมายและกระบวนการเพื่ออำนวยความสะดวกภาคธุรกิจก็ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการประกอบธุรกิจของนักธุรกิจต่างชาติ จากศักยภาพเราในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยจะต้องใช้เวลาอีกกว่า 12 ปี เพื่อจะก้าวผ่านกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เข้าสู่ประเทศรายได้สูง ในขณะที่เพื่อนบ้านบางประเทศจะเข้าสู่ประเทศรายได้สูงด้วยระยะเวลาอีกเพียง 6 ปีเท่านั้น เราคงต้องเร่งรัด

นอกจากนี้ ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งมีมิติด้านเศรษฐกิจเป็น 1 ใน 3 เสาหลักจะเป็นความท้าทายสำคัญของไทยที่ต้องได้รับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางประเทศ ซึ่งเป็นทั้งประเทศหุ้นส่วนและคู่แข่งที่สำคัญทางเศรษฐกิจของไทย สรุปประเด็นปัญหาที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ กับดักประเทศรายได้ปานกลาง โดยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศที่มีต้นทุนแรงงานถูก และประเทศที่มีการพัฒนาการทางเทคโนโลยีขั้นสูงได้ ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยทรงตัวท่ามกลางการเปิดเสรีและการแข่งขันทางการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น

ปัญหาด้านสังคมและวัฒนธรรม

ได้แก่ ระบบการศึกษา การปลูกจิตสำนึก การดำรงซึ่งวัฒนธรรมไทยอย่างยั่งยืน การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การปลูกฝังค่านิยม การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ทั้งนี้ปัญหาที่เรื้อรัง และดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น คือ ความเหลื่อมล้ำของโอกาส สร้างรายได้ กระจายรายได้ และกระจายความมั่งคั่งที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา คนจนรายได้น้อยขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาชั้นมัธยมปลายและอุดมศึกษา ตลอดจนคุณภาพการศึกษาของไทยยังคงต้องการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยขยายโอกาสในการสร้างรายได้ก็ยังคงมีอยู่อย่างจำกัด ส่งผลให้การหลุดพ้นจากวงเวียนความยากจนเป็นไปได้อย่างยากยิ่ง

การเป็นสังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน ส่งผลโดยตรงต่อศักยภาพในการแข่งขันของประเทศลดลง เนื่องจากข้อจำกัดด้านแรงงานและอัตราส่วนการพึ่งพิงของวัยชราที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และยังเป็นการเพิ่มภาระทางการคลังผ่านค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการชราภาพที่เพิ่มขึ้น ไทยจึงต้องเร่งปรับปรุงระบบสวัสดิการของรัฐ เพื่อดูแลผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมของคนไทยอยู่แล้วเราต้องดูแลคุณพ่อ คุณแม่ ผู้หลักผู้ใหญ่ของเราให้ดีที่สุด ก็เป็นที่น่ายินดีที่วันนี้อายุยืนขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องหาทางที่จะดูแลคนเหล่านี้ให้ได้

ด้านสิ่งแวดล้อม

ได้แก่ ปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ในเรื่องของการบุกรุกป่าไม้ ปัญหาขยะ ปัญหามลพิษจากภาคอุตสาหกรรมและสังคมเมือง โจทย์อีกประการหนึ่งที่เราเห็นเด่นชัด คือ การผลักดันเศรษฐกิจที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติรุนแรงเกินไปในการจัดตั้งโรงงาน หรือการประกอบกิจการต่างๆ ทางด้านอุตสาหกรรม ที่ผ่านมานั้นเศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตมาก พร้อมกับการก่อมลภาวะ โดยได้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสัดส่วนการใช้พลังงานและการนำเข้าพลังงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้ว่าจะมีการนำวัสดุรีไซเคิลกลับมาใช้ประโยชน์จนเริ่มเป็นที่นิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สัดส่วนการใช้ก็ยังไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องโน้มน้าวผู้บริโภคและผู้ประกอบการตลอดประชาชนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ ปัญหามลภาวะและภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนหนึ่งจากการแสวงหาประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจอย่างแพร่หลาย ที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกบ่อนทำลายลง ทำให้ภาครัฐต้องมีการวางระบบช่วยเหลือ เยียวยา และป้องกันผู้ประสบภัยที่ทันต่อเหตุการณ์

ปัญหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

การแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่สอดคล้องกับพันธะสัญญาต่างๆ กฎหมายที่ส่วนราชการต้องแก้ไขเพื่อความสะดวกและความถูกต้อง แต่ค้างคาอยู่ในรัฐบาลก่อน ๆ ที่ผ่านมานั้น ปัจจุบัน คสช. ได้ส่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หรือกฎหมายเหล่านั้นไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อมีการพิจารณาอย่างเร่งด่วนไปบ้างแล้ว ทุกกฎหมายนั้นได้ผ่านการพิจารณาในขั้นต้นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผ่านที่ประชุม คสช. ในฐานะคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ล้าสมัย และแก้ไขปัญหาของประชาชนทั้งสิ้น

เรื่องการทุจริตคอรัปชั่น

เป็นการฝังรากลึกมาในสังคมไทยอยู่ยาวนาน จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง บังเกิดผลเป็นรูปธรรมในเรื่องที่เร่งด่วนภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยการปลูกฝังค่านิยมที่ไม่ยอมรับการทุจริตคอรัปชั่น การลงโทษผู้ที่กระทำความผิดในเรื่องนี้อย่างจริงจัง การปรับปรุงระบบจัดซื้อจัดจ้าง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ การบริหารราชการหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจให้มีธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนกฎหมายให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับหลักสากล เช่น การพิจารณาให้คดีการทุจริตคอรัปชั่นจะมี หรือไม่มีอายุความ การเพิ่มโทษในคดีทุจริตคอรัปชั่นให้มีผลบังคับใช้ทั้งผู้ให้และผู้รับหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามักไม่มีการเอาผิดเอกชนที่เสนอให้สินบนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างจริงจัง

มีข้อท้วงติงมากมายจากผู้ที่ห่วงใยในเรื่องนี้ว่า คสช. ไม่ได้นำเรื่องการป้องกันแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นมาอยู่ใน 11 ประเด็นหลักของการปฏิรูป ขอเรียนชี้แจงว่า คสช. ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง และถือเป็นประเด็นที่ต้องมีการปฏิรูปเป็นประเด็นแรก โดยการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก มีความกว้างขวางเกี่ยวข้องกับทุกๆ เรื่อง หากกำหนดเป็นประเด็นหลักของการปฏิรูปก็จะไม่ครอบคลุมการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นในทุกๆ มิติ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องจำเป็นต้องใส่เรื่องนี้เข้าไปด้วยในทุกกลุ่มงาน จึงกำหนดให้เป็นเงื่อนไขสำคัญของทุกๆ หัวข้อของการปฏิรูป ทั้งด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ด้านสื่อสารมวลชน ด้านสังคม และด้านอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ต้องให้ปราศจากการทุจริตคอรัปชั่น ดังที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราวปีพุทธศักราช 2557 มาตรา 27 ที่กำหนดว่า ให้สภาปฏิรูปแห่งชาติมีหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปในด้านต่างๆ เพื่อให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย มีระบบการเลือกตั้งโดยสุจริตและเป็นธรรม มีกลไกป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบที่มีประสิทธิภาพ ขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำให้กลไกของรัฐสามารถให้การบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม

ยุทธศาสตร์ประเทศ

เรามียุทธศาสตร์หลายประการด้วยกัน เราเขียนยุทธศาสตร์ไว้แล้ว เราต้องเดินตามนั้นให้ได้ และก็ปรับเปลี่ยนให้เข้าสถานการณ์ของโลกด้วย ของอาเซียนด้วย เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม คณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้น จะต้องเดินการไปตามนี้ ในการบริหารราชการแผ่นดิน และก็ปรับเปลี่ยนไปตามห้วงเวลาที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นต้องประกอบกับแผนงานโครงการ งบประมาณ ในการดำเนินการในทุกมิติ ทุกยุทธศาสตร์ให้ต่อเนื่อง มีการกำหนดแผนระยะสั้น ระยะยาว ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนที่ 11 และแผนต่อๆ ไป ให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน

เรื่องความคืบหน้าการปฏิบัติงานในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา ที่ประชุม คสช. ให้ความสำคัญมาก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้อนุมัติงบประมาณเร่งด่วนในการปรับปรุงระบบคัดกรองผู้โดยสารเครื่องบินล่วงหน้าที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง สั่งการให้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อการปรับปรุงห้องรับผู้ป่วยที่ทันสมัย จัดหาอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ต่างๆ ชุดป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตระหนกและดูแลเจ้าหน้าที่ด้วย ถ้าติดไปที่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ไม่อยากจะรักษา ไม่อยากจะรับคนไข้ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมเป็นห่วง ได้อนุมัติงบประมาณเร่งด่วนไปร้อยกว่าล้าน ในการจัดหาสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ดังกล่าวนั้น ซึ่งต่อไปคงจะขยายไปในพื้นที่อื่นๆ ด้วย เพราะเรามีหลายภาคด้วยกัน อันนี้ก็บางส่วนที่เร่งด่วนก็ทำไปก่อน และให้มีการชี้แจงให้ความรู้บุคลากร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตลอดจนประชาชนทั่วไปให้สามารถป้องกันโรคระบาดได้อย่างถูกต้องถูกวิธี ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ในทุกๆ ช่องทาง ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ด่านตรวจต่างๆ จะต้องเฝ้าระวังและเข้มงวดในการตรวจตรา และต้องทราบว่าอาการของผู้ติดเชื้ออีโบล่า หรือเชื้อไวรัสที่รุนแรงหรือเชื้อโรคที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงเป็นอย่างไร ฉะนั้นผมอยากให้กระทรวงสาธารณสุขส่งรายละเอียดไปทุกด่านตรวจ ทุกจุดสกัดต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทุกหน่วยงาน รวมทั้งประชาชนทั่วไปด้วย ไม่ใช่เฉพาะอีโบล่าอย่างเดียว ก็ขอขอบคุณและชื่นชมผู้ป่วยต้องสงสัยเพศหญิงที่กลับมาจากต่างประเทศ ทำงานในการช่วยเหลือสังคม ซึ่งตระหนักถึงหน้าที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ให้ความร่วมมืออย่างดีในการควบคุมเฝ้าระวังโรคเป็นระยะเวลานานพอสมควร จนได้รับคำยืนยันแล้วว่าไม่ได้ติดเชื้อแต่ประการใด จึงเดินทางกลับบ้าน ขอขอบคุณนะครับเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่เป็นภาระต่อครอบครัว ไม่เป็นปัญหากับคนอื่นๆ ก็รู้ตัวก็ไปพบหมอและก็แจ้งให้เขาทราบ เขาก็ได้มีการเฝ้าระวัง ขอขอบคุณเป็นตัวอย่างที่ดีอีกอันหนึ่ง

เรื่องแนวทางการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน ที่ประชุม คสช. เห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามที่เสนอมา แต่คงต้องไปดูกัน ไปแก้ไขกันใน สนช. อีกครั้งหนึ่ง ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทย เนื่องจากมีผู้มีรายได้น้อยเป็นจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ ที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด แต่ยังไม่มีผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้อง เช่น การขาดความชัดเจนในหลักเกณฑ์การแก้ปัญหา เจ้าหนี้เดิมไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ไม่มีคนกลางในการช่วยกันเจรจาประนอมหนี้ ลูกหนี้ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้จัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาผ่านองค์กรการเงินชุมชน เช่น สถาบันการเงินชุมชน กลุ่มออมทรัพย์ต่างๆ ที่เข้มแข็งและมีศักยภาพ และให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเหล่านี้ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบจะต้องคำนึงถึงบริบทที่แตกต่างกันระหว่างชุมชนเมือง และชุมชนในเขตชนบทด้วย

เรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย

ที่ประชุม คสช. เห็นชอบหลักการกรอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2557-2560 ภายใต้แผนพลิกฟื้นองค์กรของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2557 รวม 38 โครงการ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจฯ เมื่อ 3 ตุลาคม 2556 ส่วนงบประมาณให้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดทำรายละเอียดและขอทำการตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ การค้ำประกันการชำระหนี้ดังกล่าว ขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการตามกฎหมาย ตามระเบียบข้อบังคับ และมติ ครม. ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยการพัฒนาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยให้คำนึงถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ครบทุกมิติ เช่น พื้นที่ทำมาหากิน ตลาด เพื่อได้ค้าขาย รวมทั้งระบบขนส่งคมนาคม รถเมล์ รถไฟฟ้า ต่าง ๆ ให้สามารถที่จะเดินทางมาค้าขายได้เป็นปกติ คงใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

เรื่องการปรับโครงสร้างของบริษัท การบินไทย

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คสช. ได้มีการเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงการดำเนินการและแผนธุรกิจของบริษัทการบินไทย ถึงแม้ว่าการบินไทยจะประสบปัญหาขาดทุน แต่ยังมีพื้นฐานเดิมที่ดีอยู่ ซึ่งหากได้รับการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์ธุรกิจอย่างเหมาะสมจะมีศักยภาพสูงในการดำเนินงานภายในระยะเวลาอันใกล้ และต่อไปในอนาคต ที่ประชุมมีความมั่นใจว่าฐานะทางการเงินของบริษัท การบินไทย ยังไม่เลวร้ายเหมือนที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะยังมีระดับเงินสดอยู่ในระดับที่เหมาะสม และมีส่วนของผู้ถือหุ้นเกินกว่า 46,000 ล้านบาท อีกทั้ง จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการได้ปรับเพิ่มขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ สถาบันการเงินต่างๆ ก็ให้ความสนใจที่จะให้การสนับสนุนในด้านสภาพคล่อง และในกรณีจำเป็นหากเกิดปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งกระทรวงการคลังก็พร้อมที่จะดูแลในเรื่องนี้

จากนโยบาย คสช. ที่ต้องการให้เกษตรกรแต่ละพื้นที่มีแหล่งเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในระดับชุมชน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกร อำเภอละ 1 ศูนย์ รวมทั้งสิ้น 882 ศูนย์ ซึ่งแต่ละศูนย์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศนั้น จะมีความแตกต่างกันทั้งด้านดิน น้ำ ภูมิอากาศ ทำให้แต่ละศูนย์สามารถจะสนับสนุนเกษตรกรให้ปลูกพืชต่างชนิดกันได้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เช่น อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีความเหมาะสมในการปลูกข้าว ก็จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เรื่องข้าว ได้คัดเลือกศูนย์เรียนรู้ ต.ช้างใหญ่ ซึ่งเกษตรกรต้นแบบที่ได้รับการส่งเสริม และพัฒนาจนประสบความสำเร็จสามารถถ่ายทอดและเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรรายอื่นได้ การถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ นั้น จะเริ่มจากการปรับกระบวนทัศน์ให้เกิดจิตสำนึกในการผลิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง จากนั้นนำความรู้ไปถ่ายทอดให้ปฏิบัติจริง ในการลดต้นทุนการปลูกข้าว การพัฒนาพันธุ์ข้าวและอื่นๆ ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างแท้จริงและเหมาะสมกับพื้นที่ อันนี้ก็ให้ตรงกับการที่เราจะโซนนิ่งปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชไร่ พืชเกษตรกรรมต่างๆ นั้นให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีน้ำ ไม่มีน้ำ แล้งซ้ำซากจะทำอย่างไรก็ไปปรับให้ตรงกับพื้นที่ด้วย ฝากกระทรวงเกษตรฯ ฝากประชาชนไปหาความรู้จัดตัวแทนไป ถ้าจำเป็นก็ขอวิทยากรไปแนะนำในพื้นที่ก็ได้ อันนี้ก็เพิ่มเติม

เรื่องการตรวจสอบค่าใช้จ่ายงบประมาณรัฐให้มีความคุ้มค้าโปร่งใส

โดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และฝ่ายต่างๆ ของ คสช. นั้น ทำให้ในหลายโครงการสามารถลดงบประมาณลงได้จำนวนหนึ่ง โดยยังคงเนื้องานและคุณภาพงานเช่นเดิม อันนี้เป็นตัวอย่างสำคัญประการหนึ่ง ถ้าทุกคนช่วยกัน รัฐช่วยกันดูแล ไม่ทุจริต ไม่เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรก็แล้วแต่ ประชาชนก็ร่วมมือเฝ้าระวัง หน่วยตรวจสอบก็เข้าไปตรวจสอบ การเสนอราคา การจัดซื้อจัดจ้าง การทำ TOR ก็ลดราคาลงได้หมด เพราะฉะนั้นฝากเรื่องนี้ไปแล้ว เราเคยมีนโยบายเรื่องนี้ไปแล้ว

เรื่องขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

ต้องขออภัยนะครับอยากให้มีการปรับปรุง พัฒนาทุกอย่าง ตอนนี้อย่าโกรธกันไปมาเลยนะครับ เราต้องการให้ได้รับการยอมรับ ไม่ได้มุ่งหมายจะไปทำลายชื่อเสียง เกียรติยศหรือองค์กรของท่าน โดยอาจจะมีส่วนน้อยที่ต้องพัฒนาและปรับปรุง เราคงต้องช่วยกันกำกับดูแล เพราะว่าเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ประชาชนมากที่สุด ประชาชนจะได้ประโยชน์โดยเร็วหรือเป็นผลสัมฤทธิ์อะไรต่างๆ ในพื้นที่ จะได้จากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ก่อนทั้งสิ้น เพราะใกล้ตัวท่าน งบประมาณจำนวนไม่มากนัก ต้องขอบคุณทุกท่านใน อปท. ที่ให้ความร่วมมือให้เวลา คสช. เพื่อเดินหน้าสู่การปฏิรูป คสช. ไม่เคยนิ่งนอนใจต่อความต้องการของท่าน กำลังพิจารณาประเด็นปัญหาต่างๆ เพื่อทางแก้ไข เช่น ในเรื่องของการคัดสรรข้าราชการไปปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวระหว่างที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง วันนี้ก็เตรียมการให้เข้าดำเนินการแก้ไข เข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อจะทำให้เกิดความเป็นธรรม พอใจของพี่น้องทุกฝักทุกฝ่าย อะไรที่ทำไปแล้ว แล้วไม่เรียบร้อย มีปัญหาก็แก้ไขได้ ใจเย็นๆ ก็ขอให้เป็นธรรมทั้งสองฝ่ายก็แล้วกัน โดยในส่วนที่เรื่องใดก็ตามที่ คสช. สั่งการไปแล้วเป็นการเร่งด่วน ถ้าไม่เหมาะสม ถ้ามีปัญหาก็นำเข้าแก้ใน คสช. ได้ ถึงแม้จะเป็นกฎหมายแล้วก็ตาม เราถึงมี สนช. ไว้

ในส่วนที่จะต้องแก้ไขส่วนใหญ่นั้น ต้องไปแก้ในเรื่องของสภาปฏิรูปและมีประชาชนมาให้ความคิดเห็น เสนอเข้ามาในสภาปฏิรูปเพิ่มเติม อันนี้ผมถือว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนในขั้นการปฏิรูปนั้นเป็นส่วนสำคัญไม่ใช่ คสช. จะไปผลักดันในทุกเรื่องได้

เรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรม

ระหว่างตำรวจ อัยการ ฝ่ายปกครอง ซึ่งเราได้แก้ไขไปในชั้นต้น เพื่อความสงบเรียบร้อยในช่วงนี้ ในระดับต่อไป จะได้มีการทบทวน ปรับปรุง แก้ไข ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

การเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น พลังงาน ยางหรืออื่นๆ ขอให้นำการแก้ไขทั้งระบบ เช่น การปรับโครงสร้าง ราคายาง ราคาพลังงานซึ่งมีความเกี่ยวพันมากมาย ไปแก้ในภาพใหญ่ที่สภาปฏิรูป

ในส่วนของการแก้ไขเร่งด่วน ขณะนี้ คสช. แก้มาโดยตลอดไม่ว่าจะเรื่องข้าว เรื่องยาง เรื่องต่างๆ ไม่ได้หยุดนะครับ พูดกันทุกวันคุยกันทุกวัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คสช. ไม่เคยนิ่งนอนใจสักเรื่องหนึ่ง ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ผมบอกแล้วว่าเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาที่ต่อเนื่องยาวนานไปอีก เพราะฉะนั้นวันนี้ขอร้อง อย่าเพิ่งประท้วงต่อต้านเลย เมื่อวานก็ได้ให้มีการพูดคุยไปแล้วกับสมาคมต่างๆ 5 - 6 สมาคมก็เข้าใจดี สำคัญอยู่ที่ว่า เวลาไปถ่ายทอดกันอะไรกันขอให้ถ่ายทอดให้ครบ และขอประเด็นเดียวเท่านั้นเอง ถ้าช่วยกันมันก็แก้ได้ ถ้าไม่ช่วยกันมันก็จะกลับไปแบบเดิมอีก เพราะถ้าเราแก้แบบเดิม แก้ที่ปลายเหตุก็จะแก้ที่ปลายเหตุตลอดไป เราก็แก้แบบนี้มาเกือบทั้งชีวิตแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องแก้ทั้งต้นเหตุ กลางเหตุ และปลายเหตุ ติดขัดด้วยข้อกฎหมายหลายอย่าง กฎอัยการศึกวันนี้ที่มีไว้ นี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปปิดกั้นท่านผมไม่เคยใช้กฎอัยการศึกไปปิดกั้นใครเลย เพียงแต่ว่า ทำอย่างไร บ้านเมืองจะสงบเท่านั้นเอง ถ้าท่านไม่ได้ทำอะไรที่มันเกิดปัญหากับความสงบเรียบร้อย ท่านเสนอความคิดเห็นใดๆ ก็ตามมา ไม่ได้เป็นการปลุกระดมคนขึ้นมา มาเดินขบวน มาขัดแย้งกัน มันก็ไม่จบสักทีนะขอร้อง ขอสักระยะหนึ่ง ก็วันนี้พูดไปสิครับว่าเรามีกฎอัยการศึกทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่ใช่กฎอัยการศึกที่มีอยู่ทำให้บ้านเมืองไม่เรียบร้อย แต่โอเค อาจจะรู้สึกว่าถูกปิดกั้นบ้างอะไรบ้าง ใครจะมาเที่ยวก็มาสิครับเชิญเขามา เรามีกฎหมาย เขาปลอดภัยกว่าเดิมด้วยซ้ำไป เดิมไม่มีกฎหมายนี้ปลอดภัยไหมหละครับ ฝากด้วยบ้างด้วย คิดไปอีกมุมหนึ่งบ้าง ว่าบ้านเมืองเราอยู่ใน ระยะเวลาอะไรเราควรจะมีกฎหมายอะไรไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นก็วุ่นวายอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปปิดกั้น อยากเสนออะไรไปเสนอมา เป็นที่เป็นทาง จะจัดสถานที่ให้ ส่งเจ้าหน้าที่ไปถกแถลงกันด้วยความสงบ บางอย่างแก้ไขทันทีไม่ได้ เรื่องนี้เราให้กรณีพิเศษ

เรื่องพลังงาน

อยากให้ทุกฝ่ายไปใคร่ควรไว้ว่า เราจะพูดคุยกันได้อย่างไรทั้งสองฝักสองฝ่ายหรือสามฝ่ายก็ไม่รู้ ถ้านำต้นทาง กลางทาง ปลายทาง มาพูดกันโดยไม่ได้จัดระเบียบกัน ไม่รับฟังซึ่งกันและกันเลยพูดกันไม่รู้เรื่องแน่นอน เพราะฉะนั้นต้นทางนี้ คือข้อกฎหมาย ความเป็นมาของรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทอะไรก็แล้วแต่ นั้นคือต้นทาง เป็นตัวกำหนด จากนั้นมาก็ไปสู่กลางทางคือผู้ประกอบการซึ่งเรามีทั้งของรัฐบ้าง ของเอกชนบ้างและก็มีทั้งการลงทุนร่วมกับรัฐ บางอันก็เป็นการลงทุนของเอกชน บางอันรัฐก็ร่วมกับเอกชนซึ่งมีปัญหามากมาย เพราะผิดเพี้ยนมาตลอด อยากจะพูดอย่างนั้นถ้าไม่พูดก็ไม่รู้กัน

เพราะฉะนั้น พอปลายทางมาก็คือประชาชนผู้บริโภค คราวนี้ถ้าทุกคนนำทั้ง 3 เรื่องมาพูดพร้อมกันมันไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นอยากให้ฟังอีกฝ่ายหนึ่งก่อน ถ้าจะฟังได้ผมว่าจะจัดระเบียบอย่างนี้นะครับ มีเรื่องของต้นทางก่อน มาอย่างไรอะไรอย่างไร ความเป็นมาจบก่อน พอจบคำว่าต้นทาง ถามเฉพาะเรื่องต้นทางจะเอากันอย่างไร อันไหนตกลงกันได้ อันไหนเข้าใจ อันไหนไม่เข้าใจก็เก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ต้องมีทั้งเข้าใจไม่เข้าละครับ ผมยอมรับ พอมาถึงที่สองตรงกลาง เอาผู้ประกอบการ สงสัยตรงไหนเขาไม่โปร่งใสตรงไหนก็บันทึกกันไว้ เสร็จแล้วก็ไปตรงท้าย แล้วจะทำอย่างไรกันให้การบริการประชาชนจะเอาอย่างไร ราคาควรจะเป็นเท่าไร ทำไมถึงสูง ถึงต่ำ ก็พูดกันทีละตอน ๆ แบบนี้ พอพูดเรื่องแรกไปถามเรื่องที่สาม พูดเรื่องที่สองถามเรื่องที่สี่ อย่างนี้ไม่มีทางจบหรอกครับและก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย เป็นการปลุกระดมคนที่ฟังข้างใดข้างหนึ่งเป็นหลัก ใครก็ไม่อยากมาจัด จัดแล้วก็เป็นปัญหาทำให้พระ เจ้าต้องเดือดร้อนไปด้วย ฝากไว้ด้วย ขอบพระคุณ ครับท่านที่กรุณาเป็นผู้ดำเนินรายการให้ ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งหรือความไม่เข้าใจนั้นไม่บานปลายออกไป ผมจะจัดให้บ่อยๆ นะครับกลับไปเรียบเรียงกรุณาเรียบเรียงเถอะ วันนี้เรื่องพลังงาน คราวหน้าอาจจะเรื่องผลิตผลการเกษตร ต่อไปเรื่องน้ำ เรื่องอะไรก็แล้วแต่ เรื่องที่ดินทำกิน เปิดเวที ให้แล้วมาคุยกันว่า ตั้งหลักมาให้ถูก รัฐพูดก่อนและก็ประชาชนถามและก็ตอบ บันทึก ตรงกันไม่ตรงกัน จบไปอีกเรื่อง อีกเรื่อง ถ้าอย่างนี้ลักษณะการปฏิรูปต้องเป็นอย่างนี้ไม่ใช่คุยเรื่องหนึ่งถามเรื่องสาม ตีกันไม่จบและไม่สุภาพ ใช้คำพูดไม่สุภาพด้วยอะไรด้วยอย่างนี้ไม่ได้ เราเป็นคนไทยที่เจริญแล้ว ขอร้องอย่าไปชี้นำกันแบบนี้ รุนแรงพูดจาหยาบคาย โห่ฮาป่าอย่างนี้ผมว่าไม่เหมาะ ไม่ใช่การปฏิรูป อย่างนี้คือการทะเลาะเบาะแว้งกันต่อไป ผมก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก นั่นแหละครับเป็นปัญหาที่ต้องมีวันนี้ ถ้าปล่อยก็ทะเลาะกันแบบนี้อีก ไม่ได้ ท่านต้องหยุดของท่านให้ได้ก่อนอย่าเรียกร้องแต่จากเราอย่างเดียว เพราะฉะนั้นต้องดูการพัฒนาการของแต่ละอย่างด้วย ผมเข้าใจนะครับและกรุณามองกัน แต่ละฝ่ายก็ฝ่ายหนึ่งต้องมองอีกฝ่ายให้เกียรติซึ่งกันและกัน เขาไม่ใช่จำเลยเราไม่ใช่โจทก์ ประชาชนก็ไม่ใช่จำเลยไม่ใช่โจทก์อีก ทุกคนคือคนไทยต้องพูดกันให้รู้เรื่อง

เรื่องของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊ส

อะไรก็แล้วแต่ มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ในขณะนี้มีแนวโน้มลดลงถึงแม้จะมีสงครามอยู่บ้างก็ตาม ก็อาจจะเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทางเรา คสช. ก็ได้พิจารณาว่าอาจจะมีความจำเป็นต้องมีการปรับราคาให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนน้ำมันและให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและไม่ต้องการจะบิดเบือนราคาตลาดต้องการให้ทุกคนได้เห็นว่า ถ้าทำอย่างนี้จะเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวท่านลองดูแล้วกันนะครับก็อย่าเพิ่งเรียกร้อง อย่าเพิ่งโวยวายกำลังดำเนินการอยู่แล้วเดี๋ยวจะเห็นว่าออกมาอย่างไร และที่เหลือต่อไปก็ไปว่ากันในเมื่อมีรัฐบาลเป็นระยะยาวหรือยั่งยืนหรืออะไรก็แล้วที่ท่านต้องการ แต่ต้องปรับให้ตรงกันก่อนเราจะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนไปก่อน ให้เห็นว่าทำอย่างนี้อย่างที่ท่านต้องการแล้วมันจะเกิดอะไร ถ้าไม่ทำมันจะเป็นอย่างไรทุกอย่างต้องการให้ท่านเรียนรู้ครับ เพราะฉะนั้นอย่างเพิ่งทะเลาะกัน รับฟังข้อมูลให้ได้และตรวจสอบเป็นประเด็นๆ ไป

โซเซียลมีเดีย

ข้อมูลในโซเซียลมีเดียต้องระมัดระวัง มีทั้งถูกไม่ถูก มีทั้งคนละฝ่าย บางคนผมก็ไม่ทราบว่านำมาจากไหน บางอย่างก็จริงบางอย่างก็ดูฟังแล้วก็ฟังได้ แต่พอพูดนำมารวมกันแล้วไม่เข้าใจ แสดงว่าไม่เข้าใจขั้นตอน ผมไม่ได้หมายความว่าฝ่ายนี้ฝ่ายรัฐจะถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมด ท่านต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราจะเร่งรัดในสภาปฏิรูปให้ดำเนินการ ช่วงนี้อยากให้ทำความเข้าใจกันก่อนนำปัญหาที่มีอยู่มาตั้งไว้ และไปถามกันต่อ อันไหนที่ตกลงได้แล้ว หรือเข้าใจแล้วก็ไม่ต้องถามกันอีก เสียเวลา เวลามีน้อยอยู่แล้วด้วย

เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล

วันนี้ก็ยังไม่จบอีกสักที่มีปัญหาทับซ้อนอยู่มากมาย เรียนไปหลายครั้งแล้วว่า คสช. ไม่ต้องการผลประโยชน์ ไม่ต้องการเอื้อประโยชน์ให้ใคร มันติดขัดข้อปัญหาบางประการ วันนี้เราพยายามใช้กฎ ใช้อำนาจ คสช. ถ้าใช้เรื่องนี้เข้าไปอีกทุกเรื่องไม่ได้ วันนี้ก็ที่ผ่านมาเห็นว่าช้าหน่อยเพราะต้องตั้งคณะกรรมการใหม่ ต้องตั้งผู้บริหารใหม่ ต้องเข้าที่ประชุมของเขา ผมพยายามอะไรที่มีผลประโยชน์ ผมต้องการให้เข้าในระบบให้มากที่สุด ใช้อำนาจไปแล้วผิดขึ้นมาก็เดือดร้อนอีก วันนี้ก็ค่อยๆ แก้ไขไปทีละปัญหา วันนี้ก็เพิ่มโควต้าให้ ทำสีให้แยกแยะให้ชัดเจน ต้องมีคนเดือดร้อนแน่นอนเพราะเคยตัวกันมานานแล้ว อะไรก็ได้เรียกร้องกันไปตลอดเวลาแบบนี้ไม่ได้ เราต้องมีกติกากันบ้าง ท่านอดทนวันนี้เดี๋ยววันหน้าต้องดีแน่นอน แต่วันนี้ถ้าเรากำลังปรับแค่นี้ท่านบอกไม่ได้แล้ว ไม่จบ แล้วใครจะแก้ได้ ไม่มีใครแก้ได้หรอกนะครับ เพราะฉะนั้นก็ขอร้องกันร่วมมือกันทั้งผู้ขาย ผู้ซื้อ ผู้ให้เช่าสถานที่ขายสลาก มี 2 อย่าง อันหนึ่งขายได้ 80 บาท อันหนึ่งจำเป็นต้องขายเกิน 80 อะไรแถวๆ นี้ ผมไม่อยากระบุราคาเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก เขามีกติกาออกมาแล้ว ท่านไปดูกันเอง

เรื่องราคายาง

วันนี้เราพยายามแก้ไขปัญหามาตั้งแต่ต้น พร้อมกับผลิตผลทางการเกษตรอื่นๆ แต่เรื่องสำคัญเกี่ยวข้องหลายอย่าง วันนี้อยากให้มองในภาพใหญ่ด้วยไม่ใช่มองในพื้นที่อย่างเดียว ราคายางต้องเท่านี้ เท่านั้นเป็นไปได้ยากในจำนวนนั้น ท่านต้องไปลดต้นทุนของท่านให้ได้จะทำอย่างไร เมื่อลดต้นทุนได้ถึงจะสอดคล้องกับราคาภายในปัจจุบัน วันนี้การรับซื้อจากต่างประเทศราคาที่รับซื้อเนื่องจากปริมาณยางมีมากในหลายประเทศในโลกด้วย การผลิตเพิ่มเติมในพื้นที่แถบลาตินอเมริกาบ้างอะไรบ้าง ทำให้มีตลาดและมีการแข่งขันมากขึ้น มีตัวเลือกมากขึ้นพูดง่ายๆ การรับซื้อของพ่อค้ายางในพื้นที่ของเราเองก็กดราคา ต่างประเทศก็รอเก็บสต๊อกไว้และเพื่อจะรอเมื่อไรที่ราคาตกต่ำ เราต้องแก้ปัญหาด้วยการลดต้นทุนการผลิต ลดพื้นที่การผลิต ให้ปริมาณยางลดลง เราผลิตได้มากที่สุดในโลกนะครับวันนี้ ขยายพื้นที่ไปสิบกว่าล้านไร่ ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งเกินความจำเป็นและขายไม่ได้ เพราะฉะนั้นราคาตลาดขึ้นกับปริมาณยางที่มีอยู่ทั้งโลก ใครทำมากที่สุดผลิตมากที่สุด ทุกประเทศรู้อยู่แล้วเรามียางมากเดี๋ยวก็ต้องราคาตก เราก็ประท้วงกันเองอีกแล้วจะไปแก้กันตรงไหน เพราะฉะนั้นทำอย่างไรราคาไม่ตก หรือทำอย่างไรต้นทุนจะลดลง ผมว่าต้องไปดูกันตรงนั้นและหาทางว่าเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไรอย่างยั่งยืนลดพื้นที่ไหม พื้นที่จะไปปลูกอะไร ทำอะไร กินแทน วันนี้ผมว่าเรื่องจ้างคนกรีดก็เหมือนกัน ก็มีคนไปรับจ้างกรีดคนนี้ก็ขึ้นราคา เดิม 50/50 อาจจะเป็น 60/40 ไม่อย่างนั้นไม่มีคนกรีด ก็มีทุกเรื่องเราก็รู้ปัญหาอยู่ เพราะฉะนั้น ช่วยกันคิดในภาพใหญ่และมาตัวเองบ้างเราจะได้แก้ปัญหาได้

วันนี้เรื่องการจำหน่ายยาง คณะกรรมการกำลังพิจารณาดูอยู่ ไม่ใช่ไม่ขายหรือขายอะไรทำนองนี้ เป็นเรื่องของ เราต้องดูตลาดโลก ดูตลาดในอาเซียนด้วยกันและเราต้องแสดงความร่วมมือกับต่างประเทศด้วยกับเพื่อนบ้านด้วย จะทำอย่างไรเพราะทุกประเทศมียางหมดมียางแข่งขันกันหมด ถ้าเราสามารถยกระดับราคาได้ทั้งหมดก็ดี ถ้าเขาตกลงกับเรา ถ้าเขาไม่ตกลงเขาแข่งกับเราต่อไป ราคาเราก็ตกไปอย่างนี้ ท่านต้องช่วยเราตรงนี้อย่างเพิ่งมาเดินขบวนอะไรกันเลยและเราต้องอุดหนุนราคาไปอีกและปีหน้าก็เอาอีกก็เป็นแบบนี้ทุกปีและอย่างอื่นก็ไปไม่ได้ ขยับไม่ได้หมด ประเทศชาติเดินหน้าไปไม่ได้ ไม่ได้โทษท่าน ปัญหานี้สะสมมาหลายปี แก้ภายใน 3 เดือนแก้ไม่ได้ ภายใน 1 ปียังแก้ไม่ได้เลยภาพรวมใหญ่ เพียงแต่จะแก้มีมาตรการเร่งด่วนมา เงินกู้ เงินดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ย อะไรต่างๆ เหล่านี้เราพยายามจะปล่อยมาตรการเหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ เป็นระยะยาวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ท่านก็ต้องช่วยเราอย่าเร่งรัดรามากนักเลย ขอร้อง ราคาผลิตผลการเกษตรมันยาก เราควบคุมไม่ได้ทั้งหมด เป็นเรื่องการแข่งขันเสรี ปริมาณความต้องการตลาดทั้งในประเทศนอกประเทศ พ่อค้าคนกลาง เกษตรกรก็ต้องช่วยกันและปรับตัวเองเข้าสถานการณ์ด้วย

เรื่องการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

คสช. รัฐบาลต่อไปให้ความสำคัญ ได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เรียนอีกครั้งหนึ่ง ได้ปรับการพูดคุยเปลี่ยนแปลงไปให้เป็นรูปแบบ เป็นมาตรฐานมากขึ้น คราวนี้ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯ สมช.) และคณะไปหารือเตรียมการในการจะเดินหน้าต่อไปให้เร็วที่สุด ผมเป็นห่วงพี่น้องประชาชนคนไทยพุทธและไทยมุสลิม ผมอยู่ในสถานการณ์มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง มีทั้งบางส่วนพัฒนาการดีขึ้น บางส่วนก็แย่ลงเพราะความไม่เข้าใจ

วันนี้ก็มีการตอบโต้กันในโซเซียลเน็ตเวิร์คมากมาย อันนี้ทำให้เกิดปัญหากับเรามาก ไม่ใช่ข้อเท็จจริง เป็นทั้งฝ่ายเรา ฝ่ายเขา ทุกคนหวังดี ฝ่ายเขาก็คงไม่หวังดี แต่ทำให้เสี้ยมให้ทั้งสองฝ่ายนั้นตีกันมาโดยตลอดและสิ่งที่เขาทำวันนี้ไม่มี ผมไม่เคยเห็น ไม่เคยสั่งลูกน้องหรือใครไปทำร้ายประชาชน ผมยืนยันถ้ามีก็นำหลักฐานมา ให้มันชัดเจนจะได้ลงโทษ

เรื่องปัญหาภาคใต้คงเป็นเรื่องของการใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมที่เขาบอกมานะครับ เรื่องการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ วันนี้ผมก็ยังไม่ได้สั่งให้ใครไปทำอะไรแบบนั้น มีแต่เพียงบอกให้ใช้กฎหมายบางครั้งก็อาจจะพูดจาไม่เข้าหูกันบ้าง บางทีก็ถูกต่อว่าอะไรแถวนี้มันไม่ได้ ทุกคนมีหัวใจ เจ้าหน้าที่มีหัวใจที่จะดูแลท่านอยู่แล้ว ถ้าพูดไปพูดมาก็มีอารมณ์เหมือนกัน เจ้าหน้าที่ก็ต้องอดทน ทำให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกันเราคงไม่คิดจะทำร้ายเด็ก ผู้หญิง ประชาชน ไม่ว่าจะไทยพุทธ ไทยมุสลิม ตำรวจ ทหารไม่ใช่คนใจร้ายพอที่จะไปฆ่า ไประเบิด ผู้บริสุทธิ์โดยตั้งใจ วันก่อนผมเห็นผู้นำศาสนาเข้ามาพูดในทำนองนี้ว่า เราใช้ความรุนแรง ผมก็อยากจะกราบท่านว่าเราไม่เคยมีจิตใจร้ายอย่างนั้นเลย ถ้ามีอย่างนั้นผมก็ปล่อยให้ท่านรบกันไป ทหารก็ไม่ต้องไปอยู่นะครับ ไม่ได้ วันนี้เป็นกติกาของโลกเขา ถ้าไม่สงบก็ต้องมีทหาร ถ้าท่านไม่ให้มีทหารท่านก็สงบสิครับ ทหารก็ได้กลับบ้าน ถ้าสงบไม่ฆ่ากัน ไม่ระเบิดกัน ไม่มีความวุ่นวาย เราก็พัฒนาได้แล้วจะมีทหารไปทำไม ไม่มีใครอยากจะลงมาอยู่ อยู่แล้ว ถ้าไม่หวังว่าเพียงดูแลประชาชนที่บริสุทธิ์ ก็ขอให้ใคร่ครวญให้ดี การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทำได้ยากในภาคใต้ บางคนบอกทำไมเก็บหลักฐานไม่ได้เลยก็พื้นที่ที่มีกองกำลัง มีฝ่ายสนับสนุนอยู่ในพื้นที่มากพอสมควร เราใช้เวลาเหมือนปกติก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นหลักฐานบางอย่างก็อ่อน บางอย่างก็เก็บไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องใช้เวลา ใช้เทคโนโลยีบ้าง ใช้เครื่องไม้เครื่องมือ สารเคมีมันใช้เวลาหมด สถานการณ์เป็นอย่างนั้น เมื่อเข้าไปก็มีเวลาไม่มากนัก ต้องเก็บรวบรวมให้เร็วที่สุด บางครั้งก็พลาด พลาดตรงไหนมันไม่สมบูรณ์ ทำให้คนเหล่านี้ก็หลุดออกไปเหมือนกัน แทนที่หลุดไปแล้วจะดีใจว่าเราไม่ได้ไปไล่ล่า กลายเป็นว่าจับคนผิดคนถูก บางคนถูกทั้งนั้นแต่หลักฐานดำเนินคดีไม่ได้หรือไม่ก็เรื่องการใช้กฎหมายปกติ การสอบสวนต่างๆ การพิจารณาคดีปกติหมด ล่าช้าเสียเวลาและคั่งกันเป็นจำนวนมาก อาจจะต้องใช้การพิจารณาความพิเศษ การสนับสนุนพิเศษ มีคณะลงไปเพิ่ม มีศาลเพิ่ม ศาลทหารใช้ได้หรือไม่ เราให้ความเป็นธรรม ศาลทหารก็เหมือนศาลปกติ เพียงแต่รวดเร็วขึ้นเพราะเรามีความพร้อมอยู่มากกว่า

ในปัจจุบันได้รองรับการรองรับสถานการณ์ เราสามารถจะรวมได้อะไรได้ในทำนองนี้ แต่ยืนยันว่าไม่ต้องการใช้กฎหมายจริงๆ แล้วไม่ต้องการใช้ ถ้าท่านเลิกใช้ความรุนแรงเราก็ใช้กฎหมายปกติ ต้องรีบดำเนินการให้ได้โดยเร็ว การพูดคุยต้องไปคุยกันมาในทุกมิติทุกกลุ่มด้วย ไม่ใช่คุยกลุ่มนี้อีกกลุ่มหนึ่งไม่เลิกอย่างนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาปัจจุบันมียุทธศาสตร์ชัดเจน ดำเนินการต่อเนื่องจะเปลี่ยนใคร การเปลี่ยนผู้น้อย เปลี่ยนผู้พัน ผู้การ เปลี่ยน ผบ.นายพล แม่ทัพไม่มีผล เพราะการทำงานของกองทัพหรือตำรวจเขาทำงานโดยนโยบายหรือแผนงานโครงการทั้งสิ้น ไม่ใช่เปลี่ยนคน 2 ปีก็เปลี่ยนทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ ไม่ใช่ เขาทำงานด้วยระบบ อย่างกองทัพบกผู้บัญชาการทหารบกมามี 36 คนแล้วผมเป็นคนที่ 37 ผมก็ทำตามที่ 36 ทำมา 35 ทำมา อันนี้เป็นหลัก ต่อมาผมก็พัฒนาในส่วนของ 37 ทำ ก็เป็นอย่างนี้ทุกที่ ระดับแม่ทัพภาค 4 ก็เหมือนกัน เหมือนกันทุกอย่าง

การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ทุกคนก็เป็นกังวลช่วงนี้ก็ผ่านจาก คสช. มา เบาลง กลับมาเรื่องคณะรัฐมนตรีเอาอีกแล้ว มีปัญหา มีทหารมาก ทหารน้อย ผมว่าไม่ใช่ปัญหาดูว่าปัญหาเกิดที่ไหนแล้วเราจะแก้อะไร วันนี้เราต้องการให้มีประชาธิปไตย และตรารัฐธรรมนูญชั่วคราว เพราะฉะนั้นผมว่าอย่ามาดูตรงนี้ทหารมาก ทหารน้อย ผมใคร่ครวญดูกันแล้วถ้าไม่มีทหารเลยก็ไม่ได้ เพราะว่าอะไร เพราะว่าความมั่นคงก็มีปัญหา ความสงบเรียบร้อยก็มีปัญหา บางคนบอกว่า เดี๋ยวต้องเอารุ่นพี่ไม่มี รุ่นน้องไม่มี แล้วถ้าผมไม่มีรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อนที่ไว้ใจเข้ามาทำงานก็ไม่ได้อีก ผมพยายามที่จะเกลี่ยสัดส่วนต่างๆ ให้ดีอย่าระแวงกันจนเกินไปนักและเถียงกันไปจนหาคนดีไม่ได้เลยในวันนี้ ผมไม่เข้าใจ ไม่จริงทุกอย่างผมเป็นคนตัดสินใจทั้งสิ้นใครจะว่า ใครจะเสนอ ใครจะพูดกับใคร เดี๋ยวดูกันต่อไป ถ้าเขาทำงานไม่ดีก็ปรับใหม่ได้หมด รัฐบาลปรับได้ไม่รู้กี่ครั้ง ใครไม่ดีก็ออกไป ใครทำทุจริตก็ติดคุกไปก็มีแค่นั้นจะกลัวอะไร ใช้กระบวนการประชาธิปไตยให้ถูกต้อง ไม่ใช่ไปไล่ล่าฆ่าฟัน วันนี้ผมไม่ใช่พรรคไหนเลย เป็นพรรคของคนไทยเดินหน้าประเทศไทย เพราะฉะนั้นไม่มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ไม่มี ผมต้องการให้ทุกคนมองชาติเป็นหลัก อย่าสนใจตัวบุคคลให้มากนัก เพราะฉะนั้นเราคงไม่ปล่อยให้ใครมาขัดขวางการทำหน้าที่มีแต่อยากให้มาสนับสนุนเราให้มากขึ้น ทุกคนมาแสดงความคิดเห็น ผมรับฟังความคิดเห็นทุกคนที่ทำงานวันนี้ได้ผมฟังทุกคนมา บางครั้งก็ปวดหัวเหลือเกินเพราะข้อเสนอมาก เป็นร้อยเป็นพันเรื่อง ผมก็รับทุกเรื่อง นำมาใคร่ครวญ นำมาไตร่ตรอง นำมาสั่งการ นำมาไปหารือ ที่ปรึกษามีไม่รู้กี่คณะไม่ใช่คณะเดียว มีทั้งในระบบ นอกระบบ Out Source ต่างๆ มากมายไปหมดนักวิชาการมีมากมาย ผมก็ต้องดูทั้งหมดแล้ว มาย่อยให้ตรงกัน แล้วอะไรทำได้ก็ทำนั่นคือการทำงานของผม วันหน้าก็ต้องเป็นแบบนี้ไม่ต้องไปกังวลกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ เพราะทั้งหมดต้องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่แล้ว และนายกรัฐมนตรีเป็นคนอนุมัติหลักการจะนำเข้าหรือไม่ ถ้าไม่ดีก็ยังไม่นำเข้า ใครจะยัดไส้อะไรมาก็แล้วแต่ ผมต้องใช้การตรวจสอบที่ดี ผมต้องวางแผนตรงนี้ไว้แล้ว ผมคงไม่ให้มีการอนุมัติโดยการที่เรียกว่ายัดไส้อะไรทำนองนี้ ไม่ได้หรอก ผมไม่ยอมอยู่แล้ว ตัวผมเองตั้งมั่นว่าเราไม่ทุจริต แต่ใครก็ทุจริตไม่ได้ แต่สำคัญเราจะรู้ได้อย่างไร นั่นไปหาทางช่วยผมโน้น

การที่วันนี้เกิดปัญหาอะไรก็ตาม ข้าราชการ บางพวกบางฝ่าย ผลประโยชน์สมยอม ประชาชนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะฉะนั้นคงต้องสร้างทั้งสังคม สิ่งแวดล้อม คุณธรรม จริยธรรม ปลูกฝังเด็กตั้งแต่ประถมขึ้นไป ให้เกลียดชังการทุจริต ไม่สมยอม เอื้อประโยชน์ อะไรเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ต้องเริ่มให้หมด เริ่มปลูกฝั่งตั้งแต่วันนี้ ก็ต้องหลายชั่วคนเหมือนกันถึงจะแก้เรื่องนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องของการเพาะบ่มมาตั้งแต่เด็ก

สรุป ประเทศไทยดูจะมีปัญหาไปมากมายเหมือนกัน ทุกเรื่องผมพูดมา 11 ครั้งไปแล้ว ครั้งที่ 12 ก็ยังพูดเรื่องปัญหาอีก เพราะผมรู้ว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปข้างหน้าไม่ได้ ณ ท่ามกลางความขัดแย้ง ท่ามกลางความปัจจัยจากภายใน ภายนอก เพราะฉะนั้นประเด็นหลัก คือ ความเข้าใจในนโยบายของรัฐ การบริการของหน่วยงาน แผนงานด้านเศรษฐกิจต้องชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเกษตรกรรมแก้ปลายเหตุมาตลอด ต้องกลับไปแก้กลางเหตุและต้นเหตุ ผมใช้คำง่ายๆ และสาเหตุถ้าเราแก้ปลายเหตุอย่างเดิมก็แก้เหมือนเดิม ปัญหาก็กลับมาทับใหม่ ปัญหาใหม่ก็เกิด ปัญหาเก่าก็ทับซ้อนอยู่มันจะไปแก้อะไร ต้องสร้างระบบ ใช้เวลา ถ้าเดือดร้อนก็เดือดร้อนทุกอย่าง ทุกอย่างเดือดร้อนไปหมดถ้าไม่ช่วยกัน

ผมฝากความหวัง อนาคตของประเทศชาติอย่างยั่งยืน กับ สปช. และคณะที่ทำการร่างรัฐธรรมนูญว่าต้องช่วยกันทำ วางรากฐานบ้านเมืองในอนาคต ในทุกประเด็นที่เราเป็นปัญหาอยู่ ทั้งลดความขัดแย้ง ทั้งการพัฒนาประเทศชาติ สร้างความเข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำ เหล่านี้ อะไรที่อยู่ในสภาปฏิรูปก็ถกแถลงกันไป ตั้งหัวข้อให้ดี เรียงลำดับให้ได้ อะไรจะทำก่อนทำหลัง และที่เหลือก็เสนอเข้ามาตามลำดับ ตามห้วงเวลาที่มีอยู่ ระหว่างนี้เราจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรมอย่างเต็มที่ พยายามลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้น้อยที่สุด ขอบคุณนะครับ รบกวนเวลามาพอสมควร ขอบคุณและสวัสดีครับ ขอบคุณครับ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

การหายตัวไปของบุคคลในซีเรีย: เงาปิศาจแห่งสงคราม

0
0
เนื่องในวันนี้ 30 สิงหาคม เป็นวันรำลึกเหยื่อการบังคับบุคคลให้สูญหายสากล (International Day of the Victims of Enforced Disappearances) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงได้ออกบทความพิเศษเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการบังคับบุคคลให้สูญหายที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในซีเรียซึ่งมีผู้ถูกบังคับให้สูญหายจำนวนมากในขณะนี้

 
ครั้งสุดท้ายที่ราเนีย (ไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ) พูดกับโมฮัมเหม็ด บาเชียร์ อาหรับ (Mohamed Bachir Arab) ซึ่งเป็นเพื่อนครั้งสุดท้ายคือเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2554 โมฮัมเหม็ดเป็นแพทย์ที่ขยันทำงานและเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จริงจัง เขาต้องหลบซ่อนตัวเป็นเวลาหกเดือน เพื่อหลบหนีจากเครือข่ายที่กว้างขวางของหน่วยข่าวกรองซีเรีย ซึ่งมักนำตัวนักเคลื่อนไหวอย่างสันติแบบเขาไปคุมขัง
                
วันต่อมาความกลัวที่ร้ายแรงสุดของเธอก็เป็นจริงขึ้นมา ข่าวสั้นในช่วงค่ำประกาศว่าโมฮัมเหม็ดถูกจับกุม ญาติของเขาไม่ทราบว่าเขาถูกจับตัวไปที่ไหน
                
โมฮัมเหม็ดเป็นคนที่น่าสนใจ เขาเป็นนักเคลื่อนไหวตั้งแต่เป็นนักศึกษาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในกรุงอาเล็ปโป ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย หลายปีที่ผ่านมา เขาจัดประท้วงต่อต้านนโยบายรัฐบาลหลายครั้ง ทำให้เขากลายเป็นคู่กรณีกับทางการ ระหว่างปี 2547-2548 เขาถูกควบคุมตัวเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะได้รับการปล่อยตัว
                
แต่คราวนี้ทั้งญาติและเพื่อนร่วมงานกลัวว่าสถานการณ์จะไม่เหมือนเดิม นับแต่เกิดวิกฤตในซีเรียขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 จำนวนบุคคลที่ถูกควบคุมตัวอย่างลับ ๆ โดยรัฐ หรือถูกบังคับให้สูญหาย เพิ่มจำนวนจนยากแก่การควบคุม
                
“ทางการซีเรียใช้ยุทธศาสตร์ที่โหดร้ายจัดการกับคนที่เห็นต่าง แค่พูดต่อต้านพวกเขาเพียงครั้งเดียว พวกเขาก็จะจับกุมคุณ ถ้าทำซ้ำอีกครั้ง มีสิทธิว่าคุณอาจจะหายตัวไป”  ฟิลิป ลูเธอร์ (Philip Luther) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาค ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว
                
หลายคนซึ่งโชคดีได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกควบคุมตัวไว้เป็นเดือนหรือเป็นปี ต้องทนทุกข์กับบาดแผลที่ติดตัวจากการปฏิบัติที่โหดร้ายระหว่างถูกควบคุมตัว
                
พวกเขาส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่าถูกย้ายไปยังสถานที่ควบคุมตัวหลายแห่ง เป็นข่ายใยการทรมานที่มืดมิดภายใต้การควบคุมของหน่วยข่าวกรองและกองทัพซีเรีย
            
“ถ้าบุคคลใดถูกจับกุมและควบคุมตัวอย่างเป็นความลับ มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะถูกทรมานเพื่อรีดข้อมูล หรือเพื่อลงโทษ ประวัติที่เลวร้ายของซีเรียทำให้มีความเสี่ยงสูงมากว่าการปฏิบัติมิชอบเช่นนั้น จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้สูญหาย หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต” ฟิลิป ลูเธอร์กล่าว
                
และสำหรับผู้ที่ยังอยู่ภายนอก ความเจ็บปวดเพราะไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลยเป็นเรื่องที่ยากจะทนทาน
                
ทันทีที่ครอบครัวของโมฮัมเหม็ดทราบว่าเขาถูกจับกุม พวกเขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลว่าโมฮัมเหม็ดถูกควบคุมตัวที่ใด
                
ในเบื้องต้นพวกเขาแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่ผ่านไปสักพักหนึ่งก็เริ่มมีข่าวกระจัดกระจายเข้ามา ผู้ชายหลายคนที่ถูกปล่อยตัวมาจากสถานที่ควบคุมตัวที่มีชื่อเสียงมากสุดของประเทศ มักจะแจ้งข้อมูลให้ญาติทราบว่า ได้เคยเห็นโมฮัมเหม็ดอยู่ในสถานที่หลายแห่ง
                
ไม่นานหลังถูกจับกุม มีผู้พบเห็นโมฮัมเหม็ดอยู่ในที่ตั้งหน่วยข่าวกรองของกองทัพอากาศในกรุงอาเล็ปโป และต่อมาไปที่โรงพยาบาลในเมืองเดียวกัน ชายที่ให้ข้อมูลบอกว่าโมฮัมเหม็ดได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และมีรายงานข่าวว่าเขาถูกทรมานหรือถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย
                
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้สอบถามจากหลายคนที่เคยถูกควบคุมตัวที่ศูนย์แห่งนี้ หนึ่งในนั้นซึ่งในปัจจุบันอาศัยอยู่นอกประเทศซีเรียและขอที่จะไม่เปิดเผยชื่อบอกว่า ชีวิตในศูนย์กักตัวแห่งนี้เลวร้ายมาก บ่อยครั้งที่เขาคิดว่าตายเสียดีกว่าอยู่
                
ชายผู้นั้นอธิบายว่าผู้ถูกควบคุมตัวมักถูกทุบตีอย่างทารุณ ถูกขังในห้องขังที่แออัด สภาพที่ขาดแคลนน้ำเป็นเหตุให้พวกเขาต้องดื่มน้ำจากในห้องน้ำ สภาพที่ขาดสุขอนามัยอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรคท้องร่วงและโรคติดต่ออื่น ๆ และทำให้ผู้ถูกควบคุมตัวหลายคนเสียชีวิต
                
จากข้อมูลของผู้ถูกควบคุมตัวที่ได้รับการปล่อยตัวคนอื่น ๆ มีผู้พบเห็นโมฮัมเหม็ดอยู่ตามสถานที่ควบคุมตัวต่าง ๆ ทั้งที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพอากาศอัล-อาเมียร์ยา (al-Ameerya) ในกรุงดามัสกัส และที่หน่วยข่าวกรองทหารสาขากาบวน (Qaboun)
                
แต่แทบไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับที่อยู่ของโมฮัมเหม็ดเลย เมื่อต้นปีนี้ ชายอีกคนหนึ่งบอกว่าเคยเห็นโมฮัมเหม็ดอยู่ที่คุกทหารเซนายา (Saydnaya) และเขาอาจได้รับการนำตัวไปที่ศาลทหารแล้ว แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครทราบชะตากรรมของเขา
                
“เหตุที่โมฮัมเหม็ดถูกควบคุมตัวมาเป็นเวลาเกือบสามปีแต่ไม่มีใครทราบว่าเขาอยู่ที่ใด ทำให้เกิดภาพที่น่าอับอายเกี่ยวกับเครือข่ายลับของสถานที่ควบคุมตัวของทางการซีเรีย กองทัพที่โหดร้ายควบคุมตัวบุคคลในที่ลับ และพาตัวพวกเขาไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์แสนสาหัสที่เกิดขึ้นกับญาติของพวกเขาเลย” ฟิลิป ลูเธอร์กล่าว
                
โมฮัมเหม็ดเป็นหนึ่งในรายชื่อยาวเหยียดของนักเคลื่อนไหวแนวทางสันติ ทนายความ นักข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรม ซึ่งถูกมองว่าต่อต้านนโยบายของทางการซีเรีย เป็นเหตุให้กองทัพนำตัวพวกเขาไปควบคุมตัวอย่างเป็นความลับ หลายคนยังหายตัวไป
                
ชื่อของพวกเขาประกอบด้วยอาลี มาห์มุด (Ali Mahmoud) นักข่าวพลเมืองซึ่งถูกจับกุมตัวที่กรุงฮอมส์ในเดือนมีนาคม 2555 จูวาน อาบิด เราะห์มาน คาลิด (Juwan Abd Rahman Khaled) นักเคลื่อนไหวชาวเคิร์ดที่ถูกควบคุมตัวที่กรุงดามัสกัสในเดือนกันยายน 2555 คาลิล มาตู (Khalil Ma’touq) ทนายความสิทธิมนุษยชนซึ่งมีผู้พบเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้ายใกล้กรุงดามัสกัสในเดือนตุลาคม 2555 และนัสเซอร์ เซเบอร์ บอนเด็ก (Nasser Saber Bondek) กวีและนักเคลื่อนไหวด้านมนุษยธรรมที่ถูกลักพาตัวจากบ้านในกรุงดามัสกัสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557
                
ยังมีรายชื่ออีกจำนวนมาก พวกเขาเป็นปิศาจของสงครามในซีเรีย
                
ระหว่างให้สัมภาษณ์จากบ้านพักแห่งหนึ่งนอกประเทศซีเรีย ราเนียบอกว่าเธอจะยังคงค้นหาโมฮัมเหม็ดต่อไป “ในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมา ดิฉันไม่ได้ข่าวที่น่าเชื่อถือเลยเกี่ยวกับโมฮัมเหม็ด แต่เรายังคงตามหาตัวเขาอยู่ เขาเป็นบุคคลที่รักสันติมาก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเอาเขาไปขังคุก จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในซีเรีย”
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กลุ่มนานาชาติสนับสนุนประชาธิปไตย-สิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ 100 วันรัฐประหาร

0
0

30 ส.ค. 2557 กลุ่มนานาชาติเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ออกแถลงการณ์ครบรอบ 100 วัน การรัฐประหารในประเทศไทย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
แถลงการณ์ของกลุ่มนานาชาติเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
 
นับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และแต่งตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ความตกต่ำอย่างฉับพลันด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยได้ทำให้ประชาคมนานาชาติกังวลเป็นอย่างมาก
 
กลุ่มนานาชาติเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักกิจกรรมสิทธิมนุษยชนหลากหลายองค์กรในภูมิภาคเอเชียระหว่างการประชุมนานาชาติ “ประเทศไทย: สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในวิกฤติ” ที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อแสดงความสมานฉันท์ต่อชาวไทย
 
ในขณะที่เราตระหนักว่าประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนนั้นมีความสำคัญและไม่สามารถแยกขาดออกจากกัน เราต้องเน้นย้ำว่าสิทธิมนุษยชนนั้นไม่สามารถถูกละเลยได้จากทุกฝ่าย แม้ในช่วงเวลาอันยากลำบากสำหรับประชาธิปไตยในประเทศไทย
 
ดังนั้น กลุ่มนานาชาติเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยจึงเรียกร้องให้กองทัพไทย
 
1) ยกเลิกการบังคับใช้กฎอัยการศึกและยกเลิกคำสั่งต่างๆ ที่ละเมิดมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประชาชนชาวไทย
 
2) กลับคืนสู่รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง
 
3) ยุติการละเว้นสิทธิมนุษยชนในประเด็นต่อไปนี้
- การละเมิดนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักปกป้องสิทธิชุมชน และนักกิจกรรม
- การจับกุม การคุมขัง และการกักกันโดยพลการ
- เสรีภาพในการชุมนุม
- เสรีภาพในการแสดงออก
- สิทธิในข้อมูลข่าวสาร
- เคารพกระบวนการตามกฎหมาย
- สิทธิแรงงานข้ามชาติ
 
4) ยืนยันอำนาจและการควบคุมของพลเรือนเหนือกองทัพ
5) ยุติการนิรโทษกรรมและนำผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
6) ยกเลิกบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่ละเมิดมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

องค์กรสิทธิฯ เรียกร้องให้ถอนการแจ้งความต่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนโดยทันที

0
0
แถลงการณ์ร่วมระหว่างคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557 ระบุว่ารัฐบาลไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพไทยควรหยุดใช้กฎหมายหมิ่นประมาทโดยทันที ในการทำให้นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนต้องนิ่งเงียบ 

 
 
30 ส.ค. 2557 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 กองทัพไทยแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญาต่อนางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (มูลนิธิผสานฯ) จากกรณีที่มูลนิธิผสานฯ เรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อกล่าวหาว่ามีการทำร้ายร่างกายผู้ถูกควบคุมตัว โดยแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาททำให้กรมทหารพรานที่ 41 จังหวัดยะลาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยต้อง “เสื่อมเสียชื่อเสียง” 
 
คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล ฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงร่วมกันเรียกร้องให้มีถอนการแจ้งความร้องทุกข์ข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยทันที
 
การแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าวเกิดหลังจากที่นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ส่งจดหมายเปิดผนึกลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2557 ถึงผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของไทย โดยนางสาวพรเพ็ญได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ทุบตีชายคนหนึ่งอย่างรุนแรงระหว่างการจับกุม เมื่อเดือนเมษายน 2557 และระบุว่าหากข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความจริงก็จะถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายไทยรวมทั้งอนุสัญญาต่อต้านการทรมานซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นภาคีด้วย
 
ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 กอ.รมน. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทหารพรานที่ 41 และหน่วยงานอื่น รวมทั้งแพทย์ที่ตรวจร่างกายผู้เสียหายที่ร้องเรียนว่าถูกทำร้าย ได้ออกคำแถลงชี้แจงว่าได้ทำการสอบสวนและพบว่าข้อกล่าวหาที่ว่ามีการทำร้ายร่างกายนั้นไม่เป็นความจริง ทั้งคำแถลงยังกล่าวอีกว่ามูลนิธิผสานวัฒนธรรมจะต้องรับผิดชอบต่อการบิดเบือนความจริงและเผยแพร่ข้อความเท็จสู่สาธารณะโดยเจตนา
 
ทั้งนี้ กรณีนี้ถือเป็นกรณีที่สองภายในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ที่กองทัพไทยใช้กระบวนการยุติธรรมทางอาญามาใช้ในทางที่ผิด เพื่อข่มขู่คุกคามนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ทำงานในการติดตามและบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยในเดือนธันวาคมปี 2556  กองทัพเรือไทยได้ยื่นฟ้องกรณีบรรณาธิการเว็บไซต์ข่าวของประเทศไทย “ภูเก็ตหวาน”  โดยกล่าวหาว่าเป็นการหมิ่นประมาทและกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์)  โดยการผลิตซ้ำซึ่งข้อความบางส่วนจากบทความที่ได้รับรางวัลพูลิเซอร์ ของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับการกล่าวหาว่ามีการลักลอบนำเข้าและการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ชนกลุ่มน้อยในประเทศเมียนมาร์ที่เผชิญกับปัญหาการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและความรุนแรง 
 
การแจ้งความร้องทุกข์คดีอาญาต่อนางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติและมูลนิธิผสานวัฒนธรรมถือเป็นการโจมตีการทำงานในฐานะนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและเป็นการคุกคามต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของผู้ที่ทำงานเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
 
นอกจากนี้ ยังเป็นการละเมิดสิทธิของผู้เสียหายที่ถูกปฏิบัติอย่างทารุณโหดร้ายที่จะได้รับการสืบสวนสอบสวนในข้อร้องเรียนดังกล่าวอย่างทันท่วงที เป็นอิสระ และมีความเป็นกลาง โดยปราศจากการถูกข่มขู่คุกคาม ซึ่งสิทธิดังกล่าวได้การรับรองไว้ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศรวมถึงสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีด้วย
 
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2545 ซึ่งได้อุทิศทรัพยากรส่วนใหญ่ในการทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 เป็นต้นมา โดยการติดตามและบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการทรมานและการปฏิบัติที่ทารุณโหดร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงอื่นๆ ทั้งนี้นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยด้วย
 
คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) ฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เน้นย้ำว่า เจ้าหน้าที่รัฐของไทยมีหน้าที่ในการให้ความเชื่อมั่นว่าบุคคลทุกคนและองค์กรต่างๆ  ที่ทำงานปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน จะสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยและเอื้ออำนวยต่อการทำงาน
 
ข้อมูลพื้นฐาน
 
สิทธิในการร้องเรียนเกี่ยวกับการทรมานและการปฏิบัติที่ทารุณโหดร้ายอื่นๆ และสิทธิที่จะได้รับการสืบสวนสอบสวนข้อร้องเรียนนั้นอย่างทันท่วงทีและด้วยความเป็นกลาง ได้รับการรับรองภายใต้สนธิสัญญาระหว่างประเทศซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นภาคี ได้แก่ อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง 
 
ประเทศไทยถูกวิจารณ์ในเดือนพฤษภาคม 2557 เกี่ยวกับความล้มเหลวในการให้ความเคารพต่อสิทธิดังกล่าว เมื่อคณะกรรมาธิการต่อต้านการทรมานแห่งสหประชาชาติได้แสดงออกถึงข้อกังวลว่า “มีข้อกล่าวหาจำนวนมากและสอดคล้องกันว่ามีการกระทำตอบโต้อย่างร้ายแรงและคุกคามนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชน ผู้นำชุมชน และญาติผู้เสียหาย ซึ่งเป็นการโจมตีทางวาจาและทางร่างกาย การบังคับให้สูญหาย และการวิสามัญฆาตกรรม เช่นเดียวกับการขาดการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการสอบสวนข้อกล่าวหาดังกล่าวด้วย”
 
คณะกรรมาธิการให้คำแนะนำว่า “ประเทศไทยควรจะมีมาตรการที่จำเป็นในการ (ก) ยับยั้งซึ่งการคุกคามและโจมตีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนโดยทันที (ข) มีการสอบสวนอย่างเป็นระบบต่อการข่มขู่ การคุกคาม และโจมตีโดยมุ่งที่จะดำเนินคดีและลงโทษผู้กระทำผิด และรับประกันว่าจะมีการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพแก่เหยื่อและครอบครัวของเหยื่อ”
 
นอกจากนี้ ในข้อ 1 ของปฏิญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยนักต่อสู้สิทธิมนุษยชน ได้บัญญัติถึงมาตรฐานทางสากลสำหรับคุ้มครองบุคคลที่ทำงานในการปกป้อง คุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยยืนยันว่า “ทุกคนในฐานะปัจเจกชนและโดยรวมกับผู้อื่นมีสิทธิในการส่งเสริมและต่อสู้เพื่อการคุ้มครองและตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานในระดับชาติและระหว่างประเทศ”
 
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ให้การรับรองภายใต้ข้อ 19 ระบุว่าเสรีภาพในการแสดงออกโดยอิสระซึ่งรวมถึงสิทธิในการบอกกล่าวข้อมูลด้วย คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติซึ่งทำหน้าที่ติดตามการปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ของรัฐต่างๆ ได้แสดงความกังวลถึงการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทในทางที่ผิดโดยการทำให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกลายเป็นความผิดทางอาญา และกล่าวว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ควรถูกนำมาใช้เมื่อการแสดงออกนั้นเกิดขึ้นโดยปราศจากเจตนาร้ายและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สัมมนาพระปกเกล้าระบุคนไทยมอง 'ตำรวจ-พรรคการเมือง' ทุจริตมากที่สุด

0
0
สถาบันพระปกเกล้าจัดสัมมนา "ปฏิรูปประเทศไทย : การต่อต้านการทุจริต" ชี้ควรกำหนดให้การแก้ปัญหาทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ มีมาตรการลงโทษทางสังคมกับผู้ทุจริต ออกกฎหมายปกป้องผู้ให้เบาะแส ระบุคนไทยมองตำรวจ พรรคการเมืองทุจริตมากที่สุด

 
30 ส.ค. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่าสถาบันพระปกเกล้าจัดสัมมนาภายใต้โครงการสัมมนาสู่ทศวรรษที่เก้า : ก้าวใหม่ของระบอบประชาธิปไตยไทย ในหัวข้อ "การปฏิรูปประเทศไทย : การต่อต้านการทุจริต" โดยนายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานเปิดงาน พร้อมกล่าวปาฐกถาว่าปัญหาการทุจริตเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกยาวนานในสังคมไทย อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง ในหลายปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็มาจากปัญหาการทุจริต ค่านิยมของสังคมไทย พบว่า 1 ปีที่ผ่านมา คนไทย 2 ใน 5 เคยให้สินบน สะท้อนให้เห็นว่าสังคมมองเรื่องการทุจริตเป็นเรื่องปกติ ส่งผลให้ความโปร่งใสของประเทศไทยถูกจัดอันดับลดลง
 
“การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย ควรกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยมองปัญหาการทุจริตเป็นเรื่องรอง โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างคนเก่ง มากกว่าการสร้างค่านิยมเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต สังคมไทยจึงควรร่วมกันสร้างกลไกการต่อต้านการทุจริตด้วยการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้อง ควรกำหนดมาตรการลงโทษทางสังคมกับผู้ทุจริต และมีมาตรการสนับสนุนผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเช่นเดียวกับบางประเทศที่มีมาตรการที่เข้มงวด ขณะที่ผู้นำประเทศต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี และถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ผู้นำของไทยประกาศจุดยืนชัดเจนที่จะปฏิเสธการทุจริต แต่เห็นว่านอกจากการประกาศจุดยืนแล้ว จะต้องลงมือทำให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วย” นายวุฒิสาร กล่าว
 
ด้านนางถวิลวดี บุรีกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา พร้อมด้วยกลุ่มนักวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า เสนอผลวิจัยจากผลสำรวจความเห็นคนไทยต่อสถานการณ์ทุจริตในไทย โดย Global Corruption Barometer หรือ GCB ปี 2013 ที่ระบุว่าคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับการทุจริตคอร์รัปชั่น และมองว่าหน่วยงานที่พบการทุจริตมากที่สุดคือ ตำรวจ รองลงมาคือ พรรคการเมือง ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อของประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จึงขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาและป้องปรามการทุจริต ด้วยการออกกฎหมายปกป้องผู้ให้ข้อมูล แจ้งเบาะแสหรือคุ้มครองพยาน เพื่อส่งเสริมความกล้าหาญในการเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชั่น
 
“ส่วนมาตรการเชิงโครงสร้าง ต้องให้มีกระบวนการประเมิน คัดเลือก หรือเลื่อนตำแหน่งที่ยุติธรรม การสรรหาคนเข้าสู่อำนาจต้องมีมาตรฐานที่สูงขึ้น ส่วนมาตรการเชิงกฎหมาย ขอให้ สนช. พิจารณาออกกฎหมายว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ปรับปรุงกฎหมายอื่นเพื่อลดช่องว่างที่เอื้อต่อการทุจริต และตรวจสอบมาตรการทางภาษีอากร และต้องส่งเสริมให้สื่อมีเสรีภาพ และกล้านำเสนอมากขึ้น ควบคู่มาตรการทางสังคมที่เข้มแข็งร่วมกดดัน เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น” นางถวิลวดี กล่าว
 
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น อภิปรายในหัวข้อ "ปฏิรูปประเทศไทยด้วยการต่อต้านการทุจริต เรื่องการปราบปรามการทุจริต ว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ต้องมีมาตรการที่เข้มแข็งทั้งทางกฎหมายและสังคม เพื่อให้การทุจริตทำได้ยากขึ้น ที่ผ่านมาสังคมไทยและรัฐบาลไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องการปราบปรามการทุจริตเท่าที่ควร ผู้มีอำนาจไม่สนองตอบ
 
“แม้จะเพิ่มงบประมาณของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่การทุจริตยังไม่ลดลง ตราบใดที่ผู้มีอำนาจหรือคนที่เข้ามาบริหารงานในรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่นเสียเอง ขอเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าต้องเป็นแบบอย่างที่ดีเรื่องการป้องกันทุจริตและเรียกร้องให้ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการแก้ปัญหา” นายวีระ กล่าว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ผลชันสูตร นักโทษเสื้อแดงตายในคุก น่าจะเป็นเพราะติดเชื้อในเลือด

0
0
30 สิงหาคม 2557 น.พ.สลักธรรม โตจิราการ ในฐานะพยานในการชันสูตรของครอบครัวนายสุรริช ชัยมงคล ซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 28 ส.ค. กล่าวหลังร่วมชันสูตรกับเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลตำรวจว่า นายสุรกริชน่าจะเสียชีวิตจาก กระเพาะอาหารอักเสบ หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เบื้องต้นไม่พบเลือดออกในช่องท้อง
 
สลักธรรมให้ข้อสังเกตว่าเหตุการเสียชีวิตของนายสุรกริชอาจเกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบอาจเกิดจากการติดเชื้อในเส้นเลือดหรืออาจการได้รับสารพิษ เพราะพบเลือดออกในกระเพาะอาหารจำนวนหนึ่ง หรือสาเหตุยิบย่อยต่างๆ ต้องรอการชันสูตร แต่ยืนยันว่า ในการชันสูตรวันนี้ไม่มีเลือดออกในช่องท้อง หรือตับ ซึ่งทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าถูกซ้อมหรือไม่
 
ส่วนเรื่องรอยช้ำบริเวณลำตัว สลักธรรมชี้แจงว่ายังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดก่อนหรือหลังการเสียชีวิต ซึ่งเมื่อผู้เสียชีวิตมีอาการเกล็ดเลือดต่ำก็อาจเกิดรอยช้ำบริเวณผิวหนังได้
 
ส่วนที่สมองนั้น เบื้องต้นไม่พบเลือดออกในสมอง แต่ยังต้องใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการติดตามผลการชันสูตรโดยละเอียดจากการตรวจเนื้อเยื่อสมอง 
 
เมื่อทนายสอบถามไปยังห้องบริการประชาชน เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าต้องใช้เวลาตรวจผลชิ้นส่วนในร่างกาย 45 วันไม่รวมเสาร์อาทิตย์
 
น.พ.สลักธรรม โตจิราการ ชี้แจงกับผู้มาสังเกตการณ์ถึงผลการชันสูตร
 
นายสุรกริช ซึ่งเป็นผู้ต้องหายิง นายสุทิน ธนาทิน แกนนำ กปท. เสียชีวิต (รายละเอียด) ได้เสียชีวิตระหว่างถูกฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในขณะที่กรมราชทัณฑ์เปิดเผยว่า สุรกริชเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว หากแต่มารดาของนายสุรกริชยืนยันว่า ลูกชายของตนสุขภาพดี และเชื่อว่าน่าจะถูกซ้อมจนตายมากกว่า
 
นางอารีย์ ชัยมงคล มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า วันที่ 8 ก.ค 57 ทหารหนึ่งกองร้อยได้บุกมาที่บ้าน และจับกุมลูกชายของตน โดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก หลังการจับกุม นายสุรกริชถูกนำไปควบคุมตัว สน.บางนา 1 คืน ต่อมาถูกย้ายควบคุมที่ศาลพระโขนง 1 คืน  และถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 
 
นางอารีย์กล่าวว่า เมื่อแรกเข้าไปในเรือนจำ นายสุรกริชถูกจองจำอยู่ที่แดนหนึ่ง และได้รับการดูแลจากนักโทษการเมืองเสื้อแดงอื่นๆ เช่น  ทอม ดันดี และ เจ๋ง ดอกจิก ในช่วงแรกของการเข้าเยี่ยม พบว่าลูกชายดูมีกำลังใจดี ร่างกายแข็งแรง ซึ่งตนนั้นได้เข้าไปเยี่ยมในช่วงแรกอาทิตย์ละ2ครั้ง
 
ต่อมาเมื่อ2อาทิตย์ทีผ่านมา เรือนจำได้ย้ายนายสุรกริช ไปอยู่แดนสี่ โดยไม่ให้เหตุผล โดยในการเข้าเยี่ยมครั้งสุดท้าย คือเมื่อวันที่ 21 ส.ค 57 นายสุรกริชบอกกับมารดาว่า อยู่ที่แดนสี่นั้น “คงไม่รอด ตายแน่”  เพราะโดนซ้อมในมุมมืดของเรือนจำ จึงไม่สามารถระบุว่าใครเป็นผู้ซ้อม ได้ยินแต่เสียงว่า “ใครเป็นเสื้อแดงจะฆ่าให้หมด”
 
มารดาของเขาสังเกตว่า เมื่อย้ายมาอยู่แดนสี่ เขายังดูร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ยกเว้นแต่ร่องรอยการถูกซ้อมบ้าง และสภาพที่ดูผอมไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งทุกครั้งที่ตนไปเยี่ยม จะฝากเงินและอาหาร ให้ตลอด  
 
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'ชาติพันธุ์นิพนธ์'

0
0
"ตั้งแต่ลิขสิทธิ์ลิงเซลฟี่ เฮลโหลคิตตี้ไม่ใช่แมว แล้วพีนัทส์ทวีตยันสนุปปีเป็นหมา 
โลกเสรีนี่มันช่างไร้สาระจริงๆ 
ไม่เหมือนโลกไทยๆ ไม่มีวันเอาผิดคนสั่งฆ่าประชาชนได้"
 
28 ส.ค. 57

มหาดไทยรับลูก คสช. ตั้ง ‘ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกระทรวงมหาดไทย’

0
0

30 ส.ค. 2557 นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกระทรวงมหาดไทย(ศปท.) ขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะนี้อยู่ระหว่างการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการมหาดไทยใสสะอาด ระยะเวลา 3 ปี โดยให้ทุกหน่วยงานยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างจริงจัง

โดยประกอบด้วยมาตรการสำคัญ 5 ด้าน ประกอบด้วย การป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การพัฒนาระบบการจัดการเรื่องร้องเรียน การทุจริตให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลยิ่งขึ้น การวางระบบมาตรฐาน ความโปร่งใส ในการให้บริการปิดช่องทางที่จะเอื้อต่อการกลั่นแกล้ง บังคับขู่เข็ญ เรียกร้องผลประโยชน์ การพัฒนาระบบตรวจสอบภายในองค์กร และส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ ในการเข้ามามีส่วนร่วมป้องกันแก้ไขปัญหา การกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อลดการใช้ดุลพินิจ และช่องทางการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ รวมทั้ง การกำหนดบรรทัดฐานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาลและปรับปรุงระบบบริหารบุคคลให้เอื้อต่อเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ แผนมหาดไทยสะอาดจะมีมาตรการลงลึกไปถึงกระบวนงานสำคัญ ทั้งในส่วนของกรม รัฐวิสาหกิจในสังกัด จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยจะมีการกำหนดแนวทางแก้ไขในแต่ละกระบวนงานไว้อย่างครอบคลุมชัดเจน รวมทั้งมีระบบการตรวจสอบติดตามประเมินผล ตลอดจนการดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาการทุจริตคิดมิชอบในวงราชการเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาประเทศ

 

เรียบเรียงจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

คลังกล่อมออมสินปล่อยกู้บินไทยแบบไร้คนค้ำประกันต่อ หลังปฏิเสธเหตุเสี่ยงไป

0
0

กระทรวงการคลังเจรจากับธนาคารออมสินขอให้ปล่อยกู้เพื่อเสริมคล่องให้กับการบินไทย 7,000 ล้านบาท โดยไม่มีคนค้ำประกันแล้ว หลังออมสินปฏิเสธเหตุ มีความเสี่ยงและเป็นวงเงินขนาดใหญ่ ประกอบกับยังไม่ส่งแผนฟื้นฟูกิจการ

30 ส.ค.2557 หลังจากเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา นายธัชพล กาญจนกูล รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะเสนอขอกู้เงินจากออมสินจำนวน 5,000-7,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้นว่า ทางการบินไทยเสนอขอกู้เงินประมาณเดือนกว่าแล้ว แต่ธนาคารไม่สามารถพิจารณาอนุมัติให้ได้ เพราะมองว่าค่อนข้างมีความเสี่ยงและเป็นวงเงินขนาดใหญ่ ประกอบกับการบินไทยยังไม่ส่งแผนฟื้นฟูกิจการและแผนหารายได้ ลดรายจ่ายที่ชัดเจนให้ซูเปอร์บอร์ดรับทราบ และไม่มีแผนการหารายได้เสนอประกอบการขอกู้เงินมาที่ธนาคาร

เนื่องจากสถานะของการบินไทยที่คาดว่าจะขาดทุนปีนี้ถึง 20,000 ล้านบาท ทำให้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยกู้ รวมทั้งธนาคารกรุงไทยด้วย หากจะให้ออมสินอนุมัติการปล่อยกู้ก็ต้องมีแนวทางลดความเสี่ยงให้ด้วย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เจรจากับธนาคารออมสินขอให้ปล่อยกู้เพื่อเสริมคล่องให้กับการบินไทย วงเงิน 7,000 ล้านบาท โดยไม่มีคนค้ำประกันแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารออมสิน ยืนเงื่อนไขขอดูแผนฟื้นฟูของการบินไทยที่ความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (ซุปเปอร์บอร์ด) ก่อน เนื่องจากผลดำเนินงาน ปี 56 การบินไทยขาดทุนกว่า 12,000 ล้านบาท และกว่าจะจัดการปัญหาขาดทุนสะสมได้คงใช้เวลาอีกหลายปี

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม ได้ขอให้ธนาคารออมสินช่วยพิจารณาเรื่องดังกล่าว คาดว่าที่สุดแล้ว ธนาคารออมสินจะต้องปล่อยกู้ให้การบินไทยเพื่อเสริมสภาพคล่องภายในเดือน ก.ย. นี้ เนื่องจากการบินไทย มีความจำเป็นต้องใช้เงินสภาพคล่องจำนวนนี้ หากกระทรวงการคลังไม่ค้ำเงินกู้ดังกล่าว คงต้องประสานทางสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดำเนินการจัดหาแหล่งเงินมาใช้หนี้คืนธนาคารออมสินในต้นปี 58

นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) ยังไม่เคยพิจารณาเรื่องปล่อยกู้การบินไทยโดยจะมีการประชุมบอร์ดครั้งหน้าในวันที่ 18 ก.ย.นี้ทั้งนี้หลักการพิจารณาการปล่อยกู้จะต้องดูว่าผู้กู้จะนำเงินไปทำอะไร ความสามารถในการชำระหนี้ แผนฟื้นฟูจะเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้ธนาคารออมสินมีความเสี่ยงในการปล่อยกู้ แม้ว่าขณะนี้ธนาคารออมสินจะมีสภาพคล่องมาก แต่หากเกิดความเสียหายจะกลายเป็นภาระจากเงินภาษี

 

เรียบเรียงจาก : สำนักข่าวไทย, เดลินิวส์และ โพสต์ทูเดย์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ญาติเหยื่อสลายชุมนุมแดง53 เตรียมเคลื่อนขอความเป็นธรรมพรุ่งนี้ วอนคสช. เข้าใจไม่ได้ต้าน

0
0

หลังศาลอาญายกฟ้องคดี ‘อภิสิทธิ์-สุเทพ’ ร่วมกันก่อให้เกิดการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ จากการสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 ล่าสุดกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตเผยเตรียมเคลื่อนขอความเป็นธรรมพรุ่งนี้ 4 จุด วอนให้โอกาสเคลื่อนเพราะไม่ได้ต่อต้าน คสช.

30 ส.ค.2557 หลังจากเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำสั่งยกฟ้องคดีพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83, 84 และ 90 จากกรณีออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)เมื่อปี 2553 ทำให้เห็นมีผู้ถึงแก่ความตาย และบาดเจ็บจำนวนมาก

โดยศาลระบุว่ามูลเหตุแห่งคดี เป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวหาจำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศอฉ. ซึ่งเป็นความผิดตามอำนาจหน้าที่ราชการ และเป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงอยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หาใช่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลอาญาไม่ ศาลอาญาจึงไม่มีอำนาจรับคำฟ้องของโจทก์ทั้ง 2 สำนวน จึงพิพากษายกฟ้องคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 2 และยกฟ้องการขอเป็นโจทก์ร่วม

ล่าสุด นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตระหว่างสลายการชุมนุมที่วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร ในวันที่ 19 พ.ค. 2553 เปิดเผยว่าทางญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 53 จะมีการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมฟ้องศาลประชาชน 4 จุด ในวันพรุ่งนี้(31 ส.ค.57)บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS  โดยเริ่มจากสวนจตุจักร ประมาณ 10 โมงเช้า จากนั้นจะมีการพูดคุยปรึกษาหารือกับผู้ร่วมกิจกรรมว่าจะดำเนินการอย่างไรและเคลื่อนต่อมายัง อนุสาวรีย์ชัยฯ เเยกปทุมวัน และหน้าวัดปทุมฯ กิจกรรมที่จะจัดนี้เกิดจากการพูดคุยกันกับกลุ่มญาติผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ พ่อน้องเฌอ 

นางพะเยาว์ กล่าวด้วยว่า ความเป็นธรรมมันไม่เกิด แม้กระทั่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญายังแย้งออกมา(อ่านรายละเอียด)  หากต่อไปคนเป็นนายกรัฐมนตรีมีการสั่งให้ใช้กระสุนจริงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเล็งเห็นผลได้อยู่แล้วว่าจะเกิดความเสียหายกับชีวิตประชาชน จนนำมาสู่การสังหารประชาชน  แล้วกลับบอกว่าให้โอนคดีไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ทั้งที่การสังหารประชาชนนั้นไม่ใช่เรื่องการทุจริต ดังนั้นคดีนี้ต้องเป็นคดีอาญา อีกทั้งตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเองก็พูดตลอดว่าเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและพร้อมที่จะสู้คดี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่กลับมีคำตัดสินแบบนี้ จึงถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น

สำหรับความกังวลกับการถูก คสช. ดำเนินการจับกุมตัวหากทำกิจกรรมนั้น นางพะเยาว์ มองว่า คสช. จะเน้นดำเนินการกับผู้ที่เคลื่อนไหวโจมตี คสช. แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มญาตินี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อต้าน คสช. ดังนั้นจึงอยากให้ คสช. พิจารณาถึงการเคลื่อนไหวนี้ด้วย

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สมัคร สปช. 17 วัน 4,584 คน ด้านการศึกษาสมัครมากที่สุด สื่อน้อยที่สุด

0
0
เผยยอดรวมการยื่นสรรหาสมาชิก สปช. 17 วัน จำนวน 4,584 คน ด้านการศึกษาได้รับความสนใจมากที่สุด ขณะที่ด้านสื่อสารมวลชนได้รับความสนใจน้อยที่สุด ด้าน "อลงกรณ์" ร่อนเอกสารสมัคร สปช.ให้ กกต.แล้ว จนท.แจงเบื้องต้นไม่พบข้อผิดพลาด สมัครด้านพลังงาน

 
30 ส.ค. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่านายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง แถลงสรุปผลการเสนอชื่อเข้าสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) วันนี้ (30 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันที่17 ว่ามีองค์กรนิติกรบุคคลไม่แสวงหาผลกำไรยื่นเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. ในส่วนของสำนักงาน กกต.กลาง จำนวน 11 ด้าน เป็นองค์กรนิติบุคคลจำนวน 215 คน ส่วนจังหวัด 20 คน รวมวันนี้ทั่วประเทศมีผู้เสนอรายชื่อจำนวน 235 คน สรุปยอดรวมผู้เสนอชื่อทั้ง 17 วัน มีองค์กรนิติบุคคลที่เสนอชื่อเข้ามาจำนวน 2,417 คน ส่วนจังหวัดจำนวน 2,167 คน รวมทั้งสิ้น 4,584 คน
 
“ขณะที่จำนวนผู้มาเสนอชื่อทั้ง 11 ด้าน ปรากฏว่าด้านการศึกษามีจำนวนมากที่สุด 404 คน และด้านสื่อสารมวลชนมีผู้เสนอชื่อจำนวนน้อยที่สุด 105 คน สำหรับการเสนอชื่อโดยนิติบุคคลที่ กกต.ส่วนกลางในวันนี้มีบุคคลที่มีชื่อเสียงได้รับการเสนอจำนวนมาก อาทิ นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอในด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในนามสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา อดีตกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร เสนอด้านการเมือง พล.ท.นพ. ปริญญา ทวีชัยการ พี่ชายนายสุทธิพล ทวีชัยการ อดีตเลขาฯ กกต.” นายบุณยเกียรติ กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญเกียรติได้เป็นประธานการประชุมเลขานุการคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน เพื่อสรุปภาพรวมปัญหาการรับเสนอชื่อ ก่อนรายงานนายภุชงค์ นุตราวงษ์ เลขาธิการ กกต. เพื่อประชุมสรุปภาพรวมหลังปิดรับรายชื่อ สปช. วันที่ 2 กันยายน โดยคาดว่าจะประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กันยายนนี้ ก่อนที่กรรมการสรรหา สปช. จะรับมอบนโยบายจาก คสช. ในวันที่ 4 กันยายน
 
"อลงกรณ์" ร่อนเอกสารสมัคร สปช.ให้ กกต.แล้ว จนท.แจงเบื้องต้นไม่พบข้อผิดพลาด
 
ด้านมติชนออนไลน์รายงานว่าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นสถานที่เปิดรับการเสนอบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยสำนักงานกกต.ได้มีการตอบรับเอกสารการสมัครเข้าสรรหาเป็นสปช.ของนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ส่งเข้ามาทางไปรษณีย์ลงทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่า มูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย  เสนอให้นายอลงกรณ์ เข้ารับการสรรหาด้านพลังงาน
 
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจรับเอกสาร เปิดเผยว่าในเบื้องต้นหลังจากตรวจสอบเอกสารการสมัครเข้าเป็นสปช.ของนายอลงกรณ์ที่ส่งเข้ามามีความเรียบร้อยครบถ้วนสมบูรณ์ดี โดยอยู่ในลำดับที่ 130 ของด้านพลังงาน ซึ่งหากพบว่ามีข้อผิดพลาดในส่วนไหนทางสำนักงานกกต.ก็จะรีบดำเนินการแจ้งกลับไปยังนายอลงกรณ์เพื่อรีบดำเนินการแก้ไขต่อไปในทันที
 
 
ที่มาเรียบเรียงจาก
 
สำนักข่าวไทย, มติชน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

คสช.นั่งซ้อนครม. : ประยุทธ์ นำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว ชี้ทหารจะมาก-น้อยไม่ใช่ปัญหา

0
0

30 ส.ค. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวานนี้(29 ส.ค.57) ตอนหนึ่งถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ว่า “ทุกคนก็เป็นกังวลช่วงนี้ก็ผ่านจาก คสช. มา เบาลง กลับมาเรื่องคณะรัฐมนตรีเอาอีกแล้ว มีปัญหา มีทหารมาก ทหารน้อย ผมว่าไม่ใช่ปัญหาดูว่าปัญหาเกิดที่ไหนแล้วเราจะแก้อะไร วันนี้เราต้องการให้มีประชาธิปไตย และตรารัฐธรรมนูญชั่วคราว เพราะฉะนั้นผมว่าอย่ามาดูตรงนี้ทหารมาก ทหารน้อย ผมใคร่ครวญดูกันแล้วถ้าไม่มีทหารเลยก็ไม่ได้ เพราะว่าอะไร เพราะว่าความมั่นคงก็มีปัญหา ความสงบเรียบร้อยก็มีปัญหา บางคนบอกว่า เดี๋ยวต้องเอารุ่นพี่ไม่มี รุ่นน้องไม่มี แล้วถ้าผมไม่มีรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อนที่ไว้ใจเข้ามาทำงานก็ไม่ได้อีก ผมพยายามที่จะเกลี่ยสัดส่วนต่างๆ ให้ดีอย่าระแวงกันจนเกินไปนักและเถียงกันไปจนหาคนดีไม่ได้เลยในวันนี้ ผมไม่เข้าใจ”

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งรายชื่อโผ ครม.ประยุทธ์ 1 ล่าสุด ประกอบด้วย

1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.

2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ควบ รมว.กระทรวงกลาโหม  (ประธานคณะที่ปรึกษาคสช.)

3. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.การต่างประเทศ (รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายความมั่นคง)

4. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ (รองประธานคณะที่ปรึกษา คสช.)

5. นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคมฯ ควบ รมว.วิทยาศาสตร์ (อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ )

6. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย (ที่ปรึกษาคสช.ฝ่ายกฎหมาย)

7. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ (ผบ.ทร. และ รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายสังคมและจิตวิทยา)

8. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม (ผบ.ทอ. และ รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ)

9. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมต. ประจำสำนักนายกฯ ดูแลสำนักงบประมาณ (เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

10. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ)

11. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.กระทรวงพลังงาน

12. นายสมหมาย ภาษี รมว.กระทรวงการคลัง

13. นายพรชัย รุจิประภา รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

14. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.กระทรวงยุติธรรม (หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. )

15. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย (ที่ปรึกษา คสช.)

16. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน (ปลัดกระทรวงกลาโหม)

17. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.กระทรวงพาณิชย์ (รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.)

18. นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม

19. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

20. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

21. นางกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา รมช.กระทรวงศึกษาธิการ

22. นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.กระทรวงสาธารณสุข (อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล)

23. นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา (สนช. และ ประธานกรรมการบริหารบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด)

24. นายอภินันท์ โปษยานนท์​ รมว.กระทรวงวัฒนธรรม (ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม)

25. นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.กระทรวงพาณิชย์

26. นายสุธี มากบุญ รมช.กระทรวงมหาดไทย

27. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.กระทรวงการต่างประเทศ

28. พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงษ์ รมช.ศึกษาธิการ

29. นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข

 

เรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย, ไทยรัฐออนไลน์และ มติชนออนไลน์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

รวบตัวกลุ่มญาติเหยื่อสลายชุมนุม ขณะจัดกิจกรรมทวงความเป็นธรรม

0
0
เจ้าหน้าที่รวบตัวกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมนัดจัดกิจกรรมทวงความเป็นธรรมบริเวณ MRT และ BTS จตุจักร  เบื้องต้นตั้งข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 

 
 
 
 
 
 
 
31 ส.ค. 2557 เมื่อเวลาประมาณ 9.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจควบคุมฝูงชนทั้งในและนอกเครื่องแบบกระจายทั่วบริเวณ MRT และ BTS จตุจักร หลังกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมนัดจัดกิจกรรมทวงความเป็นธรรม 10.00 น.วันนี้  เหตุไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินศาลอาญายกฟ้อง 'อภิสิทธิ์-สุเทพ' และโอนให้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นในเวลา 10.40 น. ตร.รวบตัว นางพะเยาว์และนายณัฐภัทร อัคฮาดแล้ว หลังปรากฏตัวบริเวณ BTS หมอชิต นำตัวไป สน.บางซื่อ และต่อมาในเวลา 10.50 น. ตร. ควบคุมตัวนายพันศักดิ์ ศรีเทพ เข้าไปยังสถานีตำรวจชุมชนตลาดนัดจตุจักร หลังโปรยใบปริวเรียกร้องความเป็นธรรมกับศาลประชาชน
 
เวลา 11.40 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการศึกษา (รอง ผบก.ศ.) ช่วยราชการกอง บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงที่ สน.บางซื่อ กรณีจับกุมตัว นางพะเยาว์ นายณัฐภัทร อัคฮาด และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ 3 ญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายชุมนุมเสื้อแดงปี 53 หลังจัดกิจกรรมและโปรยใบปริวเรียกร้องความเป็นธรรม ระบุเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เนื่องจากใบปลิวดังกล่าวนอกจาก นายอภิสิทธ์และนายสุเทพ จำเลยที่ศาลอาญาพึ่งจำหน่ายคดีแล้ว ยังมีการกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ซึ่งไม่ใช่จำเลยในคดีอีกด้วย
 
พล.ต.ต.อำนวย ชี้แจงด้วยว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่การยกฟ้อง แต่เป็นการจำหน่ายคดีไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแทน เป็นการฟ้องให้ถูกศาล เนื่องจากขณะเกิดเหตุ ทั้งอภิสิทธิ์และสุเทพถือเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้งอัยการก็ยังสามารถอุทธรณ์คำสั่งศาลได้อีก
 
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เตรียมตั้งปลัด กทม.คนใหม่หลังศาลตัดสินคดีใบเหลืองผู้ว่าฯ

0
0

31 ส.ค. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่านางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยได้ออกหนังสือมายัง กทม. แจ้งว่า ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2557 ไปยังปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เพื่อชะลอการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2557 เป็นต้นไป ว่าได้รับข้อมูลที่ส่งมาทางโทรศัพท์มือถือว่า ในการแต่งตั้งข้าราชการที่ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องเป็นระดับซี 10 ขึ้นไป แต่หากต่ำกว่านั้นสามารถแต่งตั้งได้เลย ซึ่งเรื่องนี้จะขอตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับหนังสือตอบมาว่า ต้องชะลอการโยกย้ายทุกตำแหน่ง รวมถึงกระบวนการคัดเลือกด้วย แต่สามารถบรรจุข้าราชการใหม่ในตำแหน่งที่ว่างได้เท่านั้น
 
ส่วนตัวกังวลในตำแหน่งผู้อำนวยการเขต ในเดือนกันยายนนี้จะมีผู้อำนวยการเขตและผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตบางเขตเกษียณอายุราชการ โดยเฉพาะเขตสาทรและบางรัก ที่จะว่างทั้ง 2 ตำแหน่ง ซึ่งหากยังไม่สามารถแต่งตั้งได้ก็มีแนวคิดจะมอบหมายให้ผู้ช่วยปลัด กทม.ไปรักษาการผู้อำนวยการเขตสาทร และบางรักในระยะนี้ ส่วนตำแหน่งบริหารระดับสูง 7 ตำแหน่ง ที่ได้คัดเลือกและส่งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อยื่นทูลเกล้าฯ ถวาย ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา และผู้ตรวจราชการ กทม.ระดับสูงนั้น คงต้องรอการพิจารณาจาก ครม.อีกครั้งว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร แต่เชื่อว่า ครม.ชุดนี้น่าจะใช้เวลาแต่งตั้งไม่นาน เพราะ คสช.น่าจะทราบดีถึงขั้นตอนการทำงานของข้าราชการ หากล่าช้าอาจส่งผลกระทบ ไม่ใช่แค่ใน กทม. แต่เป็นกันทุกกระทรวงที่มีผลต่อทั่วประเทศ
 
นางนินนาท กล่าวถึงการแต่งตั้งตำแหน่งปลัด กทม. แทนตนเองที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ว่า ขณะนี้มีรายชื่อที่จะเสนอต่อผู้ว่าฯ กทม.แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องของมารยาท ทั้งนี้ ต้องรอผลการตัดสินของศาลอุทธรณ์คดีใบเหลืองของผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 5 กันยายนนี้ก่อน จึงจะนำเรื่องนี้หารือกับผู้ว่าฯ กทม.ถึงความเหมาะสมอีกครั้ง แต่หากยังแต่งตั้งไม่ได้ คิดว่าคงไม่เกิดปัญหา เนื่องจากหากไม่มีปลัด กทม.ก็ยังปฏิบัติงานได้ โดยรองปลัด กทม.ที่อาวุโสอันดับ 1 จะปฏิบัติหน้าที่แทน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

รอบโลกแรงงานสิงหาคม 2014

0
0

ระบบสาธารณสุขในลิเบียอาจล่มทั้งระบบเนื่องจากขาดแคลนแรงงาน
 
1 ส.ค. 2014 ทางการลิเบียเตือนว่าระบบสาธารณสุขในลิเบียอาจล่มทั้งระบบ เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ทำให้ชาวฟิลิปปินส์และชาวอินเดียที่ทำงานตามโรงพยาบาลในลิเบียพากันอพยพออกนอกประเทศ ทั้งนี้โรงพยาบาลในลิเบียเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บจากการสู้รบ แต่เจ้าหน้าที่ชาวฟิลิปปินส์ประมาณ 3,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งหมด และเจ้าหน้าที่ชาวอินเดียซึ่งคิดเป็นร้อยละ 20 ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งหมด อาจเดินทางออกนอกลิเบียไปแล้ว 
 
เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศจีน
 
2 ส.ค. 2014  เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเมืองคุนชาน ในมณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของประเทศจีน เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ (2 ส.ค.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 65 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คน สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ของรัฐบาลจีนระบุว่าโรงงานดังกล่าวเป็นของบริษัท 'จงหรง เพลตติ้ง' (Zhongrong Plating) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้บริษัทรถยนต์หลายเจ้ารวมถึงยักษ์ใหญ่อย่าง เจเนอรัล มอเตอร์ส มีแรงงานประมาณ 450 คน เหตุระเบิดเกิดขึ้นในส่วนของโรงงานขัดแต่งล้อแม็กซ์รถยนต์ โดยมีคนงานมากกว่า 200 คนอยู่ภายในโรงงาน ณ เวลาเกิดเหตุ
 
หลังเกิดเหตุมีภาพที่เกิดเหตุมากมายถูกโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ ซึ่งแสดงให้เห็นศพผู้เสียชีวิตไหม้เกรียมจากการถูกไฟคลอก กำลังถูกหามออกจากที่เกิดเหตุ บางภาพเผยให้เห็นผู้ได้รับบาดเจ็บ เสื้อผ้ามีร่องรอยถูกไฟไหม้ นั่งอยู่ภายนอกโรงงานที่มีควันดำพวยพุ่งออกมา ทั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้เกิดการระเบิดครั้งนี้ แต่อุบัติเหตุในโรงงานอุตสาหกรรมของจีนเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเกือบเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากความหย่อนยานด้านมาตรฐานความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอุบัติเหตุในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าจีนมีการพัฒนาด้านมาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น
 
ฟิลิปปินส์เร่งพลเมืองอพยพออกจากลิเบีย
 
2 ส.ค. 2014 กระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์เรียกร้องให้แรงงานชาวฟิลิปปินส์หลายพันคนจากที่มีอยู่ 13,000 คน ในลิเบียให้เดินทางออกจากลิเบียทันทีขณะที่ยังมีโอกาสก่อนที่ช่องทางการออกนอกประเทศที่เหลืออยู่จะปิดลงในเร็วๆ นี้ แถลงการณ์ระบุว่า เรือที่ฟิลิปปินส์เช่าเหมาไว้จะแล่นออกจากมอลตาในอีกไม่กี่วัน เพื่อไปรับชาวฟิลิปปินส์ตามท่าเรือเมืองเบงกาซี เมืองมิสราตา และอาจจะไปยังกรุงตริโปลีของลิเบีย โดยเรือสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้คราวละ 1,500 คน
 
นายอัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในตูนิเซีย ประเทศเพื่อนบ้านของลิเบียเพื่อประสานงานการอพยพ เกรงว่าการเดินทางออกจากลิเบียจะเหลือทางทะเลเพียงทางเดียว เพราะพรมแดนตูนิเซีย-ลิเบียปิดลงแล้ววานนี้ หลังจากเกิดเหตุยิงต่อสู้กัน ส่วนช่องทางด้านพรมแดนอียิปต์ก็ปิดมานานหลายเดือนแล้ว
 
ทางการฟิลิปปินส์ประกาศเตือนให้ชาวฟิลิปปินส์อพยพออกจากลิเบียตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม จากนั้นได้สั่งบังคับอพยพเมื่อเดือนก่อนหลังจากเกิดเหตุคนงานก่อสร้างชาวฟิลิปปินส์ถูกตัดศีรษะที่เมืองเบงกาซี อีกทั้งยังเกิดเหตุพยาบาลฟิลิปปินส์ในกรุงตริโปลีถูกลักพาตัวไปรุมโทรม อย่างไรก็ดี แม้ว่าสถานการณ์ในลิเบียมีอันตรายแต่มีชาวฟิลิปปินส์กลับประเทศเพียง 800 คนเท่านั้น เพราะห่วงว่าจะไม่มีงานทำเมื่อกลับบ้านเกิด
 
อังกฤษ-จีนอพยพคนหนีภัยลิเบีย
 
3 ส.ค. 2014 รัฐบาลอังกฤษระบุว่า ทางการส่งเรือกองทัพเรือไปยังลิเบียเพื่อช่วยอพยพพลเมืองชาวอังกฤษ ขณะสถานการณ์ความมั่นคงแย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากลิเบีย
 
แหล่งข่าวรายงานว่า เรือกองทัพเรืออังกฤษจะไปถึงในเร็ว ๆ นี้ เพื่อรับพลเมืองชาวอังกฤษ และชาติอื่น ๆ ที่ต้องการเดินทางออกจากลิเบีย สถานีโทรทัศน์สกายนิวส์รายงานว่า เรือเอชเอ็มเอส เอนเตอร์ไพรส เดินทางมาทางชายฝั่งลิเบียและคาดว่าจะเทียบท่าทางกรุงตริโปลีในวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ปฏิบัติการครั้งนี้จะเหมือนกับเมื่อปี 2554 ช่วงที่มีเหตุการณ์โค่นล้ม พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ซึ่งกองทัพเรืออังกฤษได้มาอพยพชาวต่างชาติออกจากประเทศทาง
 
ทางด้านสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ชาวจีนกว่า 400 คนได้รับการอพยพออกจากลิเบียแล้วในวันนี้ โดยก่อนหน้านี้อพยพไปแล้วหลายร้อยคนเนื่องจากการสู้รบในลิเบียทวีความรุนแรง โดยยวดยานหลายคันนำแรงงานชาวจีน 411 คน ออกจากกรุงตริโปลีข้ามพรมแดนเข้าไปในตูนิเซียตั้งแต่ช่วงเช้า และจะมีอีก 97 คนตามมาในวันนี้ สถานทูตจีนได้ดำเนินการอพยพชาวจีนออกจากลิเบียแล้วกว่า 700 คน ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน หลังจากที่ได้แจ้งเตือนชาวจีนในลิเบียเมื่อวันจันทร์ที่แล้วให้เร่งเดินทางออกจากลิเบียโดยเร็วที่สุด เนื่องจากสถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อย ๆ
 
ผู้ที่หนีการสู้รบในลิเบียเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่าลิเบียกำลังเข้าสู่สงครามกลางเมืองที่เลวร้ายกว่าเมื่อครั้ง พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกโค่นล้มและสังหารเมื่อปี 2544 เสียอีก รัฐบาลใหม่ไม่สามารถควบคุมกองกำลังต่าง ๆ ที่ช่วยกันโค่นล้มกัดดาฟีแล้วหันมาแย่งชิงอำนาจกันเองในกรุงตริโปลี ทำให้ต้องปิดท่าอากาศยานนานาชาติตริโปลี ขณะที่ในเมืองเบงกาซีทางตะวันออกของประเทศกองกำลังพิเศษของกองทัพกำลังปะทะกับกลุ่มติดอาวุธมุสลิม
 
โรงงานระเบิดในเจียงซู เหตุเพิกเฉยคำเตือนฯ คนงานตาย 75 คน
 
4 ส.ค. 2014 เซาท์ไชน่ามอร์นิง โพสต์ รายงานว่าโรงงานขัดเงาโลหะ ในเมืองคุนซานซึ่งระเบิดรุนแรงเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 ส.ค.) จนมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 75 คน มีสภาพการทำงานที่เสี่ยงอันตราย ภายใต้สภาพฝุ่นไวไฟซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของอุบัติเหตุ แม้จะได้รับคำเตือนมาหลายครั้งแต่ผู้บริหารโรงงานคุนซาน จ้งหรง เมทัล ซึ่งเป็นของชาวไต้หวันนี้ กลับละเลยที่จะป้องกันมาตลอด
       
เจ้าหน้าที่สำนักกำกับดูแลด้านความปลอดภัยโรงงาน ได้แถลงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงงานแห่งนี้ได้รับคำเตือนให้ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน แต่เจ้าของโรงงานฯ กลับละเลยมาตลอด ขณะที่เหตุระเบิดเมื่อเช้าวันเสาร์นั้น มีสาเหตุมาจากประกายไฟจากฝุ่นไวไฟที่ใช้ในการขัดเงาฝาครอบล้อแม็กซ์รถยนต์
 
รายงานข่าวกล่าวว่า นอกจากผู้เสียชีวิต 75 คนแล้ว ยังมีคนงานได้รับบาดเจ็บไฟไหม้อีก 186 คน โดยทั้งหมดถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลต่างๆ ในเซี่ยงไฮ้ ซูโจว หนานถง และอู่ซี ขณะที่ผู้เสียชีวิตทั้งหมดยังอยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเพื่อระบุบุคคลผู้เสียชีวิตก่อนส่งมอบกับครอบครัว คนงานส่วนใหญ่ในส่วนขัดเงานี้ มีอายุระหว่าง 35 - 45 ปี ซึ่งล้วนเป็นกำลังหลักของครอบครัวในการหารายได้ ที่จำยอมทำงานในสภาพที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว
       
ทั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้บริหารของโรงงาน 5 คนแล้ว ในความผิดตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงานฯ ขณะที่ทางด้านสำนักงานใหญ่ในไต้หวัน ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างใด ในอีกด้านหนึ่งตลอดวันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา ประชาชนหนานถง ต่างออกมาบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือคนงานโรงงานฯ หลังขาดแคลนโลหิตช่วยผู้บาดเจ็บ
 
เกาหลีเปลี่ยนวิธีการรับเงินรางวัลสิ้นสุดการทำงาน
 
5 ส.ค. 2014 ชาวต่างชาติที่ทำงานภายใต้ระบบการอนุญาตการจ้างงาน (EPS: Employment Permit System) และนักกิจกรรมประท้วงการแก้ไขระเบียบในการชำระเงินรางวัลสิ้นสุดการทำงานนายปาร์ค จิน วู (ผู้แทนสหภาพแรงงานต่างชาติ) กล่าวว่า "ระบบการทำธุรกรรมการเงินแตกต่างกันไปจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง คุณสามารถรับประกันได้อย่างไรว่าเงินจะไม่ไปในระหว่างทาง นอกจากนี้ ใครจะจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมและอื่นๆ" ภายใต้ระเบียบใหม่ซึ่งมีผลบังคับ แรงงานจะสามารถรับเงินรางวัลสิ้นสุดการทำงานของตนเองได้หลังจากกลับประเทศบ้านเกิดของตน กระทรวงยุติธรรม (MOJ: Ministry of Justice) กล่าวว่าคนงานยังได้รับเงินรางวัลสิ้นสุดการทำงานของตนเองภายใน 14 วัน หลังจากสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน
 
ก่อนหน้านี้ แรงงานที่ออกจากประเทศสามารถรับเงินได้ที่สนามบินแต่จำนวนของแรงงานต่างชาติที่อยู่เกินวีซ่าเพื่อทำงานในเกาหลีต่อ กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้น MOJ กล่าวว่าแก้ไขระเบียบเพื่อทำให้แน่ใจว่าแรงงานต่างชาติทุกคนได้รับเงินรางวัลสิ้นสุดการทำงานของตนเองหลังจากกลับบ้าน แต่ผู้สังเกตการณ์บอกว่าผลจะกลับตรงกันข้าม "แรงงานต่างชาติบางคนกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินใดๆ เลย" นักการทูตเนปาลประจำกรุงโซล ที่ไม่ระบุชื่อบอก Korea Times แรงงานมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มเติมของเงินเดือนหลังจากทำงานหนึ่งปีและจำนวนเงินจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนของปีทำงานเพิ่มขึ้นบริษัทประกันภัยที่จัดการบัญชีจ่ายเงินรางวัลสิ้นสุดการทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้นายจ้างเกาหลียักยอกเงิน นี่เรียกว่าระบบประกันรับประกันออกเดินทางกลับประเทศ (Departure Guarantee Insurance System)
 
ตามระเบียบนี้ การจ่ายเงินประกันให้แรงงานต่างชาติจะดำเนินการขึ้นหลังจากแรงงานเดินทางออกจากประเทศแล้ว ถ้าเลือกที่จะอยู่อย่างผิดกฎหมายแรงงานไม่สามารถรับเงินได้ ระเบียบใหม่นี้เป็นความพยายามส่วนหนึ่งของรัฐบาลที่จะลดจำนวนแรงงานต่างชาติที่ผิดกฎหมาย ผู้สนับสนุนแรงงานต่างชาติอ้างว่าแรงงานต่างชาติไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ ถ้าเงินไม่ถึงประเทศบ้านเกิดของแรงงาน นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำธุรกรรมผู้รับเงินเป็นผู้จ่าย เจ้าหน้าที่หนึ่งในห้าของผู้รับเหมาดูแลและจ่ายเงินดังกล่าวของบริษัทซัมซุงประกันภัยจำกัด กล่าวว่า"เรากำลังปฏิบัติงานเพื่อลดปริมาณของค่าธรรมเนียม วิธีที่ดีที่สุดให้รับเงินได้ที่สนามบินเมื่อคุณออกประเทศ" ณ เดือนมิถุนายน แรงงาน กว่า200,000 คน กำลังทำงานในระบบ EPS กระทรวงแรงงานประมาณการว่า เกือบ 54,000 คน พักอาศัยอยู่ที่นี่อย่างผิดกฎหมาย
 
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว คนงานเดินทางเข้ามาด้วยระบบ EPS จาก 15 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย ประเทศเวียดนามส่งคนงานจำนวนมากที่สุดอย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รัฐบาลระงับการนำเข้าแรงงานเวียดนามไว้สองปีเนื่องจากจำนวนแรงงานผิดกฎหมายมีจำนวนมากขึ้น การพึ่งพาอาศัยแรงงานต่างชาติที่นำเข้าจะเติบโตเนื่องจากอัตราการเกิดต่ำและคนหนุ่มสาวจะไม่ทำงานในโรงงานหรือในฟาร์ม อย่างไรก็ตาม แรงงานต่างชาติไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและมักจะถูกเลือกปฏิบัติและได้รับการคุ้มครองไม่กี่ประเภท
 
บริษัทพัฒนาหุ่นยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น "ซอฟต์แบงก์ (Softbank)" เตรียมวางจำหน่ายหุ่นยนต์แม่บ้าน ราวกุมภาพันธ์ปีหน้า
 
7 ส.ค. 2014 ด้วยสังคมที่มีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก และปัญหาการขาดแรงงาน Softbank จึงพัฒนาหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ซึ่งรับรู้อารมณ์ต่างๆ ได้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว โดยหุ่นยนต์อัจฉริยะนี้มีขนาด 120 เซนติเมตร มาพร้อมกลไกและระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ artificial intelligence เทคโนโลยีคลาวด์ ที่สามารถอ่านอารมณ์ของผู้ใช้งานได้ด้วยภาษาพูดหรือภาษาธรรมชาติมากกว่า 70-80% เน้นให้หุ่นนหุ่นยนต์ดังกล่าวช่วยเหลืองานบ้านและสามารถดูแลผู้สูงอายุได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเพื่อนเล่นให้กับเด็กๆ รวมถึงสอนคุณหนูๆ เรียนรู้คำศัพท์หรือเล่นเกมฝึกการคำนวณจากสื่อดิจิตอล โดยคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 64,000 บาท
 
ไนจีเรียระส่ำ สมาคมแพทย์ประกาศพักงาน 5 สัปดาห์ ประท้วงอีโบล่าระบาด-คร่าชีวิตผู้คน
 
8 ส.ค. 2014 ความคืบหน้าด้านสถานการณ์อีโบล่าระบาดในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ล่าสุด นายโจเซฟ โบไก รองประธานาธิบดีไลบีเรีย ได้เรียกร้องให้มีปิดกั้นพรมแดนระหว่างชาติเพื่อนบ้นแอฟริกาตะวันตก เพื่อระงับแพร่ระบาดของไวรัสอีโบล่า ระบุว่า มีคนจำนวนมากถูกพบว่าติดเชื้ออีโบล่า หลังจากเดินทางกลับจากเชียร์ร่า ลีโอน เพื่อร่วมพิธีศพเหยื่อที่เสีpชีวิตจากโรคนี้ นอกจากนี้ ไลบีเรียยังต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินจากนานาชาติเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดอันตรายนี้ โดยการเรียกร้องนี้มีขึ้นหลังจากที่ไนจีเรียได้ประกาศภาวะฉุกเฉินต่อสถานการณ์อีโบล่าที่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในประเทศ
 
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้ออีโบล่าในไนบีเรีย ยังทำให้ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเลิกพึ่งความช่วยเหลือจากแพทย์ และหันมารักษาตัวเองเนื่องจากเห็นว่า โรงพยาบาลไร้ความสามารถที่จะรักษาพวกเขาและผุ้ป่วยรายอื่น ๆ โดยผู้ป่วยได้ซื้อยาจากร้านยาเพื่อมารักษาตัวเองด้วยการฉีด ขณะที่แพทย์เตือนว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องเสี่ยงอันตราย เนื่องจากผู้ป่วยบางรายอาจใช้ยาเกินขนาด และอาจทำให้เสียชีวิตได้
 
ทางด้านไนจีเรีย หน่วยงานแพทย์ไนจีเรียได้ประกาศพักงาน 5 สัปดาห์เพื่อประท้วงการระบาดเชื้ออีโบล่า ที่ขณะนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย และติดเชื้ออีก 5 รายในกรุงลากอส โดยแถลงการณ์ขอสมาคมแพทย์ไนจีเรียระบุว่าสมาคมแพทย์จะพักงานด้วยเหตุผลหลักคือการแพร่ระบาดของอีโบล่าในไนจีเรีย
 
คนงานเวียดนามที่ทำงานอยู่ในลิเบีย เดินทางกลับถึงบ้านเกิดแล้ว 626 คน 
 
12 ส.ค. 2014 สำนักงานจัดการแรงงานในต่างประเทศ ของกระทรวงแรงงานและสังคมเวียดนาม แถลงว่า จนถึงเมื่อวานนี้ คนงานเวียดนามที่ทำงานอยู่ในลิเบีย เดินทางกลับถึงเวียดนามแล้ว 626 คน ล่าสุดเมื่อวานนี้ คนงาน 94 คนของบริษัทวินาเมกซ์และฮุนไดเอ็นจิเนียริงซึ่งเป็นหุ้นส่วน เดินทางกลับถึงเวียดนามโดยเครื่องบินของเวียดนามแอร์ไลน์ส์ ส่วนอีก 79 คนเดินทางกลับโดยเครื่องบินพาณิชย์สายอื่น
 
อิตาลีช่วยชีวิตผู้อพยพทางทะเลได้เกือบ 100,000 คนในปีนี้
 
12 ส.ค. 2014 กองทัพเรืออิตาลีกล่าววานนี้ว่า ได้ช่วยเหลือผู้อพยพกว่า 2,000 คนได้จากเรือที่ลอยลำอยู่ในทะเลเมดิเตอเรเนียนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือในปีนี้อยู่ที่เกือบ 100,000 คน โดยผู้ที่เดินทางมาถึงอิตาลีล่าสุด รวมถึงผู้อพยพ 94 คน ที่โดยสารเรือใบขนาด 30 เมตรที่ถูกเจ้าหน้าที่ยามฝั่งสกัดไว้ได้บริเวณชายฝั่งคาลาเบรีย และเจ้าหน้าที่ได้จับกุมชายชาวตุรกีที่อยู่บนเรือไว้ได้ 3 คน เนื่องจากต้องสงสัยว่าเป็นผู้ลักลอบค้ามนุษย์ 
 
สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สูงกว่าคาดการณ์
 
14 ส.ค. 2014 กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ส.ค. เพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 311,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับเพียง 295,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 295,750 ราย
 
อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวสูงขึ้น แต่นักวิเคราะห์มองว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากภาคเอกชนชะลอการเลย์ออฟพนักงาน และยังคงมีการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. และ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 218,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค.
 
ชาวฟิลิปปินส์ 810 คนเดินทางด้วยเรือออกจากลิเบียแล้ว
 
15 ส.ค. 2014 สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการฟิลิปปินส์ว่า เรืออพยพซึ่งบรรทุกชาวฟิลิปปินส์ 810 คนออกเดินทางจากลิเบียแล้ว โฆษกกระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าวว่า เรือลำดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าไปยังมอลตา หลังจากรับแรงงานชาวฟิลิปปินส์กลุ่มสุดท้ายจำนวน 367 คนจากท่าเรือในเมืองมิสราตาของลิเบียเมื่อวานนี้ โดยแรงงานเหล่านี้ได้ไปสมทบกับชาวฟิลิปปินส์ 443 คนและชาวต่างชาติ 15 คนที่ขึ้นเรือลำดังกล่าวจากเมืองเบงกาซีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ เครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์จะเดินทางไปยังมอลตาในช่วงบ่ายวันนี้และมีกำหนดเดินทางถึงในวันเดียวกัน
 
เดิมมีชาวฟิลิปปินส์ราว 1,100 คนมาลงทะเบียนขออพยพออกจากลิเบียทางเรือ แต่กว่า 200 คนได้สละสิทธิ์หรือแจ้งว่านายจ้างจะเป็นผู้ส่งพวกเขากลับประเทศเอง ทั้งนี้ นายอัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าวว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์จะไม่จ้างเรืออีกลำเพื่ออพยพประชาชนอีกต่อไปแล้ว แต่จะใช้พรมแดนทางบกของลิเบียที่ติดกับอียิปต์และตูนิเซียในการอพยพชาวฟิลิปปินส์ออกจากลิเบียแทน
 
แม่บ้านชาวต่างชาติในฮ่องกงเรียกร้องขอขึ้นเงินเดือน  
 
15 ส.ค. 2014 ตัวแทนคนรับใช้ชาวต่างชาติเข้าพบเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานฮ่องกง ยื่นข้อเรียกร้องขอเงินเดือนเพิ่มเป็น 4,500 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 18,500 บาท) จากเดิมที่ได้เงินเดือนขั้นต่ำเดือนละ 4,010 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 16,500 บาท) และยังต้องการให้ปรับเบี้ยเลี้ยงค่าอาหารสำหรับคนรับใช้ที่นายจ้างไม่ได้จัดหาอาหารให้ เป็น 1,600 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 6600 บาท) สหภาพแรงงานคนรับใช้เอเชียในฮ่องกงระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2541 มีการขึ้นเงินเดือนเพียงเล็กน้อย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาก แต่ตัวแทนของฝ่ายนายจ้างบอกว่าข้อเรียกร้องของฝ่ายลูกจ้างเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
 
ฟิลิปปินส์ยังคงเดินหน้านำแรงงานกลับจากลิเบีย
 
17 ส.ค. 2014 โฆษกประธานาธิบดีเบนิโญ อาคิโน กล่าวว่า รัฐบาลให้คำมั่นที่จะเดินหน้าทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายในต่างประเทศ ขณะนี้มีแรงงานทั้งหมดกลับจากลิเบียแล้ว 2,727 คน รวมถึงแรงงานจำนวน 766 คนที่เพิ่งจะบินกลับมาถึงช่วงสุดสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ทางการฟิลิปปินส์รายงานว่ายังคงมีแรงงานฟิลิปปินส์อยู่ในลิเบียอีกประมาณ 10,000 คน แม้รัฐบาลจะออกมาเตือนแล้วว่าอาจจะไม่สามารถส่งเรือเข้าไปช่วยเหลืออพยพได้
 
รัฐบาลฟิลิปปินส์มีคำสั่งบังคับอพยพพลเรือนออกจากลิเบียในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างกองกำลังติดอาวุธกลุ่มต่างๆ ทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่รายงานการฆ่าตัดศีรษะคนงานก่อสร้างชาวฟิลิปปินส์และคดีรุมข่มขืนพยาบาลชาวฟิลิปปินส์ในกรุงตริโปลีเมื่อเดือนที่แล้ว ยิ่งทำให้สถานการณ์ในลิเบียเลวร้ายมากยิ่งขึ้น กระนั้นยังมีแรงงานชาวฟิลิปปินส์ส่วนหนึ่งปฏิเสธที่จะเดินทางออกจากลิเบีย เพราะกลัวว่ากลับประเทศไปจะไม่สามารถหางานที่ดีเช่นนี้ได้อีก
 
แรงงานส่วนใหญ่ในลิเบียเป็นแรงงานด้านสาธารณสุข และเป็นแรงงานหลักที่ทำงานให้กับโรงพยาบาลของลิเบีย โดยแรงงานเหล่านี้ได้รับผลตอบแทนพิเศษเป็นแรงจูงใจให้อยู่ในลิเบียต่อไป ทั้งนี้ มีแรงงานฟิลิปปินส์ราว 10 ล้านคน ประกอบอาชีพต่างๆ ในต่างประเทศทั่วโลก เนื่องจากได้รับรายได้หรือผลตอบแทนที่ดีกว่าในฟิลิปปินส์
 
ร้านอาหารในจีนเริ่มใช้หุ่นยนต์ปรุงและเสิร์ฟอาหาร
 
18 ส.ค. 2014 ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน Kunshan ประเทศจีน ได้นำเอาหุ่นยนต์มาใช้งานภายในร้าน มันสามารถกล่าวทักทายลูกค้า จากนั้นรับออร์เดอร์อาหารและส่งข้อมูลตรงไปยังครัว รวมทั้งยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะลูกค้าทันทีที่ปรุงเสร็จ การใช้งานหุ่นยนต์ข้างต้นนั้นอาจจะยังดูไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่นัก เพราะในบ้านเราก็มีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในร้านสุกี้ชื่อดังเช่นกัน แต่ที่จริงแล้วร้านอาหารในเมืองจีนแห่งนี้ยังมีการใช้หุ่นยนต์ในการประกอบอาหารจำพวกผัดผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ ด้วย
 
Song Yugang ผู้ก่อตั้งร้านอาหารดังกล่าวเล่าถึงที่มาของการใช้หุ่นยนต์ในร้านของเขาว่าเกิดจากการที่ลูกสาวของเขาขอร้องให้เขาสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาเพื่อช่วยทำงานบ้าน (เพราะเธอขี้เกียจทำ) แต่แทนที่จะสร้างหุ่นขึ้นมาใช้งานในบ้านเฉยๆ Song กลับมองว่าเขาสามารถทำเงินจากตรงนี้ได้ จึงตัดสินใจนำหุ่นยนต์มาใช้งานในร้านอาหารนั่นเอง
 
ภายร้านของ Song มีหุ่นยนต์ 2 ตัวคอยทักทายลูกค้า ในขณะที่หุ่นอีก 4 ตัวรับหน้าที่เสิร์ฟอาหาร และมีหุ่นขนาดใหญ่อีก 2 ตัวไว้ทำงานในครัว Song อ้างว่าพวกหุ่นยนต์เหล่านี้สามารถเข้าใจประโยคสนทนาในชีวิตประจำวันได้ราว 40 ประโยค โดยต้นทุนในการสร้างหุ่นแต่ละตัวอยู่ที่ประมาณ 40,000 หยวน (ราว 200,000 บาท) ซึ่งใกล้เคียงกับค่าจ้างตลอดปีของพนักงาน 1 คน (แต่ Song มองว่าหุ่นยนต์มีข้อดีตรงที่มันไม่เรียกร้องวันลาหยุด และไม่เจ็บป่วย)
 
ประเด็นการใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนการจ้างคนนี้นอกจากช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังถือได้ว่ามันจุดขายให้แก่ร้าน และเปิดช่องทางทำเงินจากการพัฒนาหุ่นยนต์นี้ต่อไปในอนาคตอีกด้วย โดยตั้งแต่ปีที่แล้วจีนได้แซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศที่มีการใช้งานหุ่นยนต์แทนแรงงานคนมากที่สุดในโลก 
 
ซาอุฯ เตรียมทุ่มงบ 1.2 แสนล้านปฏิรูปภาคแรงงาน หลังพบ 1 ใน 3 ของคนหนุ่มสาวยัง “ว่างงาน”
 
19 ส.ค. 2014 กระทรวงแรงงานซาอุดีอาระเบียเผยในวันจันทร์ (18 ส.ค.) โดยระบุต้องใช้งบประมาณกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 127,355 ล้านบาทในการแก้ปัญหาการว่างงานและปฏิรูปตลาดแรงงานของประเทศ โดยรายงานข่าวระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทางกระทรวงแรงงานซาอุดีอาระเบีย มีขึ้นหลังมีการเปิดเผยผลการศึกษาด้านแรงงานล่าสุดซึ่งพบว่า ราว 1 ใน 3 ของแรงงานที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีในราชอาณาจักรกลางทะเลทรายแห่งนี้ยังคงเป็น “ผู้ว่างงาน”
       
ยิ่งไปกว่านั้น ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบว่า สตรีชาวซาอุฯ ซึ่งมีความรู้ความสามารถ และสำเร็จการศึกษาตั้งแต่ระดับวิทยาลัยขึ้นไปจำนวนหลายพันคนยังคงไม่มีงานทำ เพราะบริษัทต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งยังคง “ไม่นิยม” จ้างแรงงานที่เป็นสตรีเข้าทำงานในองค์กรของตน 
 
ความเคลื่อนไหวล่าสุดถูกมองว่า เป็น “บันไดขั้นที่ 2” ในการปฏิรูปภาคแรงงานของทางการซาอุฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการประกาศใช้แผนแม่บทด้านแรงงานฉบับใหม่ที่กำหนดให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ในประเทศ ต้องจ้างแรงงานชาวซาอุฯเข้าทำงานก่อนเป็นลำดับแรก แทนการจ้างแรงงานต่างชาติที่มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของประชากร 28 ล้านคนของซาอุดีอาระเบีย โดยผลพวงจากแผนดังกล่าวส่งผลให้มีการจ้างแรงงานซาอุฯ ทั้งชายหญิงเข้าทำงานเพิ่มขึ้นถึง 751,000 คนซึ่งสูงกว่าเป้าที่ทางกระทรวงแรงงานซาอุฯ คาดหมายไว้ ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า หลังจากมีการประกาศใช้แผนแม่บทด้านแรงงานฉบับดังกล่าว จำนวนแรงงานสตรีซาอุฯ ที่มีงานทำในซาอุดีอาระเบียได้เพิ่มจำนวนขึ้นถึง 7 เท่า จาก 48,406 คนในช่วงก่อนการประกาศแผนฯ เป็น 398,538 คน
 
ปีนี้ลาวรับ ขรก.ใหม่เพียง 5,000 คน ศึกษาฯ-สาธารณสุขมากที่สุด
 
20 ส.ค. 2014 ทางการลาวเพิ่มประกาศผลการสอบตัดเลือกเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นรัฐกร หรือข้าราชการเพียง 5,000 คนเท่านั้น นับว่าน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา หากเทียบกับจำนวนผู้เข้าสอบกว่า 28,700 คน ทั้งนี้ เป็นไปตามมติตกลงของรัฐบาลที่ได้พบข้อเท็จจริงว่า หลายปีมานี้ได้มีการบรรจุคนเข้าเป็นลูกจ้างของรัฐมากเกินความจำเป็น สื่อของทางการรายงาน 
       
ตามโควตาประจำปี พ.ศ.2557-2558 นี้ จำนวนเพียง 3,901 คน ที่จะถูกบรรจุเข้าประจำใน 16 กระทรวง รวมทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงป้องกันประเทศและองค์การเทียบเท่าของภาครัฐ ซึ่งปรากฏว่า กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา ได้โควตามากที่สุดเป็นจำนวน 1,800 คน และกระทรวงสาธารณสุขอีกราว 700 คน รับน้อยที่สุดปีนี้ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักนายกรัฐมนตรีและองค์การตรวจตราแห่งรัฐ มีโควตารวมกันเพียง 15 อัตราเท่านั้น กระทรวงอื่นๆ ที่เหลือรับอีกแห่งละ 50-200 คน สำนักข่าวสาารปะเทดลาวรายงาน
       
การเข้าทำงานเป็นรัฐกรยังเป็นความปรารถนาสูงสุดของนักเรียนนักศึกษา ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครองชาวลาว เนื่องจากเป็นอาชีพการงานที่มั่นคง มีสวัสดิการดี และมีเบี้ยบำเหน็จบำนาญให้เมื่อเกษียณ ปีที่แล้วมีผู้สมัครสอบบรรจุกว่า 34,000 คน และรับจำนวนเรือนหมื่น ถึงแม้ว่าค่าตอบแทนของรัฐกรจะยังต่ำกว่าลูกจ้างในภาคเอกชนทั่วไปอยู่ก็ตาม บรรดาผู้ที่สอบผ่านในอันดับต้นๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการบรรจุ แต่ก็เป็นที่ต้องการของบริษัทเอกชน ห้างร้าน บริษัทลงทุนจากต่างประเทศทั่วไป รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศด้วย ขปล.กล่าว
       
กระทรวงกิจการภายในซึ่งรับผิดชอบในเรื่องนี้ ได้จัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้าเป็นรัฐกรในช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งภาคทฤษฎีการเมือง ความรู้ทั่วไป และความรู้วิชาเฉพาะ นายไซสี สันติวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่ ได้ออกรับรองหลายครั้ง รับประกันในเรื่องความโปร่งใสของการสอบบรรจุประจำปีนี้.
 
ประธานเฟดเผยตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงซบเซาแม้ว่าจะฟื้นตัวของเศรษฐกิจช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
 
23 ส.ค. 2557 การออกมากล่าว สุนทรพจน์ ของ นาง เจเน็ต เยลเลน ในที่การประชุมประจำปีของของเฟดสาขาแคนซัส โดย ประธานเฟดชี้ว่า เศรษฐกิจขยายตัวขึ้นมาก จากเดิมที่การจ้างงานอยู่ในภาวะที่อ่อนแออย่างมาก การแสดงความเห็นของประธานหญิงของเฟด คล้อยตามกับใจความในรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดประจำเดือน ก.ค. ที่ชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ตระหนักรับรู้กันมากขึ้นว่า ตลาดแรงงานนั้นมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่การฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบของตลาดแรงงานนั้นถือเป็นเรื่องที่ลำบาก เมื่อพิจารณาจากความเสียหายอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ปัจจัยด้านโครงสร้างที่สำคัญๆได้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน รวมทั้งแรงงานที่มีอายุมากขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาที่อาจจะเกิดขึ้นในพลวัตของตลาดแรงงาน
 
นอกจากนี้ ประธานเฟดยังได้ยืนยันถึงจุดยืนเฟดในการคงนโยบายผ่อนคลายเงินตราไว้ต่อไป เมื่อพิจารณาจากความผันผวนในตลาดแรงงานและการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อประธานเฟด กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ต่อไปอีกพักใหญ่ภายหลังจากที่โครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงนั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมโดยเฉพาะเมื่อเงินเฟ้อยังคงเคลื่อนไหวในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวของคณะกรรมการที่ 2เปอร์เซ็นต์ และการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อในระยะยาวยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมได้เป็นอย่างดีประธานเฟดกล่าวว่า อัตราว่างงานที่ลดลงนั้นไม่ได้หมายความว่า ภาวะตลาดแรงงานโดยรวมดีขึ้น เนื่องจากอัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานที่ลดลง ตำแหน่งงานแบบชั่วคราวพบว่ามีความต้องการสูงมากขึ้น ทั้งตัวผู้ต้องการทำงานและผู้ให้ทำงาน
 
อิตาลีพบ 18 ศพบนเรือแรงงานข้ามชาติวอน EU ช่วย
 
24 ส.ค. 2557 สื่อต่างประเทศรายงาน เจ้าหน้าที่อิตาลี พบร่างผู้เสียชีวิต 18 ราย บนเรือแรงงานข้ามชาติ ที่ในสัปดาห์นี้ มีผู้ลี้ภัยเข้ามาทางทะเลแล้วราว 3,500 คน ซึ่งกองทัพเรือของอิตาลีรายงานผ่านสื่อออนไลน์ทวิตเตอร์ วันนี้ว่า เรือซิริโอที่ทำการตรวจค้นในเขตซิซิลี ทางใต้ของประเทศ มีผู้โดยสาร 266 ราย และร่างผู้เสียชีวิตอีก 18 รายบนเรือ
 
อย่างไรก็ตาม ทางการอิตาลีรายงานว่า ปีนี้มีผู้ลี้ภัยเข้าประเทศแล้วประมาณ 100,000 ราย เตรียมขอให้สหภาพยุโรปช่วยเหลือลดภาระอิตาลีจากการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่มีจำนวนมากในแต่ละปี ซึ่งในปีที่ผ่านมาอิตาลีมีค่าใช้จ่ายสำหรับกองทัพเรือที่ลาดตระเวน ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและช่วยเหลือแรงงานที่ประสบอุบัติเหตุทางทะเลถึงเดือนละ 13 ล้านยูโร
 
ชาวเวียดนามไหลเข้าทำงานในลาวเพิ่มขึ้น แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน
 
24 ส.ค. 2557 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแรงงานชาวเวียดนามจำนวนมากเดินทางเข้าไปทำงานในฝั่งลาว เพื่อช่วยเหลือในโครงการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ โดยกระทรวงแรงงาน ผู้ทุพพลภาพ และกิจการสังคมของเวียดนาม ระบุว่า ปัจจุบันมีแรงงานชาวเวียดนามทำงานอยู่ในลาวประมาณ 13,500 คน และคาดว่าในปี 2558 จะมีจำนวนมากกว่า 20,000 คน
       
รายงานของสมาคมนักลงทุนชาวเวียดนามในลาวระบุว่า ชาวเวียดนามเกือบ 7,000 คน เป็นพนักงานในกลุ่มบริษัทฮว่างแอ็งซาลาย บริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ อสังหาริมทรัพย์ ฟุตบอล และเหมืองแร่ ส่วนกลุ่มบริษัทยางเวียดนาม มีแรงงานชาวเวียดนามทำงานอยู่เกือบ 1,000 คน และบริษัทซองดา คอร์เปอเรชั่น มีแรงงานชาวเวียดนามราว 600 คน
       
และจากรายงานของบรรดากิจการของชาวเวียดนามที่ลงทุนในลาว พบว่า แรงงานไม่มีฝีมือชาวเวียดนามที่ทำงานในลาวจะได้รับค่าแรงเฉลี่ย 250 ดอลลาร์ต่อเดือน ขณะที่แรงงานฝีมือจะได้รับค่าแรงประมาณ 500 ดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากเงินเดือนแล้ว แรงงานเหล่านี้ยังได้ค่าเช่าที่พักและสิทธิประโยชน์จากนโยบายประกันสังคม และสุขภาพของเวียดนาม รวมทั้งระบบวันหยุด
       
รองผู้อำนวยการกรมแรงงานต่างประเทศของเวียดนาม กล่าวว่า แรงงานชาวเวียดนามในลาวช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแขนงพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งยังช่วยตอบสนองความต้องการของโครงการการลงทุนขนาดใหญ่
       
นอกจากแรงงานชาวเวียดนามถูกส่งไปลาวผ่านช่องทางหลักแล้ว ยังมีแรงงานส่งไปจากจังหวัดต่างๆ ของเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับลาว เช่น จ.เหงะอาน และ จ.ห่าติ๋ง โดย จ.เหงะอาน มีพรมแดนติดต่อกับ 3 แขวงของลาว คือ แขวงบอลิคำไซ แขวงเชียงขวาง และแขวงหัวพัน เป็นความยาว 419 กิโลเมตร มีกิจการมากกว่า 50 แห่ง เกี่ยวข้องในการนำเข้าและส่งออกสินค้าไปยังลาว หรือเกี่ยวข้องกับการสำรวจแร่ แปรรูปไม้ ผลิตไวน์ ถลุงเหล็ก ป่าไม้ การท่องเที่ยว กิจการรถบรรทุกขนาดเล็ก ผลิตผลทางการเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค คาดว่ามีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 70 ล้านดอลลาร์
       
รัฐมนตรีช่วยกระทรวงแรงงานของเวียดนาม กล่าวว่า เวียดนามหวังที่จะลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านแรงงานฉบับใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ ที่จะนำไปสู่การจัดหาแรงงานชาวลาวให้แก่บริษัทของเวียดนามที่ดำเนินกิจการอยู่ในลาว และบริษัทของเวียดนามจะให้การสนับสนุนโครงการฝึกอบรมวิชาชีพเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ของลาว
 
คนงานเกาหลีเหนือจำนวนมากล้มป่วย เนื่องจากถูกสารพิษที่เขตอุตสาหกรรมแคซอง
 
27 ส.ค. 2557 เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กล่าววันนี้ว่า คนงานเกาหลีเหนือจำนวนมากที่เป็นลูกจ้างของโรงงานเกาหลีใต้ในเขตอุตสาหกรรมแคซองล้มป่วย หลังถูกสารเคมีเป็นพิษ กระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้แถลงว่า คนงานที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวทำงานอยู่ที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 2 แห่ง ในเขตอุตสาหกรรมแคซอง พวกเขาได้ลาป่วยโดยให้เหตุผลว่าปวดศีรษะและมีอาการคลื่นไส้ ด้านเกาหลีเหนือกล่าวว่า คนงานเกาหลีเหนือเหล่านี้ถูกวางยาพิษ แต่ปฏิเสธข้อเสนอของเกาหลีใต้ที่จะให้มีการสอบสวนโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระ 
 
ฝรั่งเศสแย่หนัก ตัวเลขคนว่างงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์
 
28 ส.ค. 2557 กระทรวงแรงงานฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ตอนนี้มีประชาชน 3.424 ล้านคนไม่มีงานทำ เพิ่มขึ้นจากหนึ่งเดือนก่อนหน้า 26,000 คน และนับเป็นการเพิ่มขึ้นของตัวเลขคนว่างงานรายเดือน เป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันแล้ว
 
“ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้สะท้องถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นศูนย์ทั้งในยูโรโซนและในฝรั่งเศส” ฟรังซัวส์ เรบซาแมง รัฐมนตรีแรงงานฝรั่งเศสบอกในถ้อยแถลง
       
ฝรั่งเศส ชาติเศรษฐกิจหมายเลข 2 ของยุโรป กำลังต่อสู้กับวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจที่ถูกมองว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่นายออลลองด์เข้ารับตำแหน่งกว่า 2 ปีก่อน โดยการเติบโตช่วงครึ่งปีแรกหยุดชะงัก ขณะที่นายออลลองด์เองก็ไม่สามารถทำตามคำมั่นสัญญาลดอัตราคนว่างงานให้น้อยลง ยุทธศาสตร์ของเขาสำหรับดึงฝรั่งเศสออกจากหล่ม คือ Responsibility Pact ซึ่งจะปรับลดค่าสวัสดิการสังคมของภาคธุรกิจ คิดเป็นเงิน 40,000 ล้านยูโร แลกกับการสร้างงาน 500,000 ตำแหน่งภายในปี 2017
       
ขณะที่ฝรั่งเศสอยู่ในฐานะรัฐที่กำลังล่อแหลมจากตัวเลขขาดดุลงบประมาณและหนี้สิน มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้สามารถตัดลดงบประมาณรายจ่ายลง 50,000 ล้านยูโร แต่แผนต่างๆเหล่านี้ก็กระตุ้นให้เกิดการก่อกบฏโดยพวกฝ่ายซ้ายภายในพรรคโซเชียลลิสต์ของนายออลลองด์เอง
       
มาเลเซียแอร์ไลน์ อาจโละพนักงานกว่า 5 พันคน
 
28 ส.ค. 2557 บริษัทลงทุนของรัฐบาลมาเลเซีย เตรียมยกเครื่องสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ ครั้งใหญ่ อาจปลดพนักงานถึง 1 ใน 4 กว่า 5 พันคน หลังขาดทุนย่อยยับ จากโศกนาฏกรรมสองครั้งซ้อนในปีนี้ จากที่บริษัทการลงทุนคาซานาห์ นาซิโอนัล ของรัฐบาลมาเลเซีย เข้าถือหุ้น 69 เปอร์เซ็นต์ เทคโอเวอร์สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เพื่อปรับยุทธศาสตร์หลังสายการบินได้รับผลกระทบ สูญเสียความเชื่อมั่นและขาดทุนอย่างหนัก จากกรณีโศกนาฏกรรมเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่สูญหายอย่างปริศนากลางมหาสมุทรอินเดีย และเที่ยวบินเอ็มเอช 17 ที่ถูกจรวดต่อต้านอากาศยานยิงตกเหนือน่านฟ้ายูเครนนั้น
 
สำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่า บริษัทคาซานาห์เตรียมที่จะเปิดเผยแผนการยกเครื่ององค์กรครั้งใหญ่ในช่วงสิ้นเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งอาจรวมถึงการปลดพนักงานกว่า 1 ใน 4 หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 5,500 คน การปรับเส้นทางการบินไปยุโรป จีน และการเปลี่ยนตัวผู้บริหารระดับสูง อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในสายการบินและอดีตพนักงานเปิดเผยว่า มาเลเซีย แอร์ไลน์ส ขาดทุนมาเรื่อยๆตั้งแต่ปี 2554 ก่อนเกิดโศกนาฏกรรมแล้ว และหลังจากเกิดเหตุก็มีพนักงานลาออกมากกว่า 180 คน
 
พนักงานฮุนได-เกียผละงานประท้วงระลอกใหม่
 
28 ส.ค. 2557 บริษัท ฮุนได เกีย ออโตโมทีฟ กรุ๊ป ของเกาหลีใต้ ได้รับผลกระทบจากการผละงานประท้วงระลอกใหม่ของสมาชิกสหภาพแรงงาน ซึ่งต้องการผลักดันให้มีการปฏิรูปค่าแรง ขณะที่สื่อทางการเกาหลีใต้ รายงานคาดว่า การผละงานประท้วงครั้งนี้จะทำให้เกิดความสูญเสียกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,200 ล้านบาท)
 
พนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานกว่า 20,000 คน ที่โรงงานของบริษัท ฮุนได มอเตอร์ ในเมืองอุลซาน เมืองจอนจู และเมืองอาซาน พร้อมใจกันทำงานเพียง 1 ใน 4 ของเวลาทำงาน 8 ชั่วโมง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการผลิตของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้
 
การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสมาชิกสหภาพแรงงานที่บริษัท ฮุนได และบริษัท เกีย มอเตอร์ ผละงานประท้วงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทำงานเพียง 6 ชั่วโมง จากทั้งหมด 8 ชั่วโมง สหภาพแรงงานยังได้เรียกร้องให้สมาชิกออกมาประท้วงที่หน้าสำนักงานใหญ่ของฮุนได เกีย ออโตโมทีฟ กรุ๊ป ในกรุงโซลด้วย
 
คาดว่าเฉพาะการผละงานประท้วงในวันนี้ จะทำให้ฮุนไดสูญเสียการผลิตรถยนต์ราว 5,400 คัน และสูญเสียยอดขายราว 110,000 ล้านวอน (3,456 ล้านบาท) สหภาพแรงงานฮุนได มอเตอร์ ลงมติผละงานประท้วงเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยร้อยละ 70 ของสมาชิกสหภาพแรงงาน 47,262 คน เห็นชอบให้มีการผละงานประท้วง
 
นักบินแอร์ฟรานซ์ขู่ผละงาน 5 วันเดือนหน้า
 
28 ส.ค. 2014 นักบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ขู่จะผละงานเป็นเวลา 5 วันในเดือนหน้า เพื่อประท้วงการปรับเปลี่ยนเที่ยวบินครั้งใหญ่ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง
 
สหภาพแรงงานนักบิน เปิดเผยว่า การผละงานประท้วงจะกระทบต่อเที่ยวบินในประเทศและในแถบยุโรป นับจากวันที่ 15-22 กันยายนที่จะถึงนี้  หากเดินหน้าไปตามแผน สหภาพแรงงานนักบินระบุว่า พวกเขาไม่ได้คัดค้านแผนการยกเครื่องสายการบินที่ประกาศไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา  ซึ่งอาจมีการยกบางเส้นทางไปให้สายการบินในเครือของแอร์ฟรานซ์ และว่า สายการบินไม่ได้เปิดการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องออกมาประท้วง ประธานสหภาพแรงงานนักบินอ้างว่า เขารู้สึกเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างมีการตัดสินใจไว้ล่วงหน้าแล้ว
 
รมว.ใหม่ฝรั่งเศสถูกวิจารณ์หนักหลังแตะ กม.ทำงานสูงสุดสัปดาห์ละ 35 ชม.
 
28 ส.ค. 2014 นายเอ็มมานูเอล มาครอง ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจ การฟื้นฟูอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของฝรั่งเศสเมื่อวานนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีแสดงความเห็นก่อนรับตำแหน่งเรื่องกฎหมายแรงงานฝรั่งเศสที่จำกัดชั่วโมงการทำงานสูงสุดสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง
 
นายมาครอง วัย 36 ปี อดีตนายธนาคารและอดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ ให้สัมภาษณ์นิตยสารรายสัปดาห์เลอปวงหนึ่งวันก่อนได้รับแต่งตั้ง แต่นิตยสารเผยแพร่ในวันนี้ว่า เขาเปิดรับแนวคิดเรื่องให้บริษัทและภาคธุรกิจต่าง ๆ ไม่เดินตามกฎหมายที่จำกัดให้ชาวฝรั่งเศสทำงานไม่เกินสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง เพราะในเมื่อมีแนวโน้มจะอนุญาตให้บริษัทที่ประสบปัญหาเลือกไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว เหตุใดจึงไม่ขยายให้ครอบคลุมทุกบริษัทโดยให้เป็นการตกลงกันระหว่างบริษัทกับพนักงาน
 
ด้านสำนักนายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลลส์ ยืนยันว่า รัฐบาลยังคงเคารพกฎหมายดังกล่าว บริษัทต่าง ๆ สามารถปรับเปลี่ยนชั่วโมงการทำงานได้ตามการตกลงกับพนักงาน และขอย้ำว่าความเห็นของนายมาครองเกิดขึ้นก่อนเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ขณะที่บรรดาสหภาพแรงงานประกาศว่า ความเห็นของนายมาครองไม่ใช่เรื่องที่ดีและไม่ขอยอมรับอย่างเด็ดขาด
 
กฎหมายจำกัดชั่วโมงการทำงานสูงสุดสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง เกิดขึ้นในยุครัฐบาลสังคมนิยมของนายลีโอเนล จอสแปง ฝ่ายที่สนับสนุนกฎหมายนี้อ้างว่า จะช่วยสร้างงานเพราะบีบให้บริษัทต้องจ้างงานคนเพิ่ม ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยมองว่า เป็นกฎหมายที่ไม่ยืดหยุ่น เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจ และทำให้คนล้นงาน
 
แรงงานอาร์เจนตินาเปิดฉากประท้วงครั้งที่ 2 หลังรบ.ผิดนัดชำระหนี้พันธบัตร
 
28 ส.ค. 2014 สหภาพแรงงานในอาร์เจนตินาก็ได้เริ่มต้นประท้วงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 5 เดือน ด้วยการปิดล้อมทางเข้ากรุงบัวโนสไอเรส และเดินขบวนสู่ใจกลางเมือง หลังจากที่รัฐบาลอาร์เจนตินาผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรในเดือนก.ค. ที่ผ่านมา บรรดาพนักงานรถไฟ คนขับรถบรรทุก พนักงานประจำท่าเรือ และพนักงานเสิร์ฟต่างเริ่มหยุดงานในวันนี้ เพื่อประท้วงให้นายแจ้งขึ้นค่าแรง โดยพนักงานในบางรัฐเริ่มต้นประท้วงตั้งแต่เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.)
 
แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า ประธานาธิบดีคริสตินา เฟอร์นานเดซ กำลังเผชิญหน้ากับความไม่พอใจของสาธารณชนที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ลง โดยการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัฐบาลเมื่อเดือนที่แล้วส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น เงินสำรองของธนาคารกลางลดลง และอาจทำให้เกิดวิกฤตการเงิน
 
นักบินสายการบินในเครือของลุฟท์ฮันซ่ารวมตัวหยุดงานประท้วงปัญหาความขัดแย้งเรื่องค่าแรงและผลประโยชน์จากการเกษียณ
 
29 ส.ค. 2557 นักบินของสายการบินเยอรมันวิงส์ สายการบินในเครือของลุฟท์ฮันซ่า รวมตัวหยุดงานประท้วงในวันนี้ (29 ส.ค.) ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00-12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (11.00-17.00 น. ตามเวลาไทย หลังจากการเจรจาปัญหาความขัดแย้งเรื่องค่าแรงและผลประโยชน์จากการเกษียณอายุก่อนเวลาระหว่างสายการบินกับสหภาพแรงงานล้มเหลว ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารราว 15,000 คน และยังส่งผลให้ต้องระงับบริการเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินต่อภายในประเทศจากสนามบินเมืองโคโลญจน์ เมืองสตุทท์การ์ท เมืองดุสเซลดอร์ฟ เมืองดอร์ทมุนด์ เมืองฮันโนเวอร์ เมืองฮัมบูร์ก และกรุงเบอร์ลิน
 
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในศูนย์รักษาผู้ติดเชื้ออีโบลาในเซียร์ร่าลีโอน ประท้วงผละงานหลังรัฐบาลไม่ยอมจ่ายเงินเดือน
 
31 ส.ค. 2014 ที่เซียร์ร่าลีโอน ล่าสุด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของศูนย์รักษาผู้ติดเชื้ออีโบลา ที่เมืองเคเนม่า ซึ่งเป็นศูนย์หลักประกาศประท้วงผละงาน หลังรัฐบาลรหยุดจ่ายค่าแรงให้กับพยาบาล และเจ้าหน้าที่ฝังศพ ที่จะได้รับประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 1,500 บาทต่อสัปดาห์ ซึ่งทำให้ความพยายามเพื่อระงับการระบาดทำได้ยากยิ่งขึ้น
 
ส่วนที่เซเนกัล ประเทศที่ 5 ของแอฟริกาตะวันตก ที่พบการระบาด รัฐมนตรีสาธารณสุข ออกมายืนยันแล้วว่าผู้ป่วยรายแรกของประเทศ เป็นนักศึกษาชาวกินีที่หลบหนีจากการเฝ้าระวังโรค หลังพี่ชาย น้องสาว และแม่เสียชีวิต จากเชื้ออีโบลา ซึ่งข่าวดังกล่าว สร้างความวิตกและความโกรธแค้นให้กับประชาชนในกรุงดาการ์ ที่เชื้อไวรัสอาจแพร่ไปยังคนท้องถิ่น ตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์ ที่เข้ามาในประเทศ
 
ส่วนที่กินี เกิดเหตุจลาจลที่ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองเอ็นเซเรโกเร่ หลังรัฐบาลประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานเป็นเวลา 24 ชั่วโมง และ พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อ รายงานระบุว่า ชาวบ้านหลายคนกลัวว่าการพ่นสเปรย์ดังกล่าว อาจทำให้ติดเชื้อ ขณะที่บางส่วนตะโกนว่า เชื้ออีโบลาเป็นเรื่องโกหก อย่างไรก็ตาม ในกินีมีจำนวนผู้ป่วยอีโบลารายใหม่ ลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับไลบีเรียและเซียร์ร่าลีโอน โดยในปัจจุบัน ตามรายงานของ WHO มีผู้ติดเชื้ออีโบลาแล้ว อย่างน้อย 3,000 คน และ เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน
 
ขณะที่ชาวไลบีเรียในชุมชนแออัดเวสต์พอยต์ ของกรุงมอนโรเวีย ต่างพากันออกมาเฉลิมฉลอง เต้นรำ และโห่ร้องด้วยความยินดี หลังกำลังทหาร และ แนวกั้นรอบชุมชนหายไป ตั้งแต่เช้าวานนี้ โดยรัฐมนตรีข่าวสารไลบีเรีย ระบุว่า การยกเลิกคำสั่งปิดล้อมชุมชนเวสต์พอยต์ ไม่ได้หมายความว่าชุมชนนี้ปลอดเชื้ออีโบลาแล้ว และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะยังทำงานร่วมกับคนในชุมชนต่อไป เพื่อสกัดการระบาดของเชื้ออีโบลา
 
ทั้งนี้ ชุมชนแออัดเวสต์พอยต์ต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม เนื่องจากรัฐบาลประกาศปิดล้อมชุมชนนานเกือบ 2 สัปดาห์ จนสร้างความไม่พอใจให้กับคนในชุมชน และ เกิดการปะทะกับกำลังทหารที่ปิดล้อมจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน
 
 
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก
 
ประชาไท, ครอบครัวข่าว, ASTV ผู้จัดการออนไลน์, สำนักข่าวไทย, กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐออนไลน์, เดลินิวส์, สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

นศ.รัฐเวอร์จิเนียพบ สารปรอททำนกร้องเพี้ยน

0
0

สารปรอทเป็นสารพิษจากอุตสาหกรรมตัวหนึ่งที่เป็นอันตราย มันเป็นสารพิษทำลายประสาทที่ส่งผลต่อมนุษย์และสัตว์อื่นๆ ทำให้นักศึกษาจากรัฐเวอร์จิเนีย ทดลองด้วยการอัดเสียงนกร้องเพื่อเปรียบเทียบเสียงของนกที่รับสารพิษและไม่ได้รับสารพิษ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับผลกระทบที่เกิดกับมนุษย์

31 ส.ค. 2557 เคลลี่ ฮัลลิงเจอร์ ใช้ไมโครโฟนบันทึกเสียงร้องของนกหลายชนิดตามแนวแม่น้ำเซาธ์ริเวอร์ รัฐเวอร์จิเนีย ในสหรัฐอเมริกา เธอกำลังทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นในวิทยาลัยและอาจารย์วิชานิเวศวิทยาของเธอ แดน คริสตอล เพื่อค้นคว้าว่าสารปรอทที่ปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมส่งผลต่อเสียงของนกหรือไม่

ฮัลลิงเจอร์อัดเสียงนกไปตามแม่น้ำที่บางจุดก็มีมลภาวะ บางจุดปราศจากมลภาวะ เมื่อเธอนำกลับมาวิเคราะห์เสียงของนกในคอมพิวเตอร์ก็พบว่าเหล่านกกระจิบและนกกระจอกตามแหล่งที่มีมลภาวะร้องเพลงด้วยเสียงที่สั้นลง มีระดับเสียงต่ำลง และฟังดูเรียบๆ

เป็นที่รู้กันดีว่าสารปรอทเป็นสารพิษที่สามารถทำลายสมองของมนุษย์ได้ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ทำให้นกมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนสังหารลูกของตนเอง แต่จากการวิจัยในครั้งนี้ก็ทำให้พบว่าเสียงนกร้องเปลี่ยนไปด้วย

สารปรอทจากอุตสาหกรรมมาจากการเผาถ่านหิน มีงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้เปิดเผยว่าสารปรอทในชั้นบรรยากาศมีเพิ่มมากขึ้น 4 เท่า นับตั้งแต่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมของมนุษย์ อีกทั้งจำนวนสารปรอทจำพวกเมธิลเมอร์คิวรี (methyl mercury) ก็มีเพิ่มมากขึ้นในสัตว์

สารเมธิลเมอร์คิวรีมีผลต่อเด็กในครรภ์ผ่านทางการที่มารดาทานอาหารที่มีสารตกค้างเหล่านี้ สารนี้ส่งผลให้เด็นในครรภ์มีปัญหาด้านการพูด การพัฒนาด้านภาษา ด้านการเรียนรู้ และด้านความจำ ทำให้การศึกษาผลของสารปรอทต่อนกเหล่านี้อาจจะช่วยให้ศึกษาเปรียบเทียบกับผลที่เกิดกับสมองของมนุษย์ได้ด้วย

ฟิลลิปเป แกรนด์จีน จากนักวิทยาศาสตร์ด้านสาธารณสุขสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเปิดเผยว่า เมธิลเมอร์คิวรีส่งผลต่อระบบการเคลื่อนไหวและการควบคุมการพูดในมนุษย์ ซึ่งอาจจะส่งผลแบบเดียวกันในนก ซึ่งคริสตอลก็เปิดเผยว่านกที่ได้รับสารปรอทดูเหมือนจะมีปัญหาด้านการเรียนรู้เช่นกัน

นิล บาสุ นักพิษวิทยาสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยแม็คกิลกล่าวว่า จำนวนนกร้องเพลงทั่วโลกกำลังลดลง ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากสารปรอทและสารเคมีอื่นๆ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้จำนวนประชากรนกเหล่านี้ลดลง

เสียงเพลงของนกมีบทบาทต่อวิถีชีวิตของพวกมัน ทั้งเรื่องการปกป้องอาณาเขตและการหาคู่ผสมพันธุ์ นกบางจำพวกเช่นนกกระจิบและนกกระจอกเรียนรู้การร้องเพลงจากพ่อของพวกมันเพื่อฝึกการใช้ความจำ การเลียนแบบ และการพัฒนาสมอง เช่นเดียวกับการฝึกพูดของคน นอกจากนี้นกแต่ละชนิดยังมีจังหวะและความเร็วของเพลงในแบบของตัวเอง นกบางชนิดยังมีระดับเสียงร้องต่างกันตั้งแต่เสียงสูงระดับโซปราโนของนกซีดาร์แว็กซ์วิงค์เล็ก ไปจนถึงเสียงทุ่มต่ำของนกกาเหว่า

เสียงของนกยังมีระดับสเกลโน้ตที่ต่างกันเช่นนกบางชนิดจะร้องเสียงโน้ตเดียว แต่นกบางชนิดก็มีเสียงเหมือนขลุ่ย อย่างไรก็ตามหูของมนุษย์พบว่าเพลงของนกมีความซับซ้อนเกินไปจนต้องมีการใข้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยถอดเสียงของนก

นอกจากคริสตอลและฮัลลิงเจอร์แล้วก่อนหน้านี้ก็มีการค้นพบว่านกที่ได้รับสารปนเปื้อนโลหะหนักจะร้องเพลงในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นน้อยลงเมื่อเทียบกับนกในที่ที่ไม่ค่อยมีมลภาวะ และในบางแห่งก็มีการร้องเพลงผิดเพี้ยนไป

จากการศึกษาของฮัลลิงเจอร์พบว่า นกกระจิบและนกกระจอกที่ร้องเพลงเพี้ยนเป็นผลมาจากความผิดปกติของสมองทำให้พวกมันไม่สามารถเรียนรู้เสียงเพลงได้ตามปกติ ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องที่สารปรอทเป็นสารพิษทำลายประสาทที่ส่งผลต่อพัฒนาการสมองมนุษย์

เรื่องนี้ถูกนำไปศึกษาต่อในห้องทดลองกับนกซีบราฟินช์ โดยให้บางส่วนได้รับอาหารที่ปนเปื้อนสารปรอทและอีกส่วนหนึ่งได้รับอาหารที่ไม่มีการปนเปื้อน จากนั้นจึงมีการเปรียบเทียบเสียงร้องระหว่างสองกลุ่มตัวอย่างและมีการเผยแพร่เสียงร้องผ่านทางเว็บไซต์ soundcloud


เสียงของนกที่ไม่ได้รับสารปนเปื้อน


เสียงของนกที่ได้รับสารปนเปื้อน


ผลการทดลองพบว่านกที่ได้รับสารปนเปื้อนจะมีเสียงร้องที่ต่ำกว่าและมีความซับซ้อนน้อยกว่า โดยนกที่ไม่ได้รับสารปนเปื้อนจะร้องเพลงได้ด้วยเสียงสูงระดับ 8 กิโลเฮิรตซ์ ส่วนนกที่ได้รับสารพิษร้องได้สูงสุด 6 กิโลเฮิรตซ์ นกที่กินอาหารมีสารปรอทยาวนานเป็นเวลา 1 ปีจะไม่สามารถบินได้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนความเครียดทำให้นกมีปฏิกิริยาตอบสนองต่ออันตรายลดลง และยังยับยั้งภูมิต้านทานของนกอีกด้วย

นอกจากนี้สารปรอทยังส่งผลกระทบที่น่ากลัวอย่างอื่นกับนก เบอร์กิต เบราน์ นักพิษวิทยาสิ่งแวดล้อมจากแคนาดากล่าวว่าตัวอ่อนของนกที่ได้รับสารปรอทจะเกิดมาโดยไม่มีดวงตา มีลักษณะปากแปลกออกไป หรือความผิดปกติอื่น และนกบางชนิด เช่น นกเหยี่ยว และนกกระยาง ก็มีความบอบบางต่อสารปรอทมาก

"สารปรอทจัดเป็นสารพิษทำลายประสาทที่ส่งผลต่อพฤติกรรมและส่งผลทางกายภาพหลายอย่างต่อสัตว์มีกระดูกสันหลัง และเราก็ยังไม่สามารถทราบได้ว่าผลกระทบเหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างไร เราจึงควรใช้ความระมัดระวังมากว่าเราจะจัดการกับสารพิษปนเปื้อนเหล่านี้อย่างไรในสังคม" เดวิด อีเวอร์ส จากศูนย์วิจัยเพื่อตวามหลากหลายทางชีวภาพในรัฐเมน สหรัฐฯ กล่าว

 


เรียบเรียงจาก

Heavy metal songs: Contaminated songbirds sing the wrong tunes, Environmental Health News, 28-08-2014
http://www.environmentalhealthnews.org/ehs/news/2014/aug/wingedwarnings4heavy-metal-songs

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กอ.รมน. จัดตั้งเครือข่ายข่าวภาคประชาชนสอดส่องภัยความมั่นคง

0
0
กอ.รมน.พระนครศรีอยุธยา สร้างเครือข่ายข่าวภาคประชาชน คอยดูแลสอดส่องปัญหาในพื้นที่ชุมชน สร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติ ปลูกจิตสำนึกรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

 
31 ส.ค. 2557 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยารายงานว่า พันเอกนราธิปต์ ป้อมป้องกัน หัวหน้ากลุ่มงานข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเครือข่ายข่าวภาคประชาชน เพื่อความมั่นคง ปี 2557 โดยมีตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน จำนวนกว่า 50 คนเข้าร่วม ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
 
พันเอกนราธิปต์ ป้อมป้องกัน หัวหน้ากลุ่มงานข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การจัดโครงการฝึกอบรมเครือข่ายข่าวภาคประชาชนในครั้งนี้ เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและให้ประชาชนตระหนักถึงภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อความเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาไปในหลายรูปแบบ ทั้งปัญหายาเสพติด ปัญหาความรุนแรง ปัญหาอาชญากรรมและปัญหาต่างๆ ในสังคม ที่ล้วนแล้วแต่จะส่งผลกระทบต่อความสงบสุขในบ้านเมือง ซึ่งในบางครั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจดูแลไม่ทั่วถึงหรือเข้าถึงได้ล่าช้า ดังนั้น หากมีประชาชนร่วมกันสอดส่องดูแลในพื้นที่ของตนเอง และแจ้งข่าวสารให้กับทางราชการ ก็จะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ทำให้เกิดความสงบสุขและเกิดความมั่นคงต่อประเทศชาติได้
 
ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานด้านการข่าวเบื้องต้น ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ของของตนเอง การปลูกจิตสำนึกให้มวลชนเครือข่ายข่าว ได้มีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างความรัก สามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อสร้างความสุขให้กับคนในชาติ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

โปรดเกล้าฯ ครม.ประยุทธ์ 1 แล้ว

0
0
 
31 สิงหาคม 2557 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรายชื่อคณะรัฐมนตรี หลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว
 
 
 
 
 
สำหรับรายชื่อบุคคลที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งประวัติโดยสังเขปมติชนออนไลน์ได้รวบรวมไว้ดังนี้
 
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม 
 
"บิ๊กป้อม" เกิดเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2488 อายุ 69 ปี สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 ปี 12 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 ปี 21 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก สำหรับตำแหน่งสำคัญที่รับราชการ อาทิ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 พัน.2 รอ.) ปี 32 เป็นผู้บังคับการกรมทหาราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 รอ.) ปี 39 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ในปี 40 ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1 ปี 41 เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ปี 43 และผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ (ผช.เสธ.ทบ.ฝยก.) ได้รับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารบก ปี 47 
 
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร
รมช.กลาโหม 
 
"บิ๊กโด่ง" เกิดเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2498 อายุ 59 ปี สมรสกับนางวิภาดา สีตบุตร สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 14 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 25 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 65 เริ่มรับราชการตั้งแต่ปี 21 ผู้บังคับหมวดกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ฯ ส่วนตำแหน่งสำคัญ รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.), ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ พ.ศ.2545, รองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ปี 47, เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ปี 49, ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ปี 51, รองแม่ทัพภาคที่ 1 พ.ศ.2552, แม่ทัพภาคที่ 1 พ.ศ.2553, เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ปี 55, รองผู้บัญชาการทหารบก ปี 56
 
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ
 
"บิ๊กเจี๊ยบ" เกิดวันที่ 9 พ.ย. 2496 อายุ 60 ปี สมรสกับนางเพ็ญลักษณ์ ปฏิมาประกร (บุนนาค) จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 23 ตท.12 และ จปร.23 ร่วมรุ่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร เติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ทหารเสือราชินี) และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี และเคยเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยนี้มาก่อน นอกจากนี้ยังเคยเป็นผู้บังคับบัญชาคนแรกของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ 90 (ฉก.90) 
 
ดอน ปรมัตถ์วินัย
รมช.ต่างประเทศ
 
เกิดวันที่ 25 ม.ค. 2493 อายุ 64 ปี สมรสกับนางนรีรัตน์ ปรมัตถ์วินัย นายดอนจบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนรับทุน ก.พ.เรียนต่อ
 
สหรัฐอเมริกา UCLA (ป.ตรีและโท) Fletcher School of Law and Diplomacy, Tufts University (ป.โท) เป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และเคยเป็นทูตใหญ่ประจำในหลายประเทศ ก่อนเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ
 
วิษณุ เครืองาม
รองนายกรัฐมนตรี 
 
เกิดวันที่ 15 ก.ย. 2494 อายุ 63 ปี สมรสกับนางวัชราภรณ์ เครืองาม มีบุตรชาย 1 คน ชื่อนายวิชญะ เครืองาม จบการศึกษาคณะนิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดีมาก) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ระดับปริญญาโท Master of Laws (LL.M.) และปริญญาเอก Doctor of the Science of Law (J.S.D.) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยทุนรัฐบาล เริ่มรับราชการโดยเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนจะย้ายไปประจำที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มงานทางการเมืองในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2535 สมัยรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร และได้เข้าทำงานการเมืองอีกครั้งในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี พ.ศ.2545 โดยรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย ต่อมาหลังการรัฐประหาร ปี 49 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ร่วมร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ด้วย
 
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
รองนายกรัฐมนตรี 
 
เกิดวันที่ 15 กรกฎาคม 2490 อายุ 67 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ จาก Wharton School มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เริ่มทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย แล้วมารับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี เป็น รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนมารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
 
ยงยุทธ ยุทธวงศ์
รองนายกรัฐมนตรี
 
เกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2487 อายุ 70 ปี สมรสกับนางอรชุมา ยุทธวงศ์ จบโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน) คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับปริญญาตรีเคมี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยลอนดอน และปริญญาเอกสาขาอินทรีย์เคมีจากมหาวิทยาลัยออกซ
 
ฟอร์ด ได้รับรางวัล "นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น" และได้รับการยกย่องเป็น "นักวิทยาศาสตร์อาวุโส" เคยเป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ 
 
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล
รมต.สำนักนายกฯ
 
เกิดวันที่ 26 สิงหาคม 2499 อายุ 58 ปี จบโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร จากนั้นจึงติดตามครอบครัวไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ณ โรงเรียนเตรียมทหารคิงส์ ประเทศออสเตรเลีย โดยสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์ และปริญญาโททางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จาก Brigham Young University สหรัฐอเมริกา เริ่มต้นเข้ารับราชการในกองทัพบก ตำแหน่ง อาจารย์ สังกัดส่วนการศึกษา กองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ชั้นยศร้อยเอก จากนั้นได้โอนย้ายมารับราชการ สังกัดกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง ทั้งรองผู้ว่าฯสมุทรสาคร รองผู้ว่าฯปทุมธานี และรองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2550 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน ระดับ 10 (ชช.) ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และเป็นผู้ว่าฯนครปฐม ในปี 2552 ต่อมาในปี 2553 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯเชียงใหม่ จนปี 2555 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และในปี 2557 คสช.ได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
 
สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ
รมต.สำนักนายกฯ
 
อายุ 60 ปี เคยผ่านงานที่สำคัญของหน่วยข่าวกรอง อาทิ ทำงานปฏิบัติการที่ประเทศกัมพูชา ปฏิบัติงานที่ประเทศออสเตรเลีย ผ่านงานด้านการรักษาความปลอดภัย ผ่านงานด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ผ่านการปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านงานการบริหารในสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เป็นรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
 
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
รมว.มหาดไทย 
 
"บิ๊กป๊อก" เกิดเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2492 สมรสกับนางกุลยา เผ่าจินดา มีบุตร-ธิดา 2 คน ชื่อนายยุทธพงษ์ เผ่าจินดา และ น.ส.วิมลิน เผ่าจินดา จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 21 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก จบศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง และรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการสำหรับนักบริหาร) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เป็นนายทหารที่อยู่ในสายงานคุมกำลังรบมาตั้งแต่เริ่มรับราชการใหม่ เคยเป็นผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ทหารเสือราชินี (ผบ.ร.21 รอ.) เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ก่อนจะได้เลื่อนเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งในขณะที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 นั้น ได้เป็นหนึ่งในทหารผู้ก่อการรัฐประหารในประเทศไทย 19 ก.ย. 49 ต่อมาได้รับเลือกให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก (คนที่ 36) เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 50 
 
สุธี มากบุญ
รมช.มหาดไทย
 
เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2493 ปัจจุบันอายุ 64 ปี สมรสกับนางต้องฤดี มากบุญ จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร จบรัฐศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) รับราชการครั้งแรกเมื่อปี 17 ในตำแหน่งปลัดอำเภอตรี อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี และได้รับการบรรจุเป็นนายอำเภอตาลสุม จ.อุบลราชธานี ปี 31 และย้ายสลับระหว่างตำแหน่งนายอำเภอและเป็นผู้อำนวยการกอง จนกระทั่งปี 2539 ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จากนั้นในปี 40 เป็นรองผู้ว่าฯสกลนคร ลพบุรี นครสวรรค์ มุกดาหาร ตามลำดับ ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯยโสธร ปี 45 ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯอุบลราชธานี ปี 48 และผู้ว่าฯนครราชสีมา ปี 50 กระทั่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในปี 52
 
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา
รมว.ยุติธรรม
 
"บิ๊กต๊อก" เกิดวันที่ 21 มิ.ย. 2498 สมรสกับนางพจนี คุ้มฉายา จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนอู่ทอง เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ และจบจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 15 (ตท.15) และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 26 (จปร.26) รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 ศึกษาต่อปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับราชการตำแหน่งหลักของกองทัพบก ผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม ทั้ง 3 กรม ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ แม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนขึ้นสู่ผู้ช่วย ผู้บัญชาการทหารบก เป็น ผบ.หน่วย ฉก.เพชราวุธ เป็นทหารหน่วยแรกนอก ทภ.4 ที่ไปปฏิบัติงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 47 และเป็นนายทหารสายวงศ์เทวัญเพียงคนเดียวที่อยู่ท่ามกลางบูรพาพยัคฆ์
 
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
 
"บิ๊กอู๋" เกิดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2497 ชาวนครพนม อายุ 59 ปี สมรสกับนางอรัญญา อรัณยกานนท์ มีบุตรชาย 1 คน จบมัธยมโรงเรียนเทเวศร์ศึกษา เป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 29 จบปริญญาโทด้านพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนครพนม เริ่มต้นชีวิตราชการ รอง สวป.สน.ปทุมวัน ย้ายเป็นผู้บังคับหมวดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.นครพนม เป็น สวป.เมืองมุกดาหาร สว.สภ.กิ่ง อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร สว.สภ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร, เป็นหัวหน้าแผนก 3 ยุทธการ กก.ตชด.13 จ.กาญจนบุรี, รอง ผกก.อก.ตชด.ภาค 1, รอง ผกก.2 สสน.ตชด., อาจารย์ภาควิชาทหารและทหารฝึก ร.ร.นรต., รอง ผบก.รร.นรต., รอง ผบก.ตชด.ภาค 1, ผบก.สำนักงานแผนงานและงบประมาณ ผบก.จร., ผู้ช่วย ผบช.น., รอง ผบช.น., ผบช.ภ.3, ก่อนลงใต้เป็น ผบช.ภ.9 ทำหน้าที่ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า นำทัพกองกำลังตำรวจในภารกิจดับไฟใต้ กระทั่งเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ก็ยังคงอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปรึกษา (สบ 10), รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก่อนเป็น ผบ.ตร.ในเดือน ต.ค. 55 และถูกย้ายไปประจำสำนักนายกฯหลังปฏิวัติ 22 พ.ค. 57
 
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ
รมว.พาณิชย์ 
 
"บิ๊กนมชง" เกิดวันที่ 5 ส.ค. 2498 อายุ 59 ปี สมรสกับ พล.ต.หญิง อัญรัช สาริกัลยะ จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 12 (ตท.12) และ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23 (จปร.23) รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เติบโตมาจากเหล่า "ทหารช่าง" และถือเป็น "ขุนศึก" ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ-การเงิน มากที่สุดคนหนึ่งของกองทัพบก ตำแหน่งสำคัญ เจ้ากรมการเงินทหารบก รองปลัดบัญชีทหารบก ผู้ช่วยเสธ.ทบ. ฝ่ายส่งกำลังบำรุง รอง เสธ.ทบ. ก่อนขยับขึ้นพลเอกในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ แล้วก้าวสู่ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.เคยเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 
 
อภิรดี ตันตราภรณ์
รมช.พาณิชย์ 
 
จบการศึกษาปริญญาโทด้านการค้าระหว่างประเทศ Syracuse University, U.S.A รับราชการในกระทรวงพาณิชย์หลายตำแหน่ง อาทิ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำองค์การการค้าโลก ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ประธานบริหาร หัวหน้าคณะเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างๆ
 
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์
รมว.วิทยาศาสตร์ฯ 
 
เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2498 ปัจจุบันอายุ 59 ปี จบปริญญาเอก ด้านนโยบายและการจัดการสาธารณะจาก Wharton School, University of Pennsylvania ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมาเคยดำรงตำแหน่งทั้งหน่วยงานของรัฐและระดับมหาวิทยาลัยมากมาย อาทิ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ ผู้อำนวยการสถาบันคลังสมองของชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรรมการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กรรมการผู้คุณวุฒิในสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) กรรมการมูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย และที่ปรึกษาอธิการบดีด้านนโยบายและแผน มจธ. โดยถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับต้นๆ ของประเทศไทย
 
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์
รมว.แรงงาน
 
"บิ๊กเต่า" เกิดวันที่ 7 กันยายน 2497 อายุ 59 ปี สมรสกับ นางแสงอรุณ กาญจนรัตน์ มีบุตร 2 คน เพื่อนเตรียมทหาร รุ่น 12 (ตท.12) และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23 (จปร.23) ของ พล.อ.ประยุทธ์ เติบโตมาในสายกิจการพลเรือน โดยเป็นอาจารย์หัวหน้าวิชาการปฏิบัติการจิตวิทยา โรงเรียนกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือน ทบ. และผ่านตำแหน่งสำคัญๆ ประกอบด้วย เจ้ากรมกิจการพลเรือน ทบ. ผู้ช่วย เสธ.ทบ.ฝ่ายกิจการพลเรือน ทบ. รองเสนาธิการ ทบ. หัวหน้าสำนักงานผู้บัญชาการ ทบ. และรองปลัดกระทรวงกลาโหม ก่อนได้รักษาราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมแทน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ถูกโยกไปเป็นประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมตามคำสั่ง คสช. ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงกลาโหมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 57
 
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง
รมว.คมนาคม
 
"บิ๊กจิน" เกิดวันที่ 7 มีนาคม 2497 อายุ 60 ปี สมรสกับ นางจินตนา จั่นตอง มีบุตร 2 คน จบโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 13 (ตท.13), โรงเรียนนายเรืออากาศ รุ่นที่ 20 (นรอ.20), วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 48 (วปรอ.48) และสำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต จากสถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เคยผ่านตำแหน่งสำคัญๆ มากมาย เช่น ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน กรมยุทธการ ทอ. ผู้บังคับการกองบิน 1 กองพลบินที่ 2 กองบัญชาการยุทธทางอากาศ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศไทยประจำกรุงบอนน์ รักษาการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศไทยประจำกรุงปารีส รักษาการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศไทยประจำกรุงโรม เจ้ากรมข่าวทหารอากาศ เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเสนาธิการ ทอ. ในปี 2552 ก่อนจะขยับขึ้นนั่งงเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการ ทอ. ในปี 2554 และรับตำแหน่งผู้บัญชาการ ทอ.ในปี 2555
 
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รมช.คมนาคม
 
เกิดเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2499 ปัจจุบันอายุ 58 ปี จบเศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต Williams College, USA ปี 39-42 เป็นผู้อำนวยการกองวิเคราะห์และประมาณการเศรษฐกิจ ปี 42-43 เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9 ชช. (ผู้เชี่ยวชาญ) ปี 43-46 เป็นผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปี 46-47 เป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน ปี 47-53 เป็นรองเลขาฯสศช. และปี 53-ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งเลขาฯสศช. ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และลาออกเพื่อมารับตำแหน่งรัฐมนตรี 
 
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย
รมว.ศึกษาธิการ 
 
"บิ๊กเข้" เกิดวันที่ 7 ตุลาคม 2496 อายุ 60 ปี "บิ๊กเข้" จบเตรียมทหารรุ่น 13 (ตท.13) โรงเรียนนายเรือรุ่นที่ 20 หัวหน้านักเรียน เหล่าพรรคนาวิน ผ่านตำแหน่งที่สำคัญประกอบด้วย ผู้บังคับการเรือ ร.ล.คีรีรัฐ ร.ล.ปราบปรปักษ์ ร.ล.ตาปี และผู้บังคับเรือหลวงนาคา จากนั้นเป็นหัวหน้าแยกประเภท กองกำลังพล กรมกำลังพล ทร. และรักษาการ ผบ.รล.วิทยาคม จากนั้นมาเป็นอาจารย์ที่สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง (สรส.) ก่อนกลับไปเป็นรอง ผอ.กกฝ. กรมยุทธการ ทร. และเป็น ผอ.กองยุทธการ กรมยุทธการทหารเรือ ต่อมาได้เป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย ประจำกรุงโรม อิตาลี ก่อนกลับมาเป็น รองเสนาธิการ สรส. แล้วก้าวเป็นรองเจ้ากรมยุทธการทหารเรือ ต่อด้วยผู้ช่วยเจ้ากรมยุทธการทหาร บก.กองทัพไทย จากนั้นข้ามมาเป็นเสนาธิการกองเรือภาค 2 กองเรือยุทธการ แล้วกลับมาเป็นเจ้ากรมยุทธการ ทร. แล้วขึ้นเป็น ผช.เสธ.ทร.ฝ่ายยุทธการ เป็นรอง เสธ.ทร. เป็นพลเรือเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ จนปี 2555 ได้ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร. และเป็น ผบ.ทร.ในปี 2556
 
พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์
รมช.ศึกษาธิการ 
 
"บิ๊กน้อย" อายุ 59 ปี สำหรับตำแหน่งสำคัญที่รับราชการที่สำคัญ อาทิ ผบ.กองพลทหารราบที่ 4 (พล.ร.4) เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3 และเป็นแม่ทัพน้อยภาคที่ 3 (พล.ท.) ข้ามมาเป็นผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายกิจการพลเรือน (ผช.เสธ.ทบ.ฝกร.) และขยับรองเสนาธิการทหารบก (รอง เสธ.ทบ.) และได้เป็นรองหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช.
 
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร
รมช.ศึกษาฯ 
 
เกิดวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2489 ปัจจุบันอายุ 67 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี B.Sc.First Class Hons. Electrical Engineering (เกียรตินิยมอันดับ 1) ในปี พ.ศ. 2511 และปริญญาเอกด้านวัสดุวิศวกรรมไฟฟ้า แขนงวิศวกรรมไมโครเวฟ จากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เริ่มรับราชการที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และได้เป็นอธิการบดี มจธ.และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ในปี 2549 จนเกษียณอายุราชการ ปัจจุบันยังทำงานในแวดวงการศึกษา อาทิ เป็นรองประธานคณะกรรมการสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชน (สสค.) เป็นต้น 
 
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
 
"บิ๊กหนุ่ย" เกิดวันที่ 8 กันยายน 2496 อายุ 60 ปี สมรสกับ พ.อ.หญิง สุพัตรา รัตนสุวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เริ่มต้นชีวิตราชการทหารครั้งแรกกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ต่อมาปี พ.ศ.2530 ได้เป็นราชองครักษ์เวร จากนั้นได้เป็นฐานะผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ซึ่งมีอำนาจในการควบคุมกำลังรบหลักของกรุงเทพฯ ก่อนขึ้นดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพภาค 1 จากนั้นในปีถัดมาจะได้เป็นผู้ช่วยเสนาธิการ ทบ.ฝ่ายยุทธการ และได้เลื่อนขึ้นมาเป็นรองเสนาธิการ ทบ. และเสนาธิการ ทบ. นอกจากนี้ เมื่อครั้งรัฐประหารปี 2549 พล.อ.ดาว์พงษ์ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็น สนช. และนั่งเป็นเลขาธิการ กอ.รมน. และผู้ช่วยเลขานุการ ศอฉ.เมื่อครั้งการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ปี 2553 ด้วย
 
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน
รมว.สาธารณสุข
 
เกิดวันที่ 13 สิงหาคม 2493 ปัจจุบันอายุ 64 ปี เคยเป็นอนุกรรมการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการควบคุมอันตรายในการใช้ยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สธ. ระหว่างปี พ.ศ.2538-2542 ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กรรมการบริหารราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ประธานวิชาการ สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และลาออกจากตำแหน่ง โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลและประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)
 
นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศม์
รมช.สาธารณสุข
 
เกิดวันที่ 28 กรกฎาคม 2496 อายุ 61 ปี จบการศึกษาปริญญาโทด้านสาธารณสุขศาสตร์ จาก Royal Tropical Institute,Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก็เข้ารับราชการเมื่อปี 2526 ได้รับตำแหน่งต่างๆ ตั้งแต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หัวหน้าสำนักประสานงานวิชาการและพัฒนากำลังคน ด้านสาธารณสุข ผอ.สำนักนโยบายและแผนสาธารณสุข เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง สธ.ในปี พ.ศ.2543 จนถึงปี พ.ศ.2544 มีผลงานทั้งที่เป็นตำราและงานวิจัยมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นผู้ริเริ่มการศึกษาและพัฒนาระบบบริการด้านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ ที่มี นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน มีคณะกรรมการ 27 คน ภายหลังมีการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในปี 2553 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.)
 
กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา 
 
เกิดวันที่ 19 กันยายน 2503 อายุ 54 ปี สมรสกับ พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จบการศึกษาโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ปริญญาตรี ด้านสถาปัตยกรรมจาก Rhode Island School of Design ประเทศสหรัฐอเมริกา (Bachelor Degree in Architecture) และหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง (วตท.5) สถาบันวิทยาลัยการตลาดทุน เริ่มทำงานในปี 2529 เป็นผู้จัดการแผนกโฆษณา ปี 2555 เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด และในปี 2557 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อนที่จะลาออกมารับตำแหน่ง
 
สมหมาย ภาษี
รมว.คลัง 
 
เกิดวันที่ 26 มิถุนายน 2487 ปัจจุบันอายุ 70 ปี สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) ในปี 2510 และปริญญาโทสาขาเดียวกัน ในปี 2513 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศึกษาระดับปริญญาโทด้านการวางแผนและพัฒนา ที่มหาวิทยาลัยวานเดอบิลต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.คลัง (นายสมหมาย ฮุนตระกูล) และเข้ารับราชการในกระทรวงการคลัง อยู่ในตำแหน่งสูงสุดคือรองปลัดกระทรวงการคลังจนเกษียณอายุราชการ ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.คลัง ในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่ต้องพ้นจากตำแหน่งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 182(3) เนื่องจากศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2550 ตัดสินจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา จากกรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสั่งพักงาน นายทัศพงษ์ วิชชุประภา ผู้บริหารบริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด เมื่อปี พ.ศ.2547 แต่ได้อุทธรณ์ในคดีดังกล่าว และชนะคดีในชั้นศาลอุทธรณ์
 
ณรงค์ชัย อัครเศรณี
รมว.พลังงาน 
 
เกิดวันที่ 3 กรกฎาคม 2488 ปัจจุบันอายุ 69 ปี สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก ด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา มีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทย ปี พ.ศ.2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และในปี พ.ศ.2557 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นครั้งที่สอง
 
พรชัย รุจิประภา
รมว.เทคโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
 
จบการศึกษาปริญญาเอก Ph.D. (Regional Economics) University of Pennsylvania, U.S.A. เคยทำงานเกี่ยวข้องกับด้านพลังงานเป็นหลัก อาทิ กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกรรมการ ประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการลงทุนของบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ประธานกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น 
 
ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยธุยา
รมว.เกษตรและสหกรณ์ 
 
เกิดวันที่ 22 มกราคม 2490 ปัจจุบันอายุ 67 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท MPA. California State University วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 33 ทำงานภาครัฐหลายหน่วยงาน อาทิ วิทยากร กองศึกษาภาวะเศรษฐกิจ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้อำนวยการกองจัดการปฏิรูปที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทั่งขึ้นเป็นปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี 2541 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (องค์การมหาชน) และข้ามมาเป็นปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
 
จักรมณฑ์ ผาสุกวณิช
รมว.อุตสาหกรรม
 
เกิดวันที่ 15 กุมภาพัน์ 2491 ปัจจุบันอายุ 66 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ California State University in Northridge, U.S.A. เข้าเรียนหลักสูตรนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 12 หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 39 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รับราชการหลายหน่วยงานรัฐ ได้แก่ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม  และประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
 
 
วีระ โรจน์พจนรัตน์
รมว.วัฒนธรรม
 
เกิดวันที่ 11 มีนาคม 2495 อายุ 63 ปี จบการศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประวัติการทำงาน เคยดำรงตำแหน่งอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ.2549-กันยายน 2553 รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ.2546-2549 รองอธิบดีกรมศิลปากร พ.ศ.2542-2546 เลขานุการกรมศิลปากร พ.ศ.2536-2542 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมสภามหาวิทยาลัยพะเยา ด้านสังคมได้รับเลือกเป็นบุคคลดีเด่นที่สนับสนุนงานด้านคนพิการ ประจำปี พ.ศ.2547 จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับรางวัลสถาปนิกดีเด่นด้านสังคมและวัฒนธรรม จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ปี 2551 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) ปี 2551
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

หมายเหตุประเพทไทย : รองเท้าแตะและผ้าใบบนแคทวอล์ค

0
0

 

หมายเหตุประเพทไทยสัปดาห์นี้ พบกับ ‘คำ ผกา’ และพิธีกรรับเชิญ ‘มนทกานติ รังสิพราหมณกุล’ บรรณาธิการบริหาร นิตยสารมาดามฟิกาโร ชวนกันสนทนาเรื่องแฟชั่น และนัยยะจากแฟชั่นที่สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลง และการกลืนกลายเข้าหากันของวัฒนธรรมของกลุ่มคนคนแต่ละชนชั้นในสังคม ผ่านแฟชั่นเครื่องแต่งกายภายใต้สินค้าแบรนด์เนม

ข้อสังเกตสำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงแฟชั่น คือ ในปีนี้มีการจัดแสดงแบบโดยนำรองเท้าแตะแบบคีบมาเข้าคู่กับชุดหรูให้นายแบบและนางแบบสวมใส่เดินบนแคทวอล์คในงานแฟชั่นโชว์ระดับนานาชาติ รวมถึงการนำรองเท้าผ้าใบสไตล์กีฬามาจับคู่กับชุดต่างๆ เพื่อกำหนดเทรนด์ของแฟชั่นฤดูหนาวปลายปีนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ รองเท้าแตะและรองเท้าผ้าใบ ซึ่งปรกติจะไม่ถูกนำเข้าชุดกับเครื่องแต่งกายหรูหรา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นของแฟชั่นปีนี้ เป็นการนำเครื่องแต่งกายที่อยู่คนละลำดับชั้นทางสังคมมาเข้าคู่กัน  สะท้อนวิธีคิดและการกลืนกลายเข้าหากันมากขึ้นของคนชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ผ่านการออกแบบเครื่องแต่งกายที่เดิมเคยเป็นตัวบ่งชี้ระดับชั้นของคนในสังคม

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai
Viewing all 50704 articles
Browse latest View live